ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 61

มื่อถึงเวลา หอหญิงงามเมืองยังคงสว่างไสวขึ้นตามปกติ

แขกที่ได้รับเชิญมีดวงตาสว่างไสว กวาดสายตามองฝูงชนไปมา รอบุตรเอกชินอ๋องฟู่ลั่วเฉินท่านนั้นที่เลื่องลือกัน

หอหญิงงามเมืองประตูใหญ่เปิดออก เฟิงฉิ้นหว่านปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน: "ข้าน้อยฉินหว่าน ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกคน"

มีคนถามคำถามที่เป็นสนใจมากที่สุด: "ท่านชายฉิน ท่านชายฟู่ท่านนั้นได้มาถึงหรือยัง "

“จดหมายเชิญได้ส่งไปถึงแล้ว ส่วนท่านชายฟู่เจ้าตัวจะมาถึงที่นี่เมื่อใดนั้น?ข้าน้อยก็ไม่รู้แล้ว”

“หรือว่าจะไม่มาแล้ว?”

“ไม่หรอกมั้ง?ไม่ใช่ว่าท่านชายฟู่ท่านนั้นชื่นชอบที่สาวงามมากมาย ดอกไม้สะพรั่งเช่นนี้มากที่สุดมิใช่หรือ?”

“อืมมม……นั่นสิ……”

ทันใดนั้นก็มีคนสูดหายใจเข้าอย่างประหลาดใจ ต่อจากนั้น เสียงดังจอแจก็ค่อยๆเงียบลง

เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้า มองไปตามสายตาของผู้คน จากนั้นก็นิ่งงันอยู่กับที่

ม้าพันธุ์ดีสีดำตัวหนึ่งเดินผ่านผู้คนอย่างไม่รีบไม่ร้อน ตัวม้าสีดำทั้งตัว ไม่เห็นสีอื่นปะปนแม้แต่น้อย มีเพียงบนกลางคิ้ว ที่มีรูปร่างสีขาวคล้ายเปลวไฟ

บนหลังตัวม้า ชายแต่งด้วยชุดขาว ผมดำมัดมวยครึ่งหัว ภายใต้ไฟของหอหญิงงามเมืองสะท้อนให้ใบหน้าเรืองแสงสีหยกเล็กน้อย หล่อเหลาไม่มีสิ่งใดเทียบ

นิ้วเรียวของชายหนุ่มจับสายบังเหียนของม้า ราวกับว่าได้ยินเสียงของการสนทนาเมื่อครู่นี้ นัยน์ตาฟีนิกซ์หรี่ลง ริมฝีปากบางยกขึ้นเบา ๆ ทุกย่างก้าวเป็นเลิศและสง่างาม ทุกๆรอยยิ้มซ่อนความเยาะเย้ยถากถาง: "ที่ทุกท่านกล่าวถึงคือข้างั้นเหรอ?"

เสียงที่ชัดเจนแผ่ออกไป ทุกคนได้สติมา เปิดเส้นทางออกให้อย่างไม่รู้ตัว

เฟิงฉิ้นหว่านออกแรงหยิกฝ่ามืออย่างแรง ได้สติมาอย่างรวดเร็ว: “ฉิ้นหว่านน้อมพบท่านชายฟู่ ท่านชายสามารถมาตามคำเชิญได้ หอหญิงงามเมืองเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

ฟู่ลั่วเฉินนั่งบนหลังม้า ม้าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็ยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยให้ทุกคนมองดูได้โดยไม่ขยับ

มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเห็นได้ชัดว่าใจเย็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีกลิ่นอายสูงส่งอยู่ล้อมรอบตัว ซึ่งทำให้ผู้คนถูกสยบไว้อย่างไม่รู้ตัว

เฟิงฉิ้นหว่านกำลังจะยกมือเคารพ กลับคิดไม่ถึงว่าพัดหนึ่งเล่นยืนมาตรงหน้า หลังจากนั้นก็เชยคางนางขึ้นเบาๆ

นางเงยหน้าขึ้น สบตากับสายตาฟีนิกซ์ที่คล้ายยิ้มไม่ยิ้มคู่นั่น

“ท่านชายน้อยที่ออกมาต้อนรับล้วนรูปโฉมสวยงามเช่นนี้ ข้าก็ตั้งตารอต่อหอหญิงงามเมืองมากขึ้นแล้ว”

เฟิงฉิ้นหว่านตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถอยกลับไปครึ่งก้าวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า: "ในเมื่อท่านชายตั้งตารอ ท่านโปรดลงจากม้าแล้วเข้ามาเถิด"

ฟู่ลั่วเฉินยกยิ้ม พลิกตัวลงจากหลังม้าเคลื่อนไหวราบรื่นราวกับน้ำ ตามด้วยกลิ่นอายที่สง่างามตามอำเภอใจ

ตามการเคลื่อนไหวของเขา แถบสีดำที่ปักด้วยด้ายสีเงินบนเสื้อคลุมส่องแสงวิบวับ เขาลงจากหลังม้ายืนตัวตรง ทุกคนเพียงแค่มองดู คำพูดสองสามคำแวบเข้ามาในจิตใจของพวกเขา:

ต้นหยกงามช้อย บรรดาสามารถเจิดจรัส……

หน้าหอหญิงงามเมือง แขกทั้งหลายถอยทางออกมา ฟู่ลั่วเฉินและเฟิงฉิ้นหว่านก็ยืนอยู่กลางทาง ฟู่ลั่วเฉินสังเกตเฟิงฉิ้นหว่านที่กำลังยกยิ้มมุมริมฝีปาก มีแสงวาบผ่านดวงตา: จานที่ฝังทองและหยกมาแล้ว ยังไม่รีบเตรียมให้บริการอีก?

“ข้าดูท่าทางเจ้าเช่นนี้ก็รู้สึกเจริญตา เดินหน้านำทางเถิด”

“สามารถให้ท่านชายรู้สึกเจริญตา เป็นเกียรติของฉินหว่าน” ดวงตาของเฟิงฉิ้นหว่านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีความรู้สึกว่าถูกดูถูก ล่วงละเมิดแม้แต่น้อย

ฟู่ลั่วเฉินเดินตาม เฟิงฉิ้นหว่านเข้าไปที่ห้องโถงที่ชั้นหนึ่ง แขกที่อยู่เบื้องหลังถึงจะกล้าพูดด้วยเสียงเบา

“พวกเจ้าเห็นหรือยัง?สมกับที่มาจากจวนอ๋อง เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็ทำให้คนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง”

“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ?กวานหยกที่สวมบนหัวของท่านชายท่านนั้นเป็นหยกจินซือหน่วนชั้นสูง ว่ากันว่าส่งมอบให้กับฝ่าบาท ฝ่าบาทก็มอบให้แก่จวนยู่ชินอ๋อง ท่านอ๋องที่ตามใจลูกชายท่านนั้นก็ใช้หยกจินซือหน่วนชั้นสูงชิ้นนี้ แกะสลักกวานผมนี้ให้ท่านชายฟู่

“เจ้าเพียงมองก็รู้?”

“หยกจินซือหน่วนนะ นั้นเป็นถึงของทองหมื่นก็ยากขอ ตอนนั้นมีโอกาสได้เห็น ความแวววาวนั้น รูปลักษณ์เช่นนั้น ต้องใช่แน่ๆ!”

“เพียงแค่กวานผมอันหนึ่งก็ประเมินค่ามิได้แล้วมั้ง?”

มีคนยืนออกมา พูดย่างเหยียดหยามว่า “ดูความรู้อันน้อยนิดของพวกเจ้าสิ มองออกแค่เพียงกวานผมที่สลักด้วยหยกจินซือหน่วนตัวนั้น แต่ว่าดูไม่ออกเสื้อคลุมที่สวมอยู่บนตัวของท่านชายฟู่นั้นมีบทความเช่นไร?”

“เสื้อคลุมตัวนั้นดูแล้วธรรมดาทั่วไป ดูเหมือนว่าจะปักรูปด้วยด้ายสีเงิน แม้ว่าจะส่องสว่างภายใต้แสงไฟ แต่ก็ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษมิใช่หรือ?”

“ตระกูลของข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้า แต่ไม่เคยเห็นวัสดุบนเสื้อคลุมของท่านชายฟู่มาก่อน วัสดุดูธรรมดาทั่วไป แต่แสงจะดูอุ่นนุ่มกว่าผ้าเนื้อดี พื้นผิวเรียบนุ่มกว่า ถ้าข้าเดาไม่ผิด นั้นคงจะเป็นของบรรณาการไหมหยุนวู่”

“ไหมหยุนวู่?”

“ไหมหยุนวู่นี้จะต้องทอจากไหมที่คายออกมาโดยหานฉานบนภูเขาสูงมีหิมะปกคลุม และตัวหานฉานต้องดื่มน้ำค้างใส อาบแสงอรุณรุ่ง กินใบหม่อนเทียนปิงที่ปลูกใต้เมฆหมอก ต้องใช้เวลาสามปีในการสานให้เป็นชิ้นเดียว วัสดุเช่นนั้นถูกตัดเป็นเสื้อผ้า สามารถต้านร้อนเย็น พวกเจ้าว่ามันล้ำค่ากว่ากวานผมนั้นหรือไม่”

“สูด……” คนไม่น้อยแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ “ท่านอ๋องนั้นยอมได้จริง ๆ ของดีๆ เช่นนี้บอกให้ทำเป็นเสื้อผ้าก็ทำเป็นเสื้อผ้าแล้ว หากข้าสามารถได้มาหนึ่งผืน งั้นก็ต้องมอบเป็นมรดกสืบทอดของครอบครัวอยู่แล้ว”

“คนเขาเป็นถึงบุตรเอกชินอ๋อง เช่นนั้นไม่ใช่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดแล้ว นั้นคือนั่งบนภูเขาเงินภูเขาทองแล้ว จะมาสนใจเรื่องแค่นี้ได้อย่างไร?”

เสียงการสนทนาที่หน้าประตูไม่มีผลกับฟู่ลั่วเฉิน ในขณะนี้เขากำลังมองเฟิงฉิ้นหว่านด้วยรอยยิ้มราวไม่ยิ้ม พัดในมือขยับเล็กน้อย ลมพัดเบาๆ บนใบหน้าของเฟิงฉิ้นหว่าน

“ท่านชายฉิน เหตุใดห้องโถงบนชั้นนี้ถึงเรียกว่าโถงเงาสะท้อน?”

“เข้าหอหญิงงามเมือง ต้องถามฐานะเป็นธรรมดา ดูบุคลิก ดูหน้าตา ในเมื่อแม่นางในหอหญิงงามเมืองก็ใช่แขกเช่นไรก็ให้บริการ”

ฟู่ลั่วเฉินเลิกคิ้วที่เรียวขึ้นเล็กน้อย พับพัดในมือ จากนั้นยกมือขึ้นเล็กน้อย หันหน้าไปทางตรงเฟิงฉิ้นหว่าน พูดอมรอยยิ้ม: "งั้นเจ้ามาดู ข้าเป็นเช่นไร?”

เฟิงฉิ้นหว่านกัดฟันอย่างลับๆ: ก่อนหน้านี้เคยเห็น ฟู่ลั่วเฉินในหอมาก่อน รู้สึกแค่ว่าเขาเย็นชาไปทั้งตัว และสงสัยว่าเขาจะประพฤติตัวเช่นนี้ต่อไปหรือไม่หลังจากมาที่หอหญิงงามเมือง ถึงขนาดทำให้งานเย็นเฉียบ แต่มาดูตอนนี้ ฟู่ลั่วเฉินตรงหน้ามุมริมฝีปาก กำลังยิ้ม ดวงตาฟีนิกซ์เต็มไปด้วยอารมณ์ ทุกย่างก้าวมีความสง่างามสูงส่ง และท่าทางก็ดูชำนาญอย่างที่สุด

ในที่สุดนางก็เข้าใจ เหตุใดถึงมีคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับฟู่ลั่วเฉิน บอกว่าเขาท่านชายยอดยิ่งคนนี้เป็นเดินผ่านกลุ่มดอกไม้งาม ไม้ใบไม่ติดตัว

สายตาฟู่ลั่วเฉินลึกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มบนริมฝีปากปิดลง: "เหตุใด ท่านชายฉินถึงไม่พูดแล้วล่ะ ?หรือคิดว่าตัวตนของข้าไม่สูงพอ หรือบุคลิกไม่ดีพอ หรือว่าหน้าตาดีมองดูไม่ได้ ?"

เฟิงฉิ้นหว่านกำหมัดในมือแน่น ท่าทางของฟู่ลั่วเฉินเช่นนี้ ทำให้นางไม่ทันตั้งตัว ในเมื่อการแสดงนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ต้องแสดงต่อไป

เฟิงฉิ้นหว่านลืมตาขึ้น ยังคงยิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ฟู่ลั่วเฉินดึงแขนกลับ แขนเสื้อแกว่งไปมา แสงวาบเย็นเฉียบ “เหตุใดท่านชายน้อยฉินถึงไม่พูดล่ะ?หรือว่าข้าแย่มากจนเจ้าพูดไม่ออกแล้ว”

“ตรงกันข้ามเลย ฉิ้นหว่านได้พบท่านชาย ก็รู้สึกละอายใจตัวเอง ในความอับอายนี้ ก็ไม่รู้จะว่างตัวเช่นไรแล้ว ยังจะกล้าวิพากษ์วิจารณ์ท่านชายตรงไหนกัน?”

“แล้วถ้าข้ายืนกรานที่จะให้เจ้าพูดล่ะ” ฟู่ลั่วเฉินพูดอีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ