เฟิงฉิ้นหว่านคิดไม่ถึงว่าเสิ่นเยว่จะมีท่าทีโต้ตอบเช่นนี้ ตกตะลึงอยู่ที่เดิมทันที
แม่นมโจวที่อยู่ด้านข้างกังวลว่าทั้งสองคนนี้จะเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายผิด รีบร้อนอธิบายแทนเสิ่นเย่ว:
“คุณหนู หลายปีมานี้ ฮูหยินเกลียดแม่นมฉีนั่นเรียกได้ว่าเข้ากระดูกดำ! วันนี้ได้เห็นท่าทางหวาดผวาไม่เป็นสุขเช่นนั้นของบ่าวแก่เจ้าเล่ห์นั่น ในใจของฮูหยินรู้สึกสุขใจมากนะเจ้าค่ะ!”
บนหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านมีความเสียใจ: “โทษที่ข้าไม่ดี ถ้าไม่ใช่ข้าที่เชื่อคำลวงโลกของแม่นมฉีมาโดยตลอด ก็คงไม่ต้องทำให้ท่านแม่รู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมมาหลายปีขนาดนี้”
“แต่ไหนแต่ไรมาฮูหยินก็ไม่เคยโทษคุณหนู เป็นแม่นมฉีนั่นที่กลับกลอกเกินไป แล้วยังลักษณะท่าทางภายนอกและความชำนาญที่ทำได้ดีอีก ลักษณะนิสัยของคุณหนูก็เรียบง่าย จะไม่ถูกนางหลอกได้อย่างไรกัน? ในตอนนี้ดีแล้ว เรื่องต่างๆทั้งหมดก็ผ่านไปแล้ว”
เฟิงฉิ้นหว่านพยักหน้า: “แม่นมโจวพูดถูกต้อง สองวันมานี้อารมณ์ของท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“อารมณ์ของฮูหยินไม่เลว เพียงแค่ปากไม่พูด แต่ทว่าภายในใจเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณหนู อันที่จริงคุณหนูต้องไปหอหญิงงามเมืองทุกวัน ฮูหยินยังกำชับ ให้บ่าวคอยระวังมากยิ่งขึ้น ลองดูว่าหาซื้อสาวใช้สองคนที่เป็นมวยต่อสู้ได้หรือไม่ ให้พวกนางคอยติดตามอยู่ข้างกายของคุณหนู”
ในใจของเฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกมีความอบอุ่นขึ้นมานิดหน่อย: “ท่านแม่ครุ่นคิดได้รอบคอบ แต่ว่าที่ข้าเข้าออกอยู่ตอนนี้คือหอหญิงงามเมือง ถ้าพาสาวใช้ไปด้วยละก็ เช่นนั้นก็คงจะไม่สะดวก ไว้ค่อยว่ากันทีหลังเถอะ”
“ตามที่คุณหนูว่าเจ้าค่ะ”
แม่นมโจวรีบตอบรับ เฟิงฉิ้นหว่านในตอนนี้เข้าใจการใช้ชีวิตอย่ามีความหมายแล้ว ความสัมพันธ์กับฮูหยินก็คลี่คลายลงอย่างช้าๆ นางที่ทำหน้าที่เป็นบ่าวผู้นี้ ในใจก็ยินดีกับนายท่านทั้งสองอย่างยิ่ง
แม่นมโจวมาถึงกลางห้อง เสิ่นเย่วเห็นนางเข้ามา รีบเรียกสายตากลับคืนมา: “เฟิงฉิ้นหว่านไม่ได้พูดอะไรใช่ไหม?”
“ฮูหยิน ท่านใส่ใจคุณหนูทุกขณะอย่างเด่นชัด เพราะอะไรท่านถึงไม่พูดออกมาเจ้าคะ?”
“เวลาผ่านมานานมากแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มเอ่ยปากอย่างไร” เสิ่นเย่วเหลือบตาลงมองด้านล่าง
“ฮูหยิน เพราะเรื่องของคุณหนู หลายปีมานี้ท่านก็ทนทุกข์ทรมานมาไม่น้อย ในใจท่านยังมีความไม่พอใจอยู่ใช่หรือไม่?”
“นับตั้งแต่วันนั้นวันที่แต่งงานกับเฟิงหลิง เขาก็ได้พูดกับข้าอย่างชัดเจนมาก เหตุผลที่แต่งงานกับข้า ก็เพราะเพื่อให้ข้าดูแลเฟิงฉิ้นหว่านเป็นอย่างดี เป็นข้าที่คิดเพ้อฝันมากไป เพราะฉะนั้นได้รับผลแบบไหน ก็คือสมน้ำหน้าตนเอง”
เสิ่นเย่วกล่าวอย่างเรียบสงบ แต่ว่าในแววตากลับโหมซัดสาดไปด้วยความเจ็บปวด
แม่นมโจวเห็นแล้วเจ็บปวดใจไม่มีสิ้นสุด: “นายท่านมีกิจธุระค่อนข้างมาก สิ่งที่ต้องทำมีมากเกินไปจริงๆ”
“ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอะไร ในเมื่อข้าเลือกด้วยตนเอง ถ้าเช่นนั้นข้าก็รับไว้อย่างน่าสมน้ำหน้า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเฟิงฉิ้นหว่านเลยแม้แต่นิดเดียว ภายในใจของข้าแยกแยะได้อย่างชัดเจน......ในชีวิตนี้ของข้าไม่สามารถมีลูกได้อีก เฟิงฉิ้นหว่านเป็นสายเลือดของเฟิงหลิง ถ้าเช่นนั้นก็เป็นลูกของข้าด้วยเช่นกัน ข้าจะมีความรู้สึกไม่พอใจกับนางได้เช่นไร?”
“ฮูหยินกล่าวถูกต้องเจ้าค่ะ”
เสิ่นเย่วเหลือบตาลงเบาๆ: “จนถึงวันนี้ข้ายังจำได้ว่า ครั้งแรกตอนที่ได้พบกับเฟิงฉิ้นหว่าน นางอายุเพิ่งไม่กี่เดือน นางจับนิ้วมือของข้าไว้ มือเล็กๆคู่นั้นเล็กมาก นิ่มมาก ราวกับก้อนเมฆ ที่แปะลงมาบนหัวใจของข้าเบาๆ นางเป็นเด็กที่ข้าดูแลมาสิบกว่าปี ในใจของข้าเคยมีอารมณ์โกรธช่วงสั้นๆ แต่เป็นห่วงเรื่องมิตรภาพของสิบกว่าปีนี้ยิ่งกว่า”
แม่นมโจวถอนหายใจออกมา ฮูหยินที่ดีแบบนี้ เพียงแต่เสียดายที่นายท่านแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยรักและทะนุถนอม
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เฟิงฉิ้นหว่านถือโอกาสมาหาเสิ่นเย่วก่อน: “ท่านแม่”
ได้เห็นรอยยิ้มของเฟิงฉิ้นหว่าน แววตาของเสิ่นเย่วสั่นไหว มุมปากก็ยกขึ้นทางด้านบนจนเป็นเส้นโค้ง: “ทำไมจึงมาแต่เช้าเช่นนี้? วันนี้ยังต้องไปหอหญิงงามเมือง?”
“วันนี้จะพาท่านแม่ไปดูละคร” ดวงตาทั้งสองดวงของเฟิงฉิ้นหว่านเป็นประกายแวววาว
“ดูละคร?”
“ใช่แล้ว ท่านแม่รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้า พวกเราออกไปหาของกินด้วยกัน ข้าจองที่ไว้ที่หอกระยาหารพอดี”
เสิ่นเย่วไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การที่เฟิงฉิ้นหว่านจะเอ่ยปากขอร้องนางไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย นางก็ให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ
เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนเดินมาจนถึงห้องส่วนตัวของหอสุราริมถนนสายหลัก
เฟิงฉิ้นหว่านสั่งของกินมาจำนวนหนึ่ง ตามองไปที่ถนนของถนนสายหลักเต็มไปด้วยความรอคอย
เสิ่นเย่วนึกได้ทันที: “เจ้าคงไม่ได้กำลังรอแม่นมฉีอยู่ใช่ไหม?”
เฟิงฉิ้นหว่านพยักหน้า: “ใช่แล้ว กำลังรอนางอยู่ หลายปีมานี้นางทำตัวกระด้างกระเดื่อง วันนี้ท่านแม่คอยดูท่าทางจนตรอกของนาง ก็ดีพอได้ระบายอารมณ์”
ภายในหอสุรามีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้เห็นเฟิงฉิ้นหว่านและเสิ่นเย่ว คนจำนวนไม่น้อยกำลังวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเสียงต่ำ แต่ยังมีคำพูดบางคำที่ลอยเข้ามาถึงหูของทั้งสองคน
“นั่นก็คือคุณหนูของตระกูลเฟิงใช่ไหม? คิดไม่ถึงจริงๆ ดูอ่อนแอปวกเปียก รูปร่างหน้าตาก็ดี แต่ว่ากลับเป็นคนที่ไม่รู้บุญคุณคนเลยแม้แต่น้อย อยู่ดีๆก็ลงไม้ลงมือทุบตีแม่นมของตนเอง ทั้งยังไล่นางออกไปอีก เช่นนี้พบเห็นได้น้อยจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ