เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงฉิ้นหว่าน ฟู่ลั่วเฉินก็ย้อนนึกถึงคำวินิจฉัยของหมอที่เคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้า “บาดเจ็บเล็กน้อย......”
เฟิงฉิ้นหว่านพยักหน้าทันที “ท่านชายก็คงพอทราบว่าฉิ้นหว่านพอมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์อยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้เวลาที่ข้าลงมือย่อมรู้ว่าสิ่งใดเหมาะสม ฉิ้นหว่านไม่คิดจะทำร้ายท่านชาย แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น หากไม่ลงมือกับท่านชาย คงไม่สามารถหลอกมือสังหารชุดดำพวกนั้นได้”
“กล่าวเช่นนี้แสดงว่าข้าต้องขอบคุณเจ้าใช่หรือไม่”
“ท่านชาย ฉิ้นหว่านทำร้ายท่าน ขอแค่ท่านไม่ลงโทษข้า เพียงแค่นี้ข้าก็ซึ้งใจมากแล้วเจ้าค่ะ”
ฟู่ลั่วเฉินหัวเราะเบาๆ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อวานหลังจากที่เจ้าหมดสติไป เจ้าเอาแต่ละเมอว่าอะไร”
“ข้า?” หัวใจของเฟิงฉิ้นหว่านเต้นรัว
หลังจากที่หมดสติไป นางย่อมไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ดังนั้นนางจึงไม่รู้อย่างแน่นอนว่าในฝันนางพูดอะไร หรือว่านางพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป?
“เมื่อคืนวานหลังจากที่หมดสติไปแล้ว เจ้าเอาแต่พูดว่าบุญคุณที่ช่วยชีวิต”
เฟิงฉิ้นหว่านแอบถอนใจ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตัวเอง “ในใจของฉิ้นหว่านเอาแต่คิดว่าจะตอบแทนบุญคุณของท่านชายอย่างไร แต่ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจะได้ตอบแทนบุญคุณก็ทำร้ายท่านชายซ้ำอีกแล้ว จึงรู้สึกละอายใจ ดังนั้นต่อให้ข้าหมดสติไปก็คงไม่อาจลืมเรื่องนี้ได้”
ฟู่ลั่วเฉินมองไปที่เฟิงฉิ้นหว่านด้วยสายตาลึกล้ำ “แต่เจ้าบอกว่าบุญคุณที่ช่วยชีวิต ท่านต้องตอบแทน”
เฟิงฉิ้นหว่านชะงัก หรือว่าความคิดที่นางจะทวงบุญคุณฟู่ลั่วเฉินจากการช่วยชีวิตเขาเอาไว้มันรุนแรงเกินไป จนถึงขั้นเก็บเอาไปฝันด้วย
“ท่านชายเจ้าคะ คนเราพอหมดสติแล้วต่างก็พูดเพ้อเจ้อกันทั้งนั้น ไม่มีความหมายอะไรหรอกเจ้าคะ”
นิ้วมือของฟู่ลั่วเฉินกระตุกเล็กน้อย “หรือว่าเจ้าไม่อยากได้การตอบแทนบุญคุณครั้งนี้”
เฟิงฉิ้นหว่านกะพริบตา เมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะร้องไห้ไป ตอนนี้ดวงตาคู่นี้ของนางจึงแดงก่ำ ลูกตาสีดำของนางถูกน้ำตาชะล้าง จึงปรากฏประกายใสชัดเจนขึ้น “ท่านชายคิดจะตอบแทนบุญคุณของข้างั้นหรือ”
“เจ้าต้องการหรือไม่”
“หากท่านชายยินดีตอบแทน ข้าก็ย่อมรับ แต่หากท่านชายไม่ยินดีล่ะก็......”
“ต้องการหรือไม่ต้องการ”
“ต้องการเจ้าค่ะ”
“ฮ่า” ฟู่ลั่วเฉินหัวเราะหยันเล็กน้อย “และยังมาบอกอีกว่าตัวเองไม่มีเจตนาอื่น”
“ท่านชาย” เพียงเฟิ้งฉิ้นหว่านเอ่ยปาก น้ำตาก็ไหลออกมา “ข้า......”
“หากเจ้าร้องไห้จนทำให้พรมของข้าสกปรกอีก ข้าจะจับเจ้าโยนทิ้ง” ฟู่ลั่วเฉินกล่าวเสียงเข้ม
เฟิงฉิ้นหว่านรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเช็ดน้ำตาทันที นางเองก็ร้องไห้จนเหนื่อยจะแย่ ไม่ให้ร้องอีกก็ดีเหมือนกัน
“ท่านชายเพคะ ข้าไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเรื่องการตอบแทนบุญคุณ เพราะในฐานะที่ข้าเป็นข้ารับใช้ก็ต้องเสียสละชีวิตตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเจ้านายของตัวเองได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วนี่เพคะ แต่ที่ข้าต้องการการตอบแทนบุญคุณก็เป็นเพราะว่าข้าต้องการกระชับความสัมพันธ์กับท่านชายให้มากขึ้น หากทำเช่นนี้ได้ ท่านชายคงไม่ห้ามไม่ให้ข้าส่งจดหมายไปถึง”
“ข้าบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าไม่ให้เจ้าส่งจดหมายมา” ฟู่ลั่วเฉินขมวดคิ้ว รู้จักโยนความผิดให้คนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ก่อนหน้านี้ที่ฉิ้นหว่านอยากส่งจดหมายไปหาท่าน ท่านเองไม่ใช่หรือที่พยายามทุกทางเพื่อไม่ให้ข้าส่งจดหมายไปหา ข้าจึงได้แต่หน้าไม่อายบอกว่าจะส่งจดหมายไปถึงท่านชายด้วยตัวเอง แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะส่งไปถึงที่จวนยู่ชินอ๋องก็ตาม......”
เฟิงฉิ้นหว่านพูดพลางก้มหน้าลงเรื่อยๆ น้ำตาสองเม็ดคลออยู่ในเบ้าของนางจนเปรอะเปื้อนขนตา เช่นนี้แล้วยิ่งดูน่าสงสารมากขึ้นไปอีก
แววตาของฟู่ลั่วเฉินยิ่งล้ำลึกขึ้น “เช่นนั้นก็ถือว่ายังติดค้างบุญคุณเจ้าอยู่ก็แล้วกัน”
“ในเมื่อท่านชายรับปากแล้ว เช่นนั้นข้าขอใช้บุญคุณครั้งนี้ก่อนได้หรือไม่”
ฟู่ลั่วเฉินยกมือขึ้นกุมขมับเอาไว้ แล้วพยายามบีบนวดเบาๆ “เจ้าคิดว่าจะใช้อย่างไรเล่า”
“เมื่อข้านำสมุดบัญชีมาให้ท่านชายเมื่อไหร่ ตอนนั้นเรื่องราวที่นครหลินผิงก็คงจะได้ข้อสรุปแล้ว และเรื่องที่ข้าได้ทำเอาไว้คงไม่อาจปิดบังองค์ชายสามได้ ถึงตอนนั้นข้าจะยังมีชีวิตอีกหรือ แต่หากข้าเป็นคนที่มีบุญคุณที่ได้ช่วยท่านชายเอาไว้ องค์ชายสามจะต้องเกรงกลัวอยู่บ้าง หากเป็นเช่นนี้ได้ อย่างน้อยๆข้าจะได้ก้าวไม่ถึงความตายเร็วเกินไปนัก
“เจ้าวางแผนง่ายเกินไปหน่อยหรือไม่ หากเจ้าช่วยชีวิตฮ่องเต้เอาไว้ บางทีบุญคุณครั้งนี้อาจจะรักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้ได้ แต่การช่วยข้า องค์ชายสามคงไม่เกรงกลัวสักเท่าไหร่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ