ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 61

“ขอบคุณคุณหนูซิงโหรวที่เข้าใจเจ้าค่ะ”เฝ่ยชุ่ยยิ้มกล่าวขึ้น

“คุณหนูของข้าเพิ่งจะได้รับคำชื่นชม ภายในใจปลื้มปริ่มตื้นตันอย่างมาก แต่คุณหนูของข้าร่างกายยังไม่หายดี กำลังวังชาค่อนข้างแย่ ร่างกายของคุณหนูข้าค่อนข้างเหนื่อยล้าอิดโรย หลังจากกลับมาที่ห้องก็รับพระราชโองการแล้วนอน ขอเชิญคุณหนูทั้งสองท่านกลับก่อนเถิดนะเจ้าคะ รอคุณหนูของข้าหายดีแล้วค่อยเจอเถิด และจะได้ไม่รับลมหายใจกลิ่นอายของผู้ป่วยด้วยเจ้าค่ะ”

เฝ่ยชุ่ยกล่าวด้วยความเกรงใจ ภายในใจหลินซิงโหรวกับหลินเป้ยเหยารู้สึกไม่ยินยอม ก็พูดโต้แย้งอะไรออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงกลับไป

เฝ่ยชุ่ยส่งทั้งสองคนกลับตามระเบียบ หลังจากกลับมาห้องก็เห็นหลินเมิ่งหวันคนที่“รับพระราชโองการแล้วควรนอนพักผ่อน”นั่งกินผลอยู่โต๊ะ

ในถ้วยหยกมรกตมีผลเชอร์รี่สีแดงสดขนาดใหญ่อันสวยงามละเอียดอยู่ ซึ่งแต่ละอันมีขนาดใหญ่เท่ากับองุ่นเลย

“ไปหมดแล้วหรือ?”หลินเมิ่งหวันพ่นเมล็ดเชอร์รี่ออกมา แล้วหยิบผลเชอร์รี่ยัดเข้าไปในปากอีก

นี่เป็นสิ่งที่จวนฉินส่งมาตั้งแต่เช้า เห็นบอกว่าลูกพี่ลูกน้องของหลินเมิ่งหวันฉินเชียนมู่เอาผลไม้หายากมาจากโพ้นทะเล เรียกว่าเชอร์รี่อะไรนั่น?

ผลไม้ชนิดนี้หายากจริงๆ แดงก่ำจนเปลี่ยนเป็นม่วง ทั้งหวานทั้งกรอบ เนื้อหนาแน่น หลินเมิงหวันกลับมาจากห้องโถงไม่นาน ก็ได้กินไปสิบกว่าลูกแล้ว

เฝ่ยชุ่ยพยักหน้ากล่าวว่า“ไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวว่าพวกนางมาล้วนเป็นเพราะวันนี้ท่านได้รับของรางวัล เจตนาอยากเอาเรื่องนี้ไปเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้าม ท่านไม่ได้ฟังที่คุณหนูใหญ่แอบใส่ความให้ร้ายประโยคนั้น ตอนนั้นบ่าวอยากจะถามนาง ตอนที่ตัวนางอยากจะได้ของจากท่าน นางลืมแล้วหรือ?”

เฝ่ยชุ่ยพูดพร้อมกับพิจารณาสีหน้าท่าทางของหลินเมิ่งหวัน

หลังจากนั้นครั้งนั้นตั้งแต่ที่หลินเมิ่งหวันหนีการแต่งงาน ปฏิกิริยามีต่อหลินเป้ยเหยาแปรเปลี่ยนไป ขณะเดียวกัน เฝ่ยชุ่ยมีความสุขก็เป็นกังวลเรื่องท่าทีของหลินเมิ่งหวันที่มีต่อหลินเป้ยเหยาด้วย เกรงว่าจะมีการเปลี่ยนใจ เพราะฉะนั้นพูดเรื่องไม่ดีของหลินเป้ยเหยา เฝ่ยชุ่ยเองก็รู้สึกไม่โล่งใจเท่าไหร่

แต่หลินเมิ่งหวันฉีกยิ้ม กล่าวว่า“นางเป็นอีกายืนบนตัวหมู มองไม่เห็นความดำของตัวเอง”

เฝ่ยชุ่ยกับเจินจูชะงักงัน พอได้สติกลับมาและเข้าใจความหมายคำพูดของหลินเมิ่งหวัน ก็หัวเราะออกมาทันที

“ช่วงปีที่ผ่านมาหลินเป้ยเหยาเอาสิ่งของไปจากข้ามากมาย เกรงว่าในสายตาของนาง สิ่งของของข้าล้วนเป็นของนางแล้ว แน่นอนว่านางทำใจไม่ได้ไม่ชอบที่คนอื่นมาให้ความสนใจข้าหรอก”ระหว่างที่หลินเมิ่งหวันพูดคุย ได้ผลักถ้วยเขียวมรกตที่อยู่ตรงหน้าออกไป

“พอแล้ว ไม่พูดถึงนางละ ผลไม้นี้อร่อย พวกเจ้าสองคนลองชิมดูสิ”

เฝ่ยชุ่ยกับเจินจูไม่รีรอ เมื่อขอบคุณแล้วจึงหยิบผลเชอร์รี่มากิน

ตั้งแต่เล็กพวกนางโตมากับหลินเมิ่งหวัน หลินเมิ่งหวันมีของดีอะไร มักจะไม่ลืมพวกนางอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นทั้งสองคนล้วนมีสายตาเฉียบแหลม

“อร่อยมากเลย!”เจินจูเบิกตาโพลงกว้างด้วยความตื่นตะลึง ริมฝีปากแดงระเรื่อ

เฝ่ยชุ่ยก็ยิ้มกล่าวว่า“รสชาติไม่เลวจริงๆ”

เฝ่ยชุ่ยไม่ค่อยจะชอบกินของหวานเท่าไหร่ นางรู้สึกว่าผลเชอร์รี่ค่อนข้างหวานเกินไป แต่รสชาติของความหวานยังมีความเปรี้ยวที่สังเกตได้ยาก ยิ่งลิ้มลองยิ่งยากที่จะลืมเลือน

“ชอบก็กินเยอะๆ ข้าขอตัวไปนอนก่อน ช่วงอาหารเที่ยงไม่ต้องเรียกข้านะ”หลินเมิ่งหวันกล่าวยิ้มๆ นางหาวนอนแล้วเดินเข้าไปด้านในห้อง

ร่างกายของนางยังไม่หายดี ฝืนมาทั้งเช้ารู้สึกว่าอ่อนล้า พอถึงเตียงก็หลับแล้ว

อีกด้านหนึ่ง ขันทีที่นำพระราชโองการมาส่งได้กลับมารายงานที่พระราชวังเรียบร้อยแล้ว เขานำสิ่งที่ทุกคนของจวนหลินแสดงออกมากราบทูลรายงานฮ่องเต้จนหมดสิ้น

ภายในห้องหนังสือกลิ่นธูปหอมฟุ้งกระจาย ชายวัยกลางคนผมบริเวณขมับสองข้างกลายเป็นสีขาวสวมใส่ชุดเสื้อคลุมลายมังกรสีเหลือง นั่งอยู่หลังโต๊ะ

สีหน้าพระองค์เรียบเฉย ขนคิ้วยาวเฟื้อย นัยน์ตาลึกซึ้งจ้องมองขันทีที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าไร้ซึ่งความโกรธ

ไม่นาน ฮ่องเต้ได้ตรัสขึ้นว่า“ทางด้านของเซียงอ๋องซื่อจื่อมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง?”

วันนี้ฮ่องเต้ไม่เพียงพระราชทานรางวัลให้หลินเมิ่งหวัน พระองค์ยังได้ส่งคนนำยาไปให้กับเซียงอ๋องซื่อจื่อฉีเยี่ยนเพื่อให้เขาบำรุงรักษาร่างกายด้วย

“เซียงอ๋องซื่อจื่อยังป่วยอยู่พ่ะย่ะค่ะ หลังจากรับสิ่งของพระราชทานได้ขอบพระทัยฮ่องเต้ที่เมตตากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีที่นำพระราชโองการไปส่งรีบกราบทูลรายงาน แอบมองสีหน้าของฮ่องเต้อยู่เงียบๆ แล้วกล่าวเสริมอีกว่า“แต่กระหม่อมเห็นสีหน้าของเซียงอ๋องซื่อจื่อไม่ค่อยดี เกรงว่าจะต้องพักฟื้นสักระยะหนึ่งถึงจะดีพ่ะย่ะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก