เฟิงฉิ้นหว่านยืนอยู่กับที่ ปล่อยให้เกาหนานตะโกนเสียงดัง
เสียงร้องคร่ำครวญอันน่าเวทนาดังก้องไปทั่วทั้งคุกใหญ่แห่งนี้ ไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆ
เกาหนานค่อยๆ หยุดลง หันหน้ามองเฟิงฉิ้นหว่าน “แล้วนักโทษในคุกใหญ่ล่ะ?”
“ใต้เท้าหลี่สั่งย้ายออกไปแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้! พวกเขาฟังแค่ใต้เท้าจ้าว”
“ตอนนี้ใต้เท้าจ้าวกำลังเล่นหมากรุกกับใต้เท้าหลี่อยู่ ไม่ว่างมาสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในคุกนี่หรอก นักโทษพวกนั้นก็เป็นคน พวกเขาก็กลัวใต้เท้าหลี่ตำหนิเหมือนกัน ดังนั้นจึงได้แต่ต้องเชื่อฟัง”
เฟงฉิ้นหว่าเอ่ยอธิบาย
“ไม่! เป็นไปไม่ได้! เจ้าเป็นใครกันแน่? ทำไมเจ้าถึงมีความสัมพันธ์กับใต้เท้าจ้าวยี่และหลี่หยวน?”
“คนจะตายอยู่แล้ว ถามเรื่องพวกนี้ไปมีประโยชน์อะไร?”
“ไม่ ฉิ้นหว่าน เจ้าคือเด็กที่ข้าเห็นมาแต่เล็ก เจ้าไม่มีทางทำเช่นนี้กับข้า!” อยู่ๆ เกาหนานก็เปลี่ยนท่าที สายตามองเฟิงฉิ้นหว่านด้วยความหวัง “ฉิ้นหว่าน เจ้าลืมไปแล้วหรือ? เมื่อก่อนเจ้าเรียกข้าว่าลุงเกา”
เมื่อเฟิงฉิ้นหว่านได้ยินเกาหนานเอ่ยเช่นนี้ สายตาก็วูบไหวเล็กน้อย “ลุงเกา? ใช่ เมื่อก่อนข้าเรียกเจ้าว่าลุงเกา เพราะพ่อข้าเห็นว่าเจ้าเป็นพี่น้องแท้ๆ ของเขา!”
“ใช่ ฉิ้นหว่าน ลุงเกาไม่ได้ส่งเกาหวูไปทำร้ายเจ้า แต่เกาหวูมันไม่รู้ความมีใจคิดไม่ซื่อเอง ดังนั้นมันถึงได้หลอกเจ้าไปขายในที่แห่งนั้น ตอนนั้นลุงเการีบไปที่นั่น ก็เห็นเขาเลือดท่วมตัว นอนนิ่งอยู่กับพื้น คิดว่าเขาถูกทำร้ายตายเสียอีก ดังนั้นก็เลยเผลอพูดอะไรที่มันไม่น่าฟังออกไป ไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าเจ้าจะคิดเรื่องนั้น”
“ลุงเกาไม่เคยคิดจะทำลายความบริสุทธิ์ข้าหรือ?”
“แน่นอน อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคนที่ข้าเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย ข้าจะคิดทำลายเจ้าได้อย่างไร?”
เฟิงฉิ้นหว่านเลิกขึ้นเล็กน้อย ท่าทางของนางคล้ายกำลังซาบซึ้งใจ “เช่นนั้นลุงเกาก็ไม่เคยคิดจะฮุบทรัพย์สมบัติของตระกูลเฟิงด้วยใช่หรือไม่?”
“แน่นอน ข้าแค่อยากช่วยเจ้า เจ้าลองคิดถึงเสิ่นเยว่ดูสิ นางคือแม่เลี้ยงของเจ้า ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเจ้า อีกอย่างหลายปีมานี้ก็ไม่ได้รับความโปรดปรานจากพ่อเจ้า ใช้ชีวิตอยู่ในจวนอย่างยากลำบาก ตอนนี้เจ้าเหลือตัวคนเดียว หรือคิดว่านางจะไม่มีทางมาแก้แค้นเจ้า? ตอนนั้นช้าอยากได้ทรัพย์สมบัติตระกูลเฟิงจากมือเจ้า ก็แค่อยากจะช่วยเจ้าดูแล รอให้เจ้าออกเรือน และส่งคืนให้เจ้าในฐานะสินเดิม”
เกาหนานพูดด้วยความจริงใจ
เฟิงฉิ้นหว่านหันไปมองห้องขังที่อยู่ด้านข้าง? “เกาหวู?”
“เกาหวูมีนิสัยเกเร ตอนนี้ตายแล้ว เขาคิดจะทำร้ายเจ้า ต่อให้ตายก็ไม่สาสมกับความผิดที่ทำ!”
“ลุงเกาไม่ปวดใจหรือ?”
“เขาเลือกทำชั่วด้วยตัวเอง ข้าจะปวดใจกับเขาได้อย่างไร? ฉิ้นหว่าน ลุงรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เจ้าเองก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้ในตอนนี้ ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปลี่ยนอารมณ์บางส่วน แต่ข้าเชื่อว่าในลึกๆ ของเจ้ายังคงเป็นแม่นางที่จิตใจดีมีเมตตา เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ลุงเกาเคยซื้อปิ่นไข่มุกให้เจ้า และยังช่วยเจ้าผูกว่าวกับพ่อของเจ้าด้วยมือของลุงเอง”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านวูบไหวเล็กน้อย น้ำตาคลอเล็กน้อย นางยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อบดบังแก้มของนาง
แววตาของเกาหนานเป็นประกาย และรีบเอ่ยต่อ “ฉิ้นหว่าน ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดเกาหวู และเข้าใจลุงเกาผิดหลายเรื่อง แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังอยู่ดี ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้ เจ้าไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน ไม่ใช่หรือ? เจ้าให้อภัยลุงเกาเถอะนะ...”
“เฮอะ ฮ่าๆๆ” เฟิงฉิ้นหว่านหัวเราะออกมา แขนเสื้อก็ร่วงลง เผยให้เห็นมุมปากที่ยกยิ้ม“ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้ารู้สึกละอายกับการแสดงอันยอดเยี่ยมของเจ้า”
เกาหนานตะลึงงัน “เจ้าแกล้งข้า?”
“แล้วอย่างไร? เห็นว่าเพื่อเอาตัวรอดของเจ้า เจ้าไม่สนใจแม้แต่ลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง กระดิกหางเหมือนหมา ข้ามีความสุขมากเหลือเกิน และแน่นอนว่าต้องให้ความร่วมมือดูการแสดงของเจ้า”
“เจ้า...ทำไมเจ้าถึงโหดเหี้ยมเช่นนี้?”
“เจ้ายังมีหน้ามาพูดคำว่าโหดเหี้ยมกับข้า เกาหนาน เฟิงหลิงพ่อของข้าให้ความสำคัญมิตรภาพดั่งพี่น้องกับเจ้ามาก ช่วยเจ้าจนตัวตาย ตอนแรกเจ้าก็มาแต่ตัว พ่อข้าก็ให้เจ้ายืมเงิน ซื้อเรือนให้เจ้า ให้ที่อยู่กับเจ้า ให้เจ้าไม่ต้องไปนอนข้างถนนเหมือนหมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ