ขณะที่เฟิงฉิ้นหว่านตื่นขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าก็ใกล้เที่ยงแล้ว
เพิ่งลืมตาขึ้นมา เหว้ยหลันสาวใช้ที่เคยเห็นเมื่อก่อนหน้านี้ก็ยกโจ๊กเข้ามาแล้ว “คุณหนู ท่านตื่นแล้ว ข้าน้อยจะพยุงท่านลุกขึ้นมากินโจ๊กสักหน่อยนะเจ้าคะ”
ครั้นสังเกตเห็นท่าทีเหว้ยหลันสนิทสนมมากกว่าเดิม จิตใจเฟิงฉิ้นหว่านก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ดูท่าคงผ่านด่านฟู่ลั่วเฉินแล้ว
“ขอบคุณแม่นางเหว้ยมาก”
“คุณหนูมิต้องเกรงใจ ท่านลองชิมโจ๊กนี่ดูว่าเข้ากับรสปากท่านหรือไม่?”
เฟิงฉิ้นหว่านกินโจ๊กไปครึ่งถ้วย ได้เสียงเสียงซ่าๆ ดังมาจากข้างนอก สายตาวูบไหวอย่างห้ามไม่อยู่ “แม่นางเหว้ย ทำไมข้างนอกจึงอึกทึกเช่นนี้ หรือว่าคุณชายจะไม่สบายอะไรอีกแล้ว?”
เหว้ยหลันยังไม่ทันตอบ ฟู่ลั่วเฉินก็ผลักประตูห้องเดินเข้ามาแล้ว
“คุณชาย”
ฟู่ลั่วเฉินพยักหน้า เป็นการบอกให้ฟู่ลั่วเฉินออกไป จากนั้นก็เดินไปตรงข้างเตียงเฟิงฉิ้นหว่าน
ครั้นสบกับดวงตาคู่นั้นของฟู่ลั่วเฉิน เฟิงฉิ้นหว่านก็รีบพกพารอยยิ้มบาง ยามนี้สีหน้านางซีดขาว รอยยิ้มยิ่งเบายิ่งบางก็ยิ่งน่ามอง “คุณชาย...”
สายตาฟู่ลั่วเฉินกวาดมุมปากนาง นัยน์ตาหลุบลึกเล็กๆ “ข้างนอกหมอกำลังเอะอะ ข่าวที่ข้าเจ็บหนักจะแพร่ไปถึงเมืองหลวง และพรุ่งนี้เช้ามาข้าก็จะถูกคุ้มกันออกจากหลินผิง”
เฟิงฉิ้นหว่านตะลึงเล็กน้อยก่อนที่ในสายตาจะฉายความอาลัยอาวรณ์ “คุณชาย ท่านด่วนจากไปเช่นนี้ ข้ายังไม่ทันเตรียมของขวัญอำลาเลย...”
พอฟู่ลั่วเฉินไป เย่ลั่วหานก็ไปด้วย ตอนนี้นางจะหาวิธีอะไรตรวจชีพจรของเขา? ถ้าไม่แน่ชัดในสภาพร่างกายจริงของผู้มีพระคุณ ก็วางใจไม่ลงจริงๆ
ฟู่ลั่วเฉินเดินไปถึงโต๊ะด้านข้าง หยิบกำไลซึ่งถักด้วยไหมสีแดงที่เฟิงฉิ้นหว่านพกเมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นจากถาด จากนั้นก็นั่งข้างเตียงเฟิงฉิ้นหว่านโดยตรง ยื่นกำไลไปตรงหน้าเฟิงฉิ้นหว่าน
ใกล้เกินไป กลิ่นหอมคล้ายสนหิมะบนกายของฟู่ลั่วเฉินชัดเจนมากขึ้นทุกที
เฟิงฉิ้นหว่านตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือคิดจะรับกำไลมา “ขอบคุณคุณชายมาก ยังนึกว่าก่อนหน้านี้ตกน้ำไปเสียแล้ว!”
ฟู่ลั่วเฉินยกฝ่ามือขึ้น หลบนิ้วมือของเฟิงฉิ้นหว่านโดยตรง
“คุณชาย?” เฟิงฉิ้นหว่านชายตามองด้วยความฉงนใจ
ฟู่ลั่วเฉินหยิบกริชออกมาเล่มหนึ่ง ยื่นไปตรงหน้าเฟิงฉิ้นหว่านพร้อมกับกำไล
เฟิงฉิ้นหว่านพลันตึงเครียด หรือว่าแผนการก่อนหน้านี้ไม่สำเร็จ ฟู่ลั่วเฉินยังต้องการแทงนางเอาคืน? คนใหญ่คนโตผู้นี้ไม่เพียงจิตใจแปรปรวน ซ้ำยังอาฆาตพยาบาท!
สองมือฟู่ลั่วเฉินยื่นออกไปตรงหน้าเฟิงฉิ้นหว่านนิ่งๆ เห็นนางไม่ไหวติง ระหว่างคิ้วจึงขมวดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ทำไมยังไม่ลงมือล่ะ?”
เฟิงฉิ้นหว่านเอื้อมมือหยิบกริช ดวงหน้าพกพารอยยิ้มไม่เจ็บแค้นและไม่เสียใจ “ก่อนหน้านี้ข้าทำร้ายคุณชาย ให้ข้าชดใช้ก็สมควรแล้ว...”
ว่าแล้วนางก็กุมกริชแน่น เล็งหน้าอกตัวเองแล้วแทงลงไป
ฟู่ลั่วเฉินบีบข้อมือนางไว้แน่น คิ้วเย็นชาหล่อเหลาเลิกขึ้นนิดๆ “ไม่มีอะไรจะแทงตัวเองทำไม สนุกหรือ?”
เฟิงฉิ้นหว่านตะลึงเล็กน้อย หรือว่าตนเข้าใจผิด?
“แต่คุณชายท่านยื่นกริชมา หรือว่าไม่ใช่ให้ข้าแทงตัวเองสักสองหน ชดใช้ที่ก่อนหน้านี้ทำท่านบาดเจ็บหรือ?” เฟิงฉิ้นหว่านน้อยใจเล็กน้อย
ฟู่ลั่วเฉินหัวเราะเย็นเสียงหนึ่ง “แล้วข้ายังถือกำไลอยู่ล่ะ?”
“กำไลนั้นถักทอจากไหมสีแดง นุ่มนวลทั้งความเหนียวดีเยี่ยม ใช้กัดยามทรมานเหมาะที่สุด”
“ท่านคิดได้รอบคอบนัก”
ฟู่ลั่วเฉินชิงกริชมาทันที จากนั้นเมื่อขยับข้อมือ ไหมแดงที่ห้อยอยู่ตรงปลายกำไลก็ถูกเฉือนออกมา
เฟิงฉิ้นหว่านยกมือรับ เห็นไหมแดงในมือแล้วกลับไม่เข้าใจถึงสาเหตุ “คุณชาย นี่ท่าน?”
“พัดข้าขาดที่พู่สีแดง”
พู่พัด?
ฟู่ลั่วเฉินเห็นเฟิงฉิ้นหว่านยังนิ่ง นัยน์ตาหงส์กวาดชืดๆ “ยังไม่รีบถักอีก?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ