หลังจากหยุนชวนพูดจบ ก็เห็นแววตาเย็นชาของฟู่ลั่วเฉินที่มองมา จึงรู้ได้ในทันทีว่าตนเองทำคุณบูชาโทษเข้าแล้ว
ฟู่ลั่วเฉินโบกมือ เขาหมดแรงที่จะคิดบัญชีกับหยุนชวนแล้ว : “ไปเรียกเฟิงฉิ้นหว่านเข้ามา”
“ท่านชาย ท่านไม่โกรธหรือขอรับ ?” หยุนชวนถามอย่างระมัดระวัง
“หากมีเวลาว่างเช่นนั้น ไม่สู้เอาเวลาไปรับมือกับเฟิงฉิ้นหว่านจะดีกว่า”
หยุนชวนโล่งใจทันที : “เอ่อ เช่นนั้นข้าน้อยจะไปเชิญแม่นางเฟิงเขามานะขอรับ”
ในสายตาของท่านชาย แม่นางเฟิงก็ยังคงสำคัญกว่าจริง ๆ
เฟิงฉิ้นหว่านเดิมเข้ามาในห้องโถงใหญ่พร้อมรอยยิ้ม และทำความเคารพฟู่ลั่วเฉินอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง : “เฟิงฉิ้นหว่านคารวะท่านชาย”
ฟู่ลั่วเฉินเงยหน้าขึ้น กวาดสายตามองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงฉิ้นหว่าน รอยยิ้มนั้นกระจายจากริมฝีปากไปจนถึงดวงตา ทำให้ดวงตาที่สดใสยิ่งเปล่งประกายมากขึ้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูร่าเริงอย่างจริงใจ
แต่ยิ่งนางดูไร้เดียงสามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น
“ไม่ต้องมากพิธี”
เฟิงฉิ้นหว่านลุกขึ้น มองดูดวงตาของฟู่ลั่วเฉินที่จ้องเขม็งมา แล้วพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า : “ท่านชาย ที่ฉิ้นหว่านเดินทางมาวันนี้ ก็เพื่อมารับโทษโดยเฉพาะ”
“รับโทษ ? เรื่องอะไรกัน ?”
“ท่านพ่อจากโลกนี้ไป ตระกูลเฟิงถูกส่งมอบให้ท่านชาย หลังจากฉินหว่านกลับไปไม่อาจหาเลี้ยงชีพได้ จึงตั้งหอหญิงงามเมืองขึ้น คิดว่าชั่วดีคงพอหาเลี้ยงปากท้องได้ แต่หอหญิงงามเมืองแห่งนี้เป็นสถานที่อโคจร ต่ำต้อยจนยากที่จะอยู่ในสายตาของท่านชาย ดังนั้นจึงลังเลอยู่ตลอด ไม่กล้านำบัตรเชิญมามอบให้เจ้าค่ะ”
นางก่อตั้งหอหญิงงามเมืองขึ้นมา สามารถหลบเลี่ยงสายตาของคนนอกได้ แต่สำหรับจ้าวยี่และหลี่หยวน กลับเป็นเรื่องที่ถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งโดยสมบูรณ์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฟู่ลั่วเฉิน
ขณะที่เฟิงฉิ้นหว่านกำลังพูดอยู่นั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อย ๆ จางหายไป จนสุดท้ายกลายเป็นความหดหู่เข้ามาแทนที่
คิ้วของฟู่ลั่วเฉินกระตุก : “จริงหรือ ? ข้ายังคิดว่าเจ้าจงใจจะหลอกล่อข้าเสียอีก ?”
เฟิงฉิ้นหว่านแสดงสีหน้าประหลาดใจ : “จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ ? ฉิ้นหว่านต้องขอบคุณที่ท่านชายไม่รังเกียจ จึงได้มีโอกาสรู้จักกับท่านชายตอนอยู่ในคุก นี่ถือเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่สวรรค์ประทานมาแล้ว หากกิจการของข้าได้รับคำชื่นชมจากท่านชาย ข้าคงต้องรู้สึกยินดีอย่างยิ่งแน่นอน”
ฟู่ลั่วเฉินหันมองเฟิงฉิ้นหว่านด้วยแววตาลึกซึ้ง แล้วจู่ ๆ ก็แสยะยิ้มออกมา : “เช่นนี้ก็ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจกันแล้วก็เป็นเรื่องดี เมื่อได้รับจดหมายจากองครักษ์หยุนชวน ฉิ้นหว่านก็ไม่กล้าที่จะรีรอ รับนำบัตรเชิญมามอบให้ท่านทันที และขอเชิญท่านชายไปร่วมชมการแสดงในคืนพรุ่งนี้”
เฟิงฉิ้นหว่านค่อย ๆ เดินตรงไปด้านหน้า ปิ่นปักผมหยกที่อยู่บนศีรษะ ค่อย ๆ กวัดแกว่งอย่างช้า ๆ ส่งเสียงดนตรีที่คมชัดออกมา
ฟู่ลั่วเฉินเงยหน้าขึ้น วันนี้เฟิงฉิ้นหว่านสวมใส่เสื้อสีเขียวอ่อนดูสดใส ส่วนด้านล่างสวมกระโปรงระบาย เป็นความงดงามที่ดูมีเสน่ห์และไม่ธรรมดา
หลังจากนางเดินเยื้องย่าง ลายดอกไม้ที่ปักอยู่บนกระโปรงก็ค่อย ๆ กวัดแกว่งไปมาอย่างช้า ๆ และส่งกลิ่นหอมจาง ๆ ออกมา
ฟู่ลั่นเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว : คืนนั้น ถูกนางวางยาควบคุมเอาไว้ รู้สึกเหมือนว่าจะได้กลิ่นหอมเย็น ๆ กลิ่นนั้นเยือกเย็นราวกับดอกบ๊วยที่เบ่งบานท่ามกลางหิมะ เมื่อลอยเข้าจมูก ก็รู้สึกเหน็บหนาวถึงขั้วหัวใจ แต่ก็ทำให้รู้สึกมีความสุขและหลงใหล
เฟิงฉิ้นหว่านเดินเข้าไปและมอบบัตรเชิญให้อย่างอ่อนน้อม แต่ฟู่ลั่วเฉินกลับไม่ยอมยื่นมือออกไปรับ
“ท่านชาย ?”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนดังก้องเข้าไปในหู ฟู่ลั่นเฉินตั้งสติกลับมาได้ทันที ดวงตาของเขามืดมนลงอีกครั้ง : “วางเอาไว้เถอะ”
ไม่รู้ว่าทำไม เวลาที่เขาต้องเผชิญหน้ากับเฟิงฉิ้นหว่าน มักจะใจลืมตัวอยู่เสมอ ถึงขั้นทำให้ต้องตกอยู่ในอันตรายถึงสองครั้ง
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าแต่งกายเช่นนี้เข้าออกหอหญิงงามเมืองหรือ ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ