หลินเมิ่งหวันเหลือบมองหลินเป้ยเหยาด้วยสายตาเรียบเฉย นางเอ่ยเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มว่า “ช่วงนี้ทักษะทางการแพทย์ของพี่หญิงใหญ่พัฒนาขึ้น วันนี้ก็บอกก่อนหน้านี้ว่าตอนที่ข้ารับพระราชโองการ หน้าของข้าดูไม่ดี ตอนนี้ก็ยังบอกว่าข้าเป็นตุ่มหนอง แท้จริงแล้วในสายตาของพี่หญิงใหญ่ข้าดูไม่สบาย หรือว่าพี่หญิงใหญ่ไม่อยากเห็นข้าสบายดีกันแน่”
สีหน้าของหลินเป้ยเหยาเปลี่ยนไปทันที นางมองหลินเมิ่งหวันอย่างไม่พอใจและเอ่ยว่า “น้องเมิ่งหวันคิดเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าห่วงใยเจ้าหรอกนะ”
“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องลำบากเป็นห่วง ข้าสบายดี” หลินเมิ่งหวันเอ่ยอย่างเย็นชา จากนั้นจึงชี้ไปที่สิวของตัวเอง มองฉู่โม่หยวนด้วยรอยยิ้มและบอกว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย นี่ไม่ใช่ตุ่มหนอง แต่เป็นเพียงสิวเม็ดหนึ่งเพคะ หม่อมฉันทายาไปแล้ว พรุ่งนี้ก็น่าจะหายดี ทว่าจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยต้องทอดพระเนตรให้มากหน่อยนะเจ้าคะ”
“หืม? เพราะเหตุใดรึ” ฉู่โม่หยวนมองหลินเมิ่งหวันอย่างอ่อนโยนระคนสงสัย
หลินเมิ่งหวันยิ้มเจ้าเล่ห์ “เพราะโอกาสเช่นนี้นั้นหายาก ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็ไม่ได้เป็นสิวทุกวันอยู่แล้ว”
“ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้หม่อมฉันเป็นสิว หม่อมฉันก็จะไม่ให้ใครเห็น จะได้ไม่มีคนคิดว่า... หม่อมฉันเป็นตุ่มหนอง” หลินเมิ่งหวันลากเสียงพลางเหลือบมองหลินเป้ยเหยาราวกับกำลังยิ้ม
หลินเป้ยเหยากำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น นางกัดริมฝีปากไม่พูดอะไร นัยน์ตาทรงอัลมอนด์ถูกปกคลุมไปด้วยละอองน้ำ ท่าทางเหมือนน้อยใจมาก
นอกจากนี้สายตาของนางยังล่องลอยไปทางหลินซ่างซูกับฉู่โม่หยวนตลอดเวลา ราวกับหวังว่าจะมีใครตัดสินใจทำอะไรเพื่อนาง
หลินเมิ่งหวันคร้านที่จะสนใจนาง ฉู่โม่หยวนเองก็ยิ่งไม่สนใจหลินเป้ยเหยาเลยแม้แต่น้อย เขาคิดเพียงแต่ว่าท่าทางของหลินเมิ่งหวันน่ารักเป็นพิเศษตอนที่นางพูดเมื่อครู่นี้ แม้แต่สิวบนหน้าผากก็ดูเหมือนจะสดใสมีชีวิตขึ้นมา
มีเพียงหลินซ่างซูเท่านั้นที่หน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเมิ่งหวัน
หลินซ่างซูข่มกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหวและเอ่ยว่า “เมิ่งหวัน เป้ยเหยาเป็นพี่สาวของเจ้า นางแค่ห่วงเจ้าเท่านั้น เหตุใดจะต้องประชดประชันเช่นนี้...”
“เจ้าไม่กลัวหรือว่าข้าจะมองว่ามันคือตุ่มหนอง” ฉู่โม่หยวนแย้มริมฝีปากมองหลินเมิ่งหวันและเอ่ยออกมาขัดจังหวะหลินซ่างซู
หลินซ่างซูรู้สึกเหมือนถูกตอกหน้าและเงียบทันที
หลินเมิ่งหวันเอ่ยโดยไม่ลังเลว่า “นั่นเป็นเรื่องปกติเพคะ”
นางยังคงมองฉู่โม่หยวนด้วยรอยยิ้มสดใส “อันที่จริง... ข้าคิดว่าคนปกติคงไม่คิดว่านี่คือตุ่มหนองอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยที่ทรงปรีชาเฉลียวฉลาด คนที่มีความรู้ย่อมไม่มีทางโง่จนมองผิดแน่ๆ”
หลินเป้ยเหยากัดฟันด้วยความโกรธ ใบหน้าแดงราวกับเลือดจะซึมออกมา
ที่หลินเมิ่งหวันพูดนั่น กำลังหลอกด่าว่านางโง่งั้นหรือ!
มุมปากของฉู่โม่หยวนโค้งขึ้นจนเห็นได้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม หลินเมิ่งหวันกำลังชมเขาทางอ้อมใช่หรือไม่?
เพียงแต่...
ฉู่โม่หยวนรู้สึกว่าหลินเมิ่งหวันให้ความสำคัญกับพี่สาวผู้เป็นลูกของอนุภรรยาอย่างหลินเป้ยเหยามาก
แต่เมื่อพบเจอไม่กี่ครั้ง ฉู่โม่หยวนกลับพบว่าหลินเมิ่งหวันกับหลินเป้ยเหยาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก
หลินเมิ่งหวันกล่าวว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันพูดความจริงก็ได้ สิวนั้นหายได้ช้า และถ้าไปสัมผัสโดยไม่ระวังก็จะยิ่งเจ็บ ดังนั้นหม่อมฉันจึงต้องเปิดหน้าผากไว้ตลอด จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันเป็นเช่นนี้ พระองค์จะรังเกียจหม่อมฉันไหมเพคะ”
หลินเมิ่งหวันมองฉู่โม่หยวนด้วยท่าทีที่น่าสงสาร ราวกับนางกลัวว่าฉู่โม่หยวนจะรังเกียจ
ทว่าน้ำเสียงของนางผ่อนคลายจนสัมผัสถึงความกังวลใดๆ ไม่ได้เลย ดวงตาที่สดใสคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มสนุกและเจ้าเล่ห์
เพราะหลินเมิ่งหวันจำได้ว่าในชาติก่อน ฉู่โม่หยวนเคยเห็นนางในสภาพที่ย่ำแย่ยิ่งกว่านี้ แต่เขาก็ไม่เคยรังเกียจนางเลย
ตอนนี้นางแค่เป็นสิว ฉู่โม่หยวนน่ะหรือจะเก็บมาถือสา
ฉู่โม่หยวนได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย มุมปากของเขาโค้งมนยิ่งกว่าเดิม “ไม่รังเกียจ น่ารักมาก”
หลินเมิ่งหวันยิ้มอย่างพอใจและเอ่ยว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย หากคำชมของพระองค์ล่วงรู้ไปถึงที่อื่น เกรงว่าสตรีชั้นสูงในเมืองหลวงคงจะอยากเป็นตุ่มหนองกันหมด”
หลินเมิ่งหวันจงใจเน้นคำว่า “ตุ่มหนอง” และมองหลินเป้ยเหยาอย่างเย้ยหยัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก