ฉู่โม่หยวนพยักหน้าเล็กน้อย “นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าเองก็ควรจะกลับเสียที เมิ่งหวัน เจ้าไปส่งข้าได้หรือไม่”
หลินเมิ่งหวันยิ้ม “เป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ”
“หลินฮูหยินใหญ่ หลินซ่างซู ส่งเท่านี้เถิด”
ฉู่โม่หยวนโน้มศีรษะและลุกขึ้น พาหลินเมิ่งหวันออกไปข้างนอก
แสงจันทร์สุกสกาว ดวงดาวพราวเจิดจ้า สายลมอ่อนๆ พัดมาพร้อมกับกลิ่นอันอบอวลภายในสวนดอกไม้
หลินเมิ่งหวันกับฉู่โม่หยวนเดินตามกันโดยไม่ทิ้งห่างกันมากนัก ไม่ไกลเกินไป ไม่ใกล้เกินไป
สายลมพัดโชยมาแผ่วเบา เงาของต้นไม้หวิวไหว เงาของทั้งสองคนทาบทับกันโดยบังเอิญราวกับกำลังอิงแอบกันอยู่
ฉู่โม่หยวนหลุบตามองเงาบนพื้น เกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกในห่วงเวลาที่เงียบงัน
หลินเมิ่งหวันชายตามองแผ่นหลังที่สูงยาวของฉู่โม่หยวน จากนั้นจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยไม่ทรงพูดอะไร หม่อมฉันจะส่งพระองค์ออกจากจวนจริงๆ แล้วนะเพคะ”
ตอนนี้มาถึงหน้าเรือนแล้ว อีกไม่กี่ก้าวเขาต้องออกไปแล้วจริงๆ
ความคิดที่งดงามของฉู่โม่หยวนถูกทำลาย เขาหยุดฝีเท้าและมองหลินเมิ่งหวัน
นางสวมชุดกระโปรงที่ขอบกระโปรงสูงเท่าหน้าอกสีชมพูอ่อนและสีม่วงอ่อน บนใบหน้ามีการแต่งแต้มบางๆ ปอยผมบริเวณหน้าผากถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย มีปิ่นปักผมมุกปักประดับอยู่บนมวยผม
แสงจันทร์ใสเย็นส่องทาบทับร่างของหลินเมิ่งหวัน ราวกับกำลังเคลือบนางไว้ด้วยแสงเรืองรอง ทำให้นางดูอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม
สตรีเช่นนางแตกต่างจากข่าวลือถึงความเย่อหยิ่งจองหองในโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ฉู่โม่หยวนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าอยากจะจัดสาวใช้มาให้เจ้าสักคน”
“หืม?” หลินเมิ่งหวันเลิกคิ้ว “เพื่อสิ่งใดหรือเพคะ”
“คอยดูแลความปลอดภัยของเจ้า”
หลินเมิ่งหวันยิ้มและเอ่ยว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงคิดว่าเมิ่งหวันไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ในจวนหรือเพคะ”
“เจ้าว่าอย่างไรล่ะ” ฉู่โม่หยวนถามกลับ เมื่อนึกถึงคลื่นใต้น้ำอันปั่นป่วนตอนมื้ออาหารวันนี้ ความเยียบเย็นก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาสีนิลที่ลุ่มลึกคู่นั้น
มีเขาอยู่ด้วยยังเป็นเช่นนี้ แล้วนับประสาอะไรกับตอนที่เขาไม่อยู่
ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้หลินเมิ่งหวันต้องได้รับความอยุติธรรมมากมายเพียงใด ท่าทางที่หัวแข็งเอาแต่ใจของนางไม่ใช่แค่การปกป้องตนเอง
แต่ฉู่โม่หยวนกลับกล่าวว่า “ถ้าเจ้าไม่เต็มใจ ข้าก็ไม่บังคับ”
“จะไม่เต็มใจได้อย่างไรเพคะ” หลินเมิ่งหวันมองฉู่โม่หยวนยิ้มๆ “มีคนมากมายที่ขอให้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงเหลือบพระเนตรมอง แต่จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงปฏิเสธ ตอนนี้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงห่วงใยเมิ่งหวันมาก เมิ่งหวันมีความสุขเป็นไหนๆ”
“เพียงแต่... ในเมื่อต้องการดูแลความปลอดภัยของหม่อมฉัน เช่นนั้นจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยก็ต้องหาสาวใช้ที่ฝีมือดีให้ จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยก็ทรงทราบว่าหม่อมฉันเองก็รู้วรยุทธ ถ้าสาวใช้ที่จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงส่งมามีฝีมือไม่ดีพอ ก็อย่ามาขวางหม่อมฉันก็แล้วกัน”
หลินเมิ่งหวันเลิกคิ้วอย่างภาคภูมิใจ ราวกับจะบอกว่าถ้าไม่เชื่อเราก็มาลองมือกันดู
แววตาของฉู่โม่หยวนฉาบฉายไปด้วยรอยยิ้ม เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องห่วง”
เขาจ้องมองหลินเมิ่งหวันและเอ่ยขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า “แบนลงไปแล้ว”
หลินเมิ่งหวันชะงักไปนิดหนึ่ง ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงสิวบนหน้าผากของนาง
“เพคะ พรุ่งนี้คงจะหายไปหมด เช่นนั้น... จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยจะทอดพระเนตรให้นานขึ้นสักนิดหรือไม่เพคะ” หลินเมิ่งหวันกะพริบตาปริบๆ อย่างซุกซน
หัวใจของฉู่โม่หยวนสั่นไหวราวกับถูกตะปบเบาๆ ด้วยอุ้งเท้าของแมวน้อย เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างอดไม่ได้และคิดจะโอบหลินเมิ่งหวันเข้ามาในอ้อมกอด
แต่เหมือนหลินเมิ่งหวันจะเดาเจตนารมณ์ของฉู่โม่หยวนได้ นางถอยออกไปหนึ่งก้าวเพื่อสร้างช่องว่างระหว่างนางกับเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก