เฟิงฉิ้นหว่านเดินไปที่ขั้นบันไดของชั้นสอง มองไปๆมาๆอย่างละเอียด: "หอหญิงงามเมืองของเรารวมแล้วมีห้าชั้น ทีหลัง โต๊ะและเก้าอี้ทั้งหมดที่ชั้นนี้รื้อออกให้หมด ทำให้กลายเป็นโถงเงาสะท้อน คนอะไรเข้ามา ก็ต้องดูหน้าตาก่อน หน้าตาไม่ได้เอาความสามารถมาแก้ขัด ฐานะไม่สูงเอาเงินทองช่วย สำหรับพวกที่ไม่มีทั้งความสามารถทั้งหน้าตาละเงินทอง โยนออกไปให้หมด!"
“เหอะๆ ท่านชายน้อยพวกที่ไม่มีทั้งความสามารถทั้งหน้าตาและเงินทอง ไม่มีวันที่จะเข้ามาได้”
“ไม่ใช่เช่นนั้น มีแต่บางคนที่ไร้ยางอาย ได้ชัดว่าไร้ค่า แต่กลับบอกว่าตัวเองมีใจ พี่สาวที่หลงกลหลายคน ก็โดนหลอกด้วยเช่นนี้มิใช่หรือ?” เฟิงฉิ้นหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้พูดไม่ได้ตั้งใจ ผู้ฟังกลับคิด ทุกคนมองผู้หญิงที่ยืนอยู่รอบนอกโดยไม่ตั้งใจ
หญิงสาวคนนั้นรูปลักษณ์สวยสง่า กลิ่นอายรอบกายกลับเย็นเหยียบ ทั้งตัวสวมเสื้อสีขาวซีด คิ้วโค้งเรียวงาม ดวงตาราวกับดาวเดียวดาย เย็นชาราวกับดวงดาวข้างฟ้า
“แล้วชั้นสองล่ะ?”
“ชั้นสองเปลี่ยนเป็น เรือนพรรณบุปผกา เป็นถึงหอหญิงงามเมือง ไม่มีดอกไม้ได้อย่างไร? ในเมื่อสถานที่กว้างขวาง เหมย กล้วยไม้ ไผ่ เบญจมาศมาอย่างละหนึ่งชุด
เหมย เย็นชาสูงส่ง เพียงมองก็สามารถทำให้คนนั้นโอนเอนแย้มองค์ ;กล้วยไม้ สวยงามหยาดเยิ้ม ใดล้วนมีใจ แต่ก็ใดล้วนไร้ใจ ใต้กระโปรงมีชายหลงใหลทั้งใต้หล้า หันกลับมามีแต่รักลึกล้ำวาสนาตื้น;ไผ่เข้มแข็งแน่วแน่ หากใจข้าไม่ยอมสั่น แล้วแต่ท่านจะไปแห่งหนใด;เบญจมาศเฉยเมยไม่แย่งชิง ไม่กลัวความอับอาย ไปหรืออยู่ตามใจชอบ แต่ถ้าทำนางขัดใจละก็...”
เฟิงฉิ้นหว่านกระแอมในลำคอ พูดมากเกินไป ลำคอก็แห้งเล็กน้อยแล้ว
“ถ้าขัดใจจะเป็นเช่นไร?”
“ท่านชายน้อยรีบบอกสิ?”
ความสนใจของทุกคนในหอหญิงงามเมืองถูกดึงดูดโดยสิ่งที่เฟิงฉิ้นหว่านกล่าว
เฟิงฉิ้นหว่านเปิดพัดในมือ: "ถ้าทำนางขัดใจ ก็ให้พวดเขาได้ดู ว่าอะไรเรียกว่าเมื่อข้าบานฆ่าดอกไม้ทั้งร้อย!"
นางลี่และคนอื่นๆ ตาเป็นประกายกันหมด
“ท่านชายน้อย ยังมีอีกหรือไม่”
“ยังมีอยู่ ยกชามาถ้วยหนึ่ง!” เฟิงฉิ้นหว่านพัดพัดพับ
หญิงสาวของหอหญิงงามเมืองรีบนำชามาให้ และตรวจสอบอุณหภูมิอย่างระมัดระวัง
“ท่านชายน้อย ท่านลองชิม นี่คือชาใหม่ หวูอี๋เซียงของปีนี้ แม้ว่าจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็มีรสชาติที่ดีเป็นพิเศษ”
“ไม่ค่อยมีชื่อเสียง?” เฟิงฉิ้นหว่านจิบสายไปหนึ่งคำ พยักหน้าด้วยความชื่นชม “ช่างหอมจริงๆ”
“นี่คือผลิตที่เขาหวูอี๋ทางใต้ของ หลินผิง ของพวกข้า เป็นต้นชาป่า ปกติไม่มีคนดูแล ที่ตีนเขามีหลายครอบครัว ล้วนเป็นผู้สูงอายุ ทำยาไม่ไหวแล้ว ท่านฉินใจดี เห็นพวกเขาเก็บและผัดชาทุกปี ก็ให้พวกเขาส่งมาที่หอหญิงงามเมือง ให้เงินเพิ่มอีกหน่อย เหล่าหญิงสาวก็ว่าดีเมื่อได้ดื่มแล้ว "นางลี่อธิบายอยู่ข้างๆ
“เป็นเช่นนี้นี่เอง คนสวยชงชา ยกชา ควรเรียกว่าชาหญิงงามถึงจะถูก
ตาของนางลี่เป็นประกาย: “ท่านชายน้อยความคิดนี้ดี ชานี้เป็นชาเดียวในหอหญิงงามเมืองของพวกข้า ถ้าสามารถมีชื่อเสียงออกไปได้ ก็จะดีไปอีก”
“ท่านชายน้อย ชาท่านดื่มแล้ว ยังไม่พูดชั้นสามเลย ชั้นสองนี้เป็นเรือนพรรณบุปผกา ชั้นสามควรเป็นเช่นไร?” หญิงสาวคนอื่นๆ ยังคงสนใจชั้นที่สามมากกว่า
"ชั้นแรกคือโลกมนุษย์ ชั้นสองก็ควรเป็นเรือนสวรรค์แน่นอนแล้ว ก็เรียก แดนเทวสิทธิ์"
“เช่นนั้นควรมีสำนวนการพูดเช่นไร?”
“ในเมื่อเป็นแดนเทว งั้นก็ต้องเป็นเช่นจันทร์ในน้ำ บุปผาในกระจก ได้เพียงมองไกลๆไม่สามารถจับต้องได้ เมื่อกี้ข้าดูอย่างละเอียดแล้ว พี่สาวทุกคนล้วนสวยงาม จะว่าเป็นนางฟ้าบนดินก็ไม่เกินไป เมื่อถึงเวลาก็คิดลูกเล่นดีๆ เช่นฉางเอ๋อมองจันทร์ นางฟ้าลงดิน ในเวลาปกติพี่สาวที่ราวกับนางฟ้าต้องไม่เปิดเผยต่อหน้าคนอื่นง่ายๆ เช่นนั้นก็ต้องสร้างหอคอยตกชั้นฟ้าหนึ่งที่”
เสียงของเฟิงฉิ้นหว่านชัดเจน คำพูดก็ไพเราะ ทำให้ทุกคนในหอหญิงงามเมืองใฝ่หาปรารถนา
“หอคอยตกชั้นฟ้า?อันนี้มีวิธีการพูดเช่นไร?”
“พี่สาวนางฟ้าสนใจคนโชคชะตาคนใด ก็ยอมลดสูงส่งตัวลงมาจากหอคอยตกชั้นฟ้า เช่นนี้ถึงจะทำลายกำแพงกั้นระหว่างฟ้าและโลกมิใช่หรือ”
“ฮ่าๆ ท่านชายน้อยการพูดเช่นนี้น่าสนใจจริงๆ”
“จริงด้วย แต่ก่อนมีแค่พวกข้าที่ค่อยเอาใจท่านชายรวยพวกนั้น เอาแต่กลัวดูแลเขาไม่ดี ตามที่ท่านชายน้อยพูด พวกข้ากลับดูสูงส่งกว่าคนพวกนั้นเลย ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ