เฟิงฉิ้นหว่านเปลี่ยนชุดเสร็จมายังหน้าห้องโถง ก็ได้เห็นหวางจื้อหยวนและฉียุ่นเซิงที่ได้นั่งอยู่
“ขอพบลุงฉี ขอพบนายท่านหวาง”
สีหน้าฉียุ่นเซิงได้มีความอบอุ่นเป็นอย่างมาก “แม่นางเฟิงไม่ต้องเคารพกันมาก วันนี้ที่พวกข้าสองคนได้มา ก็อยากจะพูดกับเจ้าเกี่ยวกับสถานการณ์การดำเนินการค้าขาย”
เฟิงฉิ้นหว่านได้เทชาให้ทั้งสองท่านด้วยตัวเอง เพิ่งจะนั่งลงกับพื้นที่ด้านข้าง “เจอปัญหาอะไรหรือไม่?”
พูดถึงอันนี้ หวางจื้อหยวนใช้สายตาอันเชิดชูมองไปยังฉียุ่นเซิง
“แม่นางเฟิงไม่ต้องเป็นห่วง การซื้อขายไม่เพียงแต่ไม่ประสบกับปัญหาอะไร ยังดำเนินการอย่างราบรื่น ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านฉี”
เฟิงฉิ้นหว่านไม่ได้รู้สึกแปลกใจมาก “ท่านฉีเป็นคนข้างกายของท่านชายฟู่ แน่นอนว่าไม่สามารถถือเป็นไม่สลับสำคัญ”
หวางจื้อหยวนพยักหน้าอย่างเชิดชู “ก่อนหน้านี้ที่พวกข้าเริ่มขยายทางการค้า มีหลายจุดที่ไม่ราบรื่น ถึงแม้กระโยคเหล่านี้ฟังแล้วดูไม่น่าพึ่งพาได้ แต่ยังไงก็ต้องพูดอีกประโยค มีหลายที่หลายแห่งที่เป็นสภาพแวดล้อมย่ำแย่จึงทำให้เกิดประชาชนพวกเกรี้ยวกราด พวกข้าได้สั่งคนไปทำการค้าขายที่นั่น ลักษณะท่าทางเป็นมิตร แต่กลับถูกหาว่าใจดีแล้วสามารถรังแกได้ คนเหล่านั้นจึงคิดที่จะทำการแย่งชิง ค่อยยังชั่วที่คนของท่านฉีมีทักษะป้องกันตัว ตีกลับสักไม่กี่ครั้งจนทำให้คนเหล่านั้นเชื่อฟัง การค้าขายนี้จึงสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น”
“สงสัยลุงฉีไม่เพียงแต่เป็นมิตรกับคนทั้งโลก คนภายใต้ท่านก็ยังมีความพร้อมเพรียงทำความเข้าใจ น่าชื่นชมจริงๆ”
ฉียุ่นเซิงรู้สึกดีใจกับคำชื่นชมที่เฟิงฉิ้นหว่านได้กล่าว แต่ปากกลับพูดอย่างถ่อมตน
“ก็แค่เก็บเด็กไม่กี่คนที่ดูน่าสงสารมาเลี้ยง เพราะข้าก็เป็นบวช ก็ต้องมีความเมตตา ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แม่นางเฟิง ตอนนี้ทางการค้าที่ได้เปิดออกนั้นไม่ได้มากนัก แต่พวกข้าได้ใช้โอกาสที่ตระกูลหยุนเกิดเรื่อง ได้ซื้อแหล่งพวกค้าขายผลิตไหมดิบนั้น มีหลายคนแอบอิจฉาอย่างลับๆ เจ้าฝั่งนี้คิดว่าจะทำอย่างไร?”
“ข้าได้พูดคุยกับอ๋องผิงหวางเรียบร้อยแล้ว เหล่าตระกูลสูงศักดิ์ของตงเหว้ยชอบผลิตภัณฑ์แพรไหมเหล่านี้เป็นอย่างมาก ราคาแพงกว่าพวกข้าฝั่งนี้เป็นอย่างมากเลย”
“มีเส้นทางหนึ่ง พวกข้าก็สามารถซื้อสินค้าอย่างไว้ใจได้แล้ว” หวางจื้อหยวนรู้สึกดีใจ
ฉียุ่นเซิงขมวดคิ้ว “แม่นางเฟิง ความสัมพันธ์ของเจ้าและอ๋องผิงหวางดี ตอนนี้ก็รักษาเห้อเหลียนฉางเซิง เขาไม่กล้ายุ่งอะไรมากแน่นอน แต่เจ้าก็ยังต้องระมัดระวังให้ดี เรื่องที่พวกข้าซื้อไหมดิบเป็นจำนวนมากนั้นปิดบังไม่ได้หรอก รวมถึงการที่มีหลายคนไม่พอใจ ที่เขารู้สึกว่าพวกข้าทำการค้าได้เกินไป อยากที่จะรวมหัวกันต่อต้านครั้งหนึ่ง ในระยะเวลาที่สั้นนี้ ไม่มีใครมาเอาสินค้าจากที่พวกข้า ฉะนั้นสำหรับพวกข้าแล้วก็คือได้พึ่งพาทางของอ๋องผิงหวางเป็นพิเศษแล้ว หากว่าเขามีความคิดอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ยากที่จะหลีกเลี่ยงการโดนจับจุดอ่อนบีบบังให้ยอม”
“ขอบคุณลุงฉีที่เตือน ข้าจะระวังอย่างแน่นอน”
“ได้”
ทั้งสามคนพูดคุยกันอีกสักพัก และได้ทำการจัดเตรียมหลายอย่าง ฉียุ่นเซิงและหวางจื้อหยวนก็ได้จากไปอย่างเร่งรีบ พวกเขารีบจนเท้าเดินยังไม่ถึงพื้นเลย
เฟิงฉิ้นหว่านได้หน้าห้องโถงคนเดียว คิดทบทวนคำตักเตือนที่ฉียุ่นเซิงได้กล่าวไว้เมื่อกี้อย่างละเอียด
ถึงแม้นางเชื่อว่าตอนนี้อ๋องผิงหวางไม่มีทางที่จะมีความคิดอื่นใด แต่คำตักเตือนของฉียุ่นเซิงก็มีเหตุผล
ดำเนินกิจการ ทางที่เดินยิ่งเดินยิ่งแคบ ถึงจะยิ่งทำยิ่งใหญ่ หากว่าเพียงแต่พึ่งพาทางเดียว ไม่เหมาะสมแน่นอน
“เพียงแต่ว่าตอนนี้มีวิธีใดที่จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้?”
สักพักนี้เฟิงฉิ้นหว่านคิดวิธีการแก้ที่ดีไม่ได้ จึงเดินไปเดินมาตรงลานบ้านคนเดียวเพื่อพักใจ
เหว้ยหลันมากราบทูล “คุณหนู นางลี่ในชนบทได้พาหลินชิวหยุนมา บอกว่ามีเรื่องอยากมาขอพบคุณหนู”
“หลินชิวหยุน?” เฟิงฉิ้นหว่านยกมือขึ้นนวดมุมหัว “ก่อนหน้านี้ท่านชายเคยเตือนข้าไว้ ต้องคอยสังเกตนางอย่างเป็นพิเศษ ไม่คิดว่าช่วงนี้ยุ่งเกินไปจนลืมไปแล้ว เรียกพวกเขาเข้ามาเถอะ”
“ทราบ”
ไม่ถึงสักพักนางลี่และหลินชิวหยุนได้เดินเข้ามา
สีหน้าทั้งสองคนดูแย่มาก หรือว่าหมู่บ้านได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ