เมื่อเห็นท่านแม่ของตนเอง เฟิงฉิ้นหว่านรีบร้อนจะลงจากบนรถม้า ฟู่ลั่วเฉินไม่ได้มีท่าทีตอบโต้กลับครู่หนึ่ง ยังนึกว่านางนั่งไม่เรียบร้อยจนจะตกลงไป จึงยื่นมือออกไปแล้วก็คว้าที่เอวของนางเอาไว้
ใบหน้าที่เดิมทีเย็นยะเยือกของเสิ่นเยว่ ในตอนนี้ยิ่งไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องเขม็งไปที่บนมือของฟู่ลั่วเฉินอย่างระวังตัว ยกมุมริมฝีปากขึ้น เผยให้เห็นสีหน้าที่ยิ้มแต่เหมือนไม่ยิ้มออกมา
“ฉิ้นหว่าน เหตุใดจึงไม่รู้จักคิดเช่นนี้? มืดค่ำเช่นนี้แล้ว ยังต้องลำบากท่านชายฟู่มาส่ง ถ้าหากว่าเจ้าเป็นกังวลว่าบนถนนจะไม่ปลอดภัย บอกท่านแม่ ท่านแม่นั่งรถม้าไปรับเจ้าก็ได้”
ฟู่ลั่วเฉินรีบได้สติกลับคืนมา หลังจากพลิกกายลงจากม้า นำเฟิงฉิ้นหว่านประคองลงมาอย่างเอาใจใส่: “คารวะฮูหยินเสิ่น”
“มิบังอาจ ฉิ้นหว่านไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร กลับไปข้าจะต้องอบรมนางให้ดีดีเสียหน่อย จะไม่ลำบากท่านชายอีกแล้ว”
“อันที่จริงแล้วไม่ได้......”
เสิ่นเยว่ยิ้มเล็กน้อยขัดจังหวะ: “ข้าทราบดีว่าท่านชายจิตใจดี แต่ทว่านี่ก็ไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างตามอำเภอใจของฉิ้นหว่านได้ ฉิ้นหว่าน ยังไม่รีบกลับจวนอีก?”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่”
เฟิงฉิ้นหว่านเดินไปที่ข้างกายของเสิ่นเยว่อย่างว่านอนสอนง่าย จากนั้นก็ถูกเสิ่นเยว่จับข้อมือเอาไว้: “ท่านชายฟู่เดินทางกลับดีๆ พรุ่งนี้ข้าจะจัดเตรียมของขวัญขอบคุณหนึ่งชิ้น ส่งไปให้ที่สวนของท่านชายฟู่”
ฟู่ลั่วเฉินดวงตาขยับเล็กน้อย: “ฮูหยิน อันที่จริง......”
“เอาเป็นตามที่กล่าวก็แล้วกัน”
เสิ่นเยว่พูดจบ ไม่ได้ให้โอกาสฟู่ลั่วเฉินได้พูดอะไรเลยสักนิด ยกมือแล้วก็ดึงเฟิงฉิ้นหว่านเดินมุ่งตรงเข้าไปในจวน จากนั้นประตูใหญ่ก็ปิดลงเสียงดังโครม
ฟู่ลั่วเฉินมองประตูบ้านที่ปิดแน่นสนิท ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงยืนอยู่ที่เดิมไม่มีการขยับตัวอยู่นานสองนาน มักจะรู้สึกว่าจิตใจขึ้นๆลงๆอย่างรุนแรง
อีกด้านหนึ่ง เสิ่นเยว่ดึงเฟิงฉิ้นหว่านด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมมาตลอดทางจนถึงห้องโถงใหญ่ จากนั้นก็ให้นางยืนอย่างเชื่อฟัง
“ฉิ้นหว่าน ยังไม่รีบอธิบายอย่างตรงไปตรงมา?”
เฟิงฉิ้นหว่านกะพริบตาปริบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความใสซื่อ ทำตัวออดอ้อนเข้าไปใกล้ข้างกายของเสิ่นเยว่ ยิ้มจนดวงตาโค้งโก่ง: “ท่านแม่ ท่านอยากให้ข้าอธิบายอะไรกันแน่?”
มองดูลักษณะท่าทางเช่นนี้ของนาง ความโมโหภายในใจของเสิ่นเยว่ก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว แต่ทว่าเมื่อคิดๆดูแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปต้องไม่ดีอย่างแน่นอน รีบแกล้งทำเป็นเย็นชาและจริงจังอีกครั้ง
“เจ้ารีบอธิบายอย่างตรงไปตรงมา เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าและท่านชายฟู่ผู้นั้น?”
“ท่านแม่เมื่อครู่ไม่ใช่ว่ามองเห็นทั้งหมดแล้วหรอกหรือ? เขาถือโอกาสที่เดินทางผ่านมาส่งข้ากลับมา นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว”
“ข้าขอถามเจ้า ฐานะของท่านชายฟู่ผู้นั้นคืออะไร?”
“บุตรเอกยู่ชินอ๋อง”
“ถ้าเช่นนั้นฐานะของข้าคืออะไร?”
“ท่านคือท่านแม่ที่งดงาม อ่อนโยน มีเมตตาที่สุดของข้าไง!” เฟิงฉิ้นหว่านรีบเข้าไปใกล้ข้างกายของเสิ่นเยว่ โอบกอดแขนนางแล้วเขย่าไปมา
เสิ่นเยว่กดมุมริมฝีปากที่ยกขึ้นลงอย่างสุดกำลัง: “เจ้าเลิกทำตัวออดอ้อนที่นี่ ฐานะของข้าเป็นเพียงแค่หญิงหม้ายธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น ที่หลินผิงตระกูลเฟิงมองดูว่าพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ทว่าในสายตาของท่านชายฟู่ท่านนั้น ไม่แตกต่างอะไรจากมดและแมลงมากนัก แต่ทว่าหลังจากที่เขาพบเจอข้า กลับถามสารทุกข์สุกดิบก่อนอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด เจ้าว่านี่แสดงถึงอะไร?”
“แสดงถึงท่านชายฟู่ท่านนั้นมีคนอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี?”
เสิ่นเยว่อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นแล้วจิ้มไปบริเวณหว่างคิ้วของเฟิงฉิ้นหว่าน: “เจ้าพูดกับข้าอย่างจริงๆจังๆ!”
เฟิงฉิ้นหว่านรีบนั่งอย่างเรียบร้อย: “ท่านแม่ ภายในเรื่องนี้นั้นมีเหตุผล”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าพูดออกมาให้ชัดเจน ว่ามีเหตุผลอะไร?”
“ท่านแม่ก็ทราบ ลักษณะท่าทางภายนอกของท่านชายฟู่ท่านนั้นเป็นลูกผู้ดีมีเงินใช้ชีวิตแบบตามใจตัวเอง ในวันธรรมดาโปรดปรานสนุกกับผู้สาวคนงามวิวทิวทัศน์สวยงาม อีกทั้งยังเป็นแขกขาประจำของหอนางโลม”
“อันนี้ข้าเองก็เคยได้ยินมาเช่นกัน”
“แต่ทว่าในความเป็นจริง ฟู่ลั่วเฉินมีความคิดที่ลึกซึ้ง ภายในใจมีแผนการใหญ่ แต่ทว่าก่อนหน้าที่แผนการเหล่านี้จะประสบผลสำเร็จ ไม่สามารถเปิดเผยต่อหน้าคนภายนอกได้ ทั้งนี้เพื่อจะได้ไม่ถูกทำลาย เขามาถึงหลินผิงเมื่อหลายวันก่อน พักอยู่ที่นี่มาหลายวันมาแล้ว ได้กระตุ้นความหวาดระแวงของคนมากมายอย่างลับๆ แต่ทว่าเป็นเพราะว่าอานผิงอ๋อง อยู่ เขาจำเป็นต้องมาอีกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนี้ละก็ ก็จำเป็นต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมสักข้อ”
ภายในดวงตาของเสิ่นเยว่เผยให้เห็นความสงสัยบางอย่าง: “เจ้าก็คือเหตุผลของเขา?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ