ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 62

เฟิงฉิ้นหว่านได้ยินคำพูดของฟู่ลั่วเฉิน เปิดปากเบา ๆ แสดงท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นคิ้วตาก็ยิ้ม หัวเราะออกมาเสียงดัง:

“ที่แท้ท่านชายชอบฟังคนอื่นกล่าวชมตัวเอง หากเป็นเช่นนั้น งั้นข้าพูดหน่อยจะเป็นเช่นไร?”

“พูดมาดูซิ”

“ ดูลักษณะท่านชาย หน้าตาคมชัด ใบหน้าหล่อเหลา สง่าราศีจับ ราวเทพบุตร;นิสัยสุภาพบุรุษ เจียมเนื้อเจียมตัว เพียบพร้อมคุณงามความดี; ในส่วนของตัวตนท่านชายนั้นก็ยิ่งเป็นสิ่งล้ำค่า ดังนั้นท่านชายจึงเป็นแขกที่สูงส่งที่สุดของ หอหญิงงามเมืองในคืนนี้"

เฟิงฉิ้นหว่านสายตาจริงใจ ดวงตาที่สว่างใสก็มองเข้าไป ด้วยความโหยหาและความชื่นชมเล็กน้อย ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นในใจ ไม่สงสัยความจริงของคำพูดนางแม้แต่น้อย

ฟู่ลั่วเฉินมองตาของนาง ไม่รู้เมื่อไหร่ในใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย: “ท่านชายน้อยฉินอายุแม้ไม่มาก แต่กลับพูดเป็นมาก”

“แค่พูดตามความจริงเท่านั้น”

ฟู่ลั่วเฉินหันไปมองแขกคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ที่ประตู: "ท่านชายน้อยฉิน ชื่อเสียงของหอหญิงงามเมือง ข้าและท่านอื่นได้ยินมา ก่อนหน้านี้เรือนพรรณบุปผกาและแดนเทวสิทธิ์ ทำให้คนหลงใหลไม่น้อย แต่ว่าพวกข้ามาในวันนี้ ก็เพื่อชั้นที่สี่ของหอหญิงงามเมืองนี้ เจ้าเรียกมันว่าความหมายที่แท้จริงของชีวิต ไม่รู้ว่ามันจะสมชื่อจริงๆ หรือเปล่า?”

“ฉิ้นหว่านรู้ดีว่าทุกท่านคงจะสงสัยไม่น้อย แต่ว่าที่ดีที่สุดนี้ ก็ต้องเหลือไว้สุดท้ายอยู่แล้ว ความหมายที่แท้จริงของชีวิตที่หายากนั้น ก็เพราะคนส่วนมากทั้งชีวิตก็ไม่เข้าใจ หากตอนนี้ก็เปิดเผยต่อหน้าทุกท่าน ให้ทุกท่านก็ไม่มีใจที่จะมองสาวสวยภาพงามเหล่านี้แล้ว งั้นหอหญิงงามเมืองข้านี้จะเปิดอยู่หรือไม่?”

ทันทีที่ เฟิงฉิ้นหว่านกล่าวเช่นนี้ คนไม่น้อยก็หัวเราะออกมาทันที

“ที่ท่านชายฉินพูดก็สมเหตุสมผล ไม่แน่รอข้าเข้าใจความหมายที่แท้จริงของชีวิตแล้ว ก็ไม่สนใจต่อความสวยงามเหล่านี้อีกล่ะ”

“เช่นนั้นก็ไม่กลายเป็นนับถือโลกาหรือ?”

“ข้ากลับไม่เชื่อ ศาสนากล่าวว่าธัมมะสูงส่ง ส่งคนทั้งใต้หล้าได้ แต่มีกี่คนที่ข้ามไปจริง ๆ?ยังไงหอหญิงงามเมืองก็เป็นสถานที่เปิดประตูต้อนรับแขกเอาเงิน ยังสามารถดูจิตใจของพวกเราออกหรือ?”

เฟิงฉิ้นหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: "แม้ว่าแขกสามารถสัมผัสกับความหมายที่แท้จริงของชีวิตได้หรือไม่ก็ตาม รอได้ไปดูด้วยตัวเองถึงจะลงข้อสรุปได้ ในหอหญิงงามเมืองเตรียมการเต้นรำไว้แล้ว ขอเชิญท่านผู้มีเกียรติเข้านั่งชมเถิด"

ฟู่ลั่วเฉินพัดพับในมือเบาๆ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฟิงฉิ้นหว่านกลับเข้าไปดึงแขนเสื้อเบา ๆ ก่อน: "ท่านชาย ชั้นสามได้เตรียมที่นั่งที่ดีที่สุด ขอเชิญท่านชายให้เกียรติ "

มาไม้แข็งไม่ได้ ก็ต้องมาไม้อ่อน

นางไม่สามารถให้ใครมาทำลายแผนของวันนี้ได้ ฟู่ลั่วเฉินก็ไม่ได้!

เฟิงฉิ้นหว่านตัวเล็กกว่าฟู่ลั่วเฉินไปหนึ่งหัว ตอนนี้กำลังจับแขนเสื้อของเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาราวกลับว่าเต็มไปด้วยน้ำ ดูแล้วเหมือนกับถูกคนอื่นรังแกหนัก ทำให้คนอื่นใจอ่อนอย่างไม่รู้ตัว

สบเข้ากับสายตาของเฟิงฉิ้นหว่าน คำพูดทำให้ลำบากใจที่ฟู่ลั่วเฉินคิดไว้ก็พูดไม่ลงแล้ว ค่อยเดินขึ้นไปชั้นบน

เฟิงฉิ้นหว่านถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก ในใจโล่งอกเบาเบา:ฟู่ลั่วเฉินดีโกรธไม่แน่ แต่ยังดีที่กินไม้อ่อนไม่กินไม้แข็ง

ระงับความคิดในใจ เฟิงฉิ้นหว่านก็นำฟู่ลั่วเฉินขึ้นไปชั้นบน: “ท่านชายฟู่มีดอกไม้ที่ชอบหรือไม่? ชั้นสองของหอหญิงงามเมือง เลี้ยงดอกไม้นานาพันธุ์ไม่น้อย หากมีที่ท่านชายชื่นชอบ วันหน้ามอบให้สองกระถาง ส่งไปที่หอของท่านชาย”

“ชั้นสองของเจ้านี้มีดอกไม้ทุกชนิดเลยหรือ?”

“เป็นเพียนชั้นเล็กๆ มีไม่ครบทุกชนิดอยู่แล้ว แต่ถ้าหากท่านชายมีดอกไม้ชนิดใดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ หอหญิงงามเมืองก็ยินดีที่จะหามาให้ท่านชาย”

“มีดอกไม้ที่สามารถกินคนหรือไม่?” ฟู่ลั่วเฉินหันหน้ามาเล็กน้อย แสงในดวงตาฟีนิกซ์สั่นไหวเล็กน้อย

“ท่านชายพูดเล่นแล้ว”

“ปกติเห็นดอกไม้พวกนี้อ่อนแอ ทนฝนตกลมพัดอะไรไม่ได้ วันนี้ผลิบาน พรุ่งนี้ร่วงโรย ไม่มีความหมาย ข้าเคยได้ยินมาว่ามีหญ้าคอกหมูชนิดหนึ่ง สามารถกินเนื้อได้ คิดว่ามีดอกไม้กินคนก็ไม่แปลก……”

ฟู่ลั่วเฉินมองดวงตาของเฟิงฉิ้นหว่าน แววตาตามด้วยความเย็นชาเล็กน้อย :เฟิงฉิ้นหว่านตรงหน้านี้ก็ไม่ใช่มีพิษ มีหนามของดอกกินคนหรือ?

เฟิงฉิ้นหว่านมองดูดวงตาคู่นี้ จิตใจตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ ราวกับดวงตาคู่นี้ดังเคยเห็นมาก่อนหลายครั้ง เกือบจะดึงเข็มเงินที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมาโดยไม่รู้ตัว

เฟิงฉิ้นหว่านมองดูฟู่ลั่วเฉินระมัดระวัง สายตาจ้องไปที่ดวงตาของเขาและบริเวณคอหลายครา ไม่เห็นความผิดปกติใดใดแล้ว ถึงรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป:

“หอหญิงงามเมืองตรงหน้า มีเพียงที่หลินผิง รอทีหลังหอหญิงงามเมืองเปิดทั่วเจียงหนานแล้ว ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยท่านชายหาดอกไม้ชนิดนี้แน่”

“เฮอะ” ฟู่ลั่วเฉินหัวเราะเบาๆ ไม่เดินเล่นที่ชั้นสอง เดินตรงไปที่ชั้นสาม

เฟิงฉิ้นหว่านตามขึ้นไปอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้ม

“ชั้นสามนี้เรียกว่าแดนเทวสิทธิ์?”

“ขอรับ”

“เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่เห็นกลิ่นอายทวยเทพแม้แต่น้อยล่ะ?”

“ถึงแม้จะเรียกว่าแดนสวรรค์ สุดท้ายก็เป็นเพียงสิ่งที่ข้าน้อยเองคิดออกมา หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความคิดตัวเอง ยังขอท่านชายอภัยให้ด้วย”

ฟู่ลั่วเฉินคิดว่าตัวเองพูดเช่นนี้ คงจะทำให้เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกบูดบึ้งเล็กน้อย แต่ว่าฝั่งตรงข้ามตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังยิ้มอย่างไร้ที่ติ มองไม่เห็นข้อบกพร่องแม้แต่น้อย

โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ดวงตาสีดำราวกับหินดำวาวสว่างใส ตาขาวสีขาวราวกับหยก ขาวใสไร้ตำหนิ ความแตกต่างหนึ่งดำหนึ่งขาวนี้ สายตาเดียวก็สามารถเห็นไปจนถึงใจของคนได้

เมื่อสบกับสายตาของฟู่ลั่วเฉิน เฟิงฉิ้นหว่านไม่หลบไม่หนี ยังหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มนี้สามส่วนสดใส สามส่วนเชื่อฟัง ที่เหลือล้วนเป็นสวยสดรุ่งโรจน์

ฟู่ลั่วเฉินอ้าปากเล็กน้อย รู้สึกเสมอว่ารอยยิ้มนี้พราวตาผิดปกติ

“ไม่ต้องก็ได้”

ฟู่ลั่วเฉินสะบัดพัดในมือ มาที่ห้องโถงที่แขวนป้ายปักษาเอกา: "ห้องโถงที่นี้ดูไม่เลว นั่งที่นี่ก็แล้วกัน"

“ฟังท่านชาย”

ฟู่ลั่วเฉินนั่งอยู่ในที่ที่หลี่หยวนนั่งก่อนหน้า เงยหน้าขึ้นมอง เฟิงฉิ้นหว่าน: "ท่านชายฉิน หอหญิงงามเมืองเจ้าเป็นคนออกความคิดเปลี่ยนแปลงหรือ”

“ขอรับ”

“ข้าดูแล้ว……” ฟู่ลั่วเฉินยังพูดไม่จบ ก็เกิดเสียงดังขึ้นจากชั้นล่าง

“หอหญิงงามเมืองดูถูกข้าหรือ?ฆ่าดอกทั้งร้อยอะไร ข้าว่าเป็นฉีกหน้าถึงจะถูก!หญิงวัยกลางคนเจ้าเสน่ห์คนหนึ่ง ข้าสามารถพอใจเจ้าก็ไม่เลวแล้ว เจ้ายังทำตัวสูงส่งอะไร?”

เฟิงฉิ้นหว่านลุกยืนขึ้น: “ชั้นล่างเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ยังขอท่านชายฟู่ช่วยรอก่อน ข้าน้อยจัดการเสร็จก็กลับมา”

“อืม”

หญิงรับใช้ยกถ้วยชามา ฟู่ลั่วเฉินโบกมือสื่อให้คนนั้นถอยลงไป

หยุนซวนเข้ามา: “ท่านชาย ท่านเหตุใดถึงค่อยหาเรื่องแม่นางเฟิงล่ะ?”

“มีเหรอ?” ฟู่ลั่วเฉินยกถอยชาขึ้นมามองดู

น้ำชาใส ใบชาหมุนกลิ้งเบาๆ ไม่เห็นความขุ่นมัวแม้แต่น้อย กลิ่นชาได้ซึมซาบเข้าไปในน้ำชา จิบเพียงหนึ่งคำ จะรู้สึก "น้ำคือกลิ่นหอม กลิ่นหอมคือน้ำ" เช่นนั้น รสชาติกลับดีไม่น้อย

“แน่นอน คนที่รู้ ท่านคือมาชื่นชมสาวงาน คนที่ไม่รู้ ยังนึกว่าท่านเป็นผู้ช่วยที่หอชมจันทราเชิญมาเสียอีก!”

หยุนซวนมองไปที่ท่านชายของตัวเอง ส่ายหัวเบาๆ:จีบสาวคนหนึ่งก็จีบไม่เป็น ขัดใจองครักษ์ข้าจริงๆ!ไม่ก็ กลับไปแล้วมอบหนังสือภาพสองเล่มให้ท่านชาย?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ