ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 56

ฟู่ลั่วเฉินเก็บจดหมาย ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง

หยุนซวนรับเดินตามไป “คุณชาย ท่านยังไม่ได้บอกเลย ว่าท่านสงสัยแม่นางเฟิงหรือไม่?”

“ไม่”

“เพราะเหตุใดหรือขอรับ?”

“ไม่ก็ไม่ ไยต้องมีเหตุผลมากมาย?” ร่างกายของฟู่ลั่วเฉินดุจต้นชาที่หนาวเหน็บ

“คุณชายเชื่อแม่นางเฟิงขนาดนั้น ยังจะบอกว่าไม่ถูกนางล่อลวงอีกหรือ?” หยุนชวนเอ่ยพึมพำอยู่ด้านหลังเบาๆ

ฟู่ลั่วเฉินหยุดชะงักฝีเท้า “เจ้าลองคิดดูว่าถ้าเฟิงฉิ้นหว่านเป็นคนขององค์ชายสามจริงๆ เหตุใดตอนแรกถึงต้องพาพวกเราไปเปิดเผยเรื่องหอเซียวเซียงจุ๋นด้วยเล่า?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ถูก ที่ตระกูลเกาถูกส่งเข้าคุกก็เพราะแม่นางเฟิง เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ยินใต้เท้าจ้าวพูดมา คิดไม่ถึงว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย” หยุนชวนกล่าวด้วยรอยยิ้มใสซื่อ

ฟู่ลั่วเฉินหรี่ตาลงอย่างช้าๆ แสงประกายในแววตาของเขานั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้

เฟิงฉิ้นหว่านไม่ใช่คนขององค์ชายสาม เรื่องนี้เขาแน่ใจดี

แต่นางยึดมั่นในการพึ่งพาตนเอง นางจะจริงใจซื่อสัตย์จริงๆ หรือ?

คุกที่ว่าการอำเภอ เกาหนานกำลังพิงกำแพง เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิง ดวงตากลวงและเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเข้าไปในคุกครั้งแรก เขาตั้งใจนับวัน ตั้งตารอคอยวันที่องค์ชายสามจะส่งคนมา ในภายหลังก็เป็นดังที่หวังไว้เมื่อได้ข่าวว่าหลี่หยวนมาที่นครหลินผิง แต่สิ่งที่ทำเขาผิดหวังก็คือ การมาของหลี่หยวนไม่ได้พาโอกาสมาให้เขาเลยแม้แต่น้อย เขายังถูกขังอยู่ในคุกเช่นเดิม ทุกวันนี้เขายังต้องเผชิญหน้ากับการซักถามและไต่สวนของจ้าวยี่ไม่หยุด

ตอนนี้เขาตั้งตารอคอยเพียงเวลากลางคืนเท่านั้น อย่างน้อยตอนกลางคืน เขาก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับคำถามของจ้าวยี่ ไม่ต้องรับมือกับวิธีการทรมานทุกประเภท

หนานเกาค่อยๆ หลับตาลง และในเวลานี้ เสียงเท้าก็ดังเข้ามา

เขาเหมือนกับนกที่หวาดกลัว ทันทีที่ลืมตาก็หันไปมองทางประตูทางเข้าคุก

หญิงสาวสวมหมวกคลุมศีรษะปรากฏกายอยู่นอกประตูคุก เสื้อคลุมสีขาวปักลายดอกคามิเลียสีชมพูอ่อน ขณะที่นางก้าวเดิน ก็เผยชายกระโปรงผ้าไหมปักลวดลายงดงามใต้ผ้าคลุมออกมาเลือนราง

เกาหนานค่อยๆ เบิกตากว้าง และมองตามเสื้อคลุมขึ้นไป ทันทีหลังจากนั้นแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นแหลมคมขึ้น

“เจ้าคือ...”

เฟิงฉิ้นหว่านยกมือขึ้นถอดหมวกคลุมศีรษะออกมาเบาๆ สายตามองดูเกาหนานที่ซูบผอมจนเหมือนไม่ใช่รูปร่างของคนที่อยู่ในคุกด้วยสายตานิ่งสงบ “ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน ก็ไม่รู้จักข้าแล้วหรือ?”

เกาหนานตัวแข็งทื่อนิ่งอยู่กับที่ ความเหน็บหนาวสายหนึ่งแผ่ขยายมาที่แผ่นหลังซึ่งแนบชิดกับกำแพง มันแทรกซึมเข้าไปในแขนขาทั้งสี่ข้างของนาง “เฟิงฉิ้นหว่าน!”

“ผ่านมานานขนาดนี้ ก็ยังไม่ได้ยินข่าวว่าเจ้ายอมรักสารภาพ ข้านึกว่าเจ้าถูกวิธีทรมานในการสอบสวนของใต้เท้าจ้าวจนโง่ไปแล้วแต่ดูจากสติของเจ้าตอนนี้ก็นับว่ายังไม่เลว ยังมองข้าด้วยสายตาดุร้ายเหมือนเมื่อก่อน”

“เหตุใดเจ้าถึงได้มาคุกในเวลาแบบนี้”

เฟิงฉิ้นหว่านหันเล็กน้อยมองไปที่หน้าต่างบนกำแพงคุกบนนั้น ริมฝีปากเผยรอยยิ้มจางๆ “วันนี้ไม่มีพระจันทร์....”

หนานเกาไม่เข้าใจ “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”

“ฆาตกรรมคืนเดือนมืด ลมแรงวางเพลิงเย้ยฟ้า คืนนี้ไร้แสงจันทร์ ผืนฟ้ามืดสลัว เหมาะแก่การสังหารคนที่สุด”

“เจ้ากล้ารึ?” เกาหนานกัดฟันกรอด “ที่นี่เป็นคุกของที่ว่าการอำเภอ เจ้ากล้าก่อเรื่องที่นี่หรือ?”

ในขณะนี้ เกาหนานกลับรู้สึกโชคดีอย่างน่าประหลาดใจ โชคดีที่จ้าวยี่เป็นขุนนางผู้ซื้อตรง ไม่อย่างนั้น เกรงว่าเขาคงตายในคุกไปนานแล้ว แต่ครู่ต่อมา คำพูดของเฟิงฉิ้นหว่านกลับทำให้เขาเหมือนร่วงหล่นลงสู่ห้องน้ำแข็งใต้ดิน

“ฮ่า เจ้าถูกใต้เท้าจ้าวจับเข้าคุก แต่ตอนนี้เข้ากับคิดจะเอาชีวิตไปพึ่งพาขุนนางที่มีนิสัยตรงไปตรงมาอย่างใต้เท้าจ้าว เกาหนาน เจ้าไร้เดียงสาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เฟิงฉิ้นหว่านยืนนิ่งอยู่กับที่ เสื้อคลุมสีขาวที่ไร้เม็ดฝุ่น ซึ่งไม่เข้ากับคุกแห่งนี้เลยสักนิด

“ถ้าเจ้ากล้าฆ่าข้า ใต้เท้าจ้าวจะสืบสวนให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน อีกอย่างตอนนี้ข้าก็เป็นนักโทษของราชสำนัก ข้ายังไม่ได้บอกอะไรเลย ถ้าเจ้ากล้าสังหารข้าละก็ เช่นนั้นก็จะกลายเป็นฆ่าคนปิดปาก เจ้าไม่กลัวว่าใต้เท้าจ้าวจะสงสัยเอาหรือ?”

“เมื่อครู่เห็นแววตาของเจ้า ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเป็นเหมือนเมื่อก่อน ที่มีแต่แผนการร้ายเต็มหัว แต่ดูท่าแล้วการติดคุกมาสองสามวันนี้ของเจ้าจะทำให้เจ้าฉลาดน้อยลง หากไม่ได้รับอนุญาตจากใต้เท้าจ้าว เจ้าคิดว่าข้าจะเข้าไปในคุกแห่งนี้กลางดึกกลางดื่นไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

เกาหนานกัดฟันกรอด ลำคอเผยเส้นเลือดสีดำปูดโปน “จะเป็นไปได้อย่างไร?”

“เกาหนาน เจ้ายืนกรานที่จะไม่พูดอะไร ก็เพราะเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้ ใต้เท้าจ้าวอยากให้เจ้าตาย เจ้าคิดว่าใต้เท้าหลี่จะมาช่วยเหลือชีวิตที่ไร้ค่าอย่างเจ้าหรือ เขาก็อยากให้เจ้าตายเหมือนกัน เจ้าจะมีทางรอดได้อย่างไร?”

มุมปากเฟิงฉิ้นหว่านยกยิ้ม แฝงไว้ซึ่งความสุขที่กำลังจะได้แก้แค้น

“เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระให้มาก เจ้าอยากจะทำอะไรกันแน่?”

“ถ้าบอกว่าอยากส่งเจ้าไปตาย เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”

“เจ้าอยากฆ่าข้าหรือ? เจ้าทำได้หรือ?” เกาหนานฝืนบังคับให้ตัวเองสงบ “ข้ารู้ ว่ามีคนอยากให้ข้าตาย แต่ตอนนี้ข้าอยู่ในคุก ตราบใดที่ข้าไม่สารภาพสิ่งที่ข้าเคยทำ เช่นนั้นข้าก็จะยังมีชีวิตต่อไป”

เขาไม่เคยคิดเลยว่าคุกแห่งนี้จะเป็นที่คุ้มกันสุดท้ายของเขา

อยู่ๆ เฟิงฉิ้นหว่านก็หัวเราะออกมา “นับวันเจ้ายิ่งไร้เดียงสา ข้ากล้ามาในคุกแห่งนี้ในวันที่มืดมิดและลมแรง ทั้งยังกล้าบอกเป้าหมายของข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตของเจ้าได้อย่างไร?”

เมื่อนางกล่าวจบ ก็ถอดปิ่นทองออกมาจากมวยผม นิ้วมืองอด้ามจับปิ่นทองเบาๆ จากนั้นก็สอดมันเข้ามาในรูกุญแจประตูคุกแห่งนี้

เกาหนานเบิกตากว้างทันที “เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”

“ไขกุญแจ!”

“เจ้า...” เกาหนานจ้องมองเฟิงฉิ้นหว่านอย่างเอาเป็นเอาตาย “เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าไม่ใช่เฟิงฉิ้นหว่าน ข้ารู้จักคนอย่างเฟิงฉิ้นหว่านดี นางไม่มีทางรู้วิชาโจรเหล่านี้แน่นอน!”

เฟิงหลิงปฏิบัติกับเฟิงฉิ้นหว่านลูกสาวคนเดียวของเขาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ไม่ว่านางจะเจอกับปัญหาใดก็ทำให้เขากังวลแทบทนไม่ไหว จะยอมให้นางเรียนวิชาแบบนี้ได้อย่างไร?

“เจ้ารู้จักเฟิงฉิ้นหว่าน? นางคือคนที่เจ้าบังคับให้ตายตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?”

“อะไร?”

“เจ้าฆ่าพ่อของเฟิงฉิ้นหว่าน จากนั้นก็ส่งเกาหวูไปทำลายความบริสุทธิ์ของนาง ทำลายชื่อเสียงของนาง คุณหนูคนหนึ่งที่ไม่เคยสัมผัสกับลมฝน กลับต้องมาสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้ จะมีหนทางอยู่รอดได้อย่างไร? เจ้าบังคับให้เฟิงฉิ้นหว่านผู้แสนบริสุทธิ์ไร้พิษภัยผู้นั้นต้องตาย และแน่นอนเจ้าต้องมาเผชิญหน้ากับข้า”

เฟิงฉิ้นหว่านค่อยๆ ไขแม่กุญแจในมือ จากนั้นก็ได้ยินเสียงแกรกดังขึ้น และกุญแจทองแดงก็คลายออก

เกาหนานแนบชิดกำแพงอย่างแน่นหนา เขาอยากหลบ แต่เพราะถูกทรมานมาหลายวัน มือเท้าของเขาจึงได้รับบาดเจ็บ และไม่สามารถขยับได้เลย

เฟิงฉิ้นหว่านเปิดประตูคุกออก และเดินเข้าไปในห้องขัง หยิบขวดลายครามออกมาจากแขนเสื้อ และเปิดฝาออก เขย่าเบาๆ “ของดีขนาดนี้ ใช้กับเจ้า ข้ารู้สึกว่ามันสิ้นเปลืองจริงๆ”

“เฟิงฉิ้นหว่าน เจ้าฆ่าข้า เจ้าก็หนีไม่พ้นหรอก!”

“หลังจากเจ้าดื่มยานี้ลงไปแล้ว ใช้เวลาเจ็ดวันเจ้าถึงจะสิ้นใจตาย อาการจะค่อยๆ เริ่มจะน้อยไปมาก เหมือนร่างกายอ่อนแอ มีอาการป่วยจากเบาไปจนถึงขั้นรุนแรง ต่อให้ใต้เท้าจ้าวสงสัย เขาก็ไม่มีทางหาหลักฐานเจอ”

ปลายนิ้วขาวเนียนของเฟิงฉิ้นหว่านบีบขวดลายครามเบาๆ แสงไฟที่สะท้อนอยู่ในห้องขัง ทำให้มันเปล่งประการราวกับสีหยก

เกาหนานถอยหลังไปช้าๆ “ทหาร! ใครก็ได้รีบมาที่นี่หน่อย! มีคนจะฆ่าข้าปิดปาก!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ