เฟิงฉิ้นหว่านแววตาจริงจัง การแสดงออกดูสงบนิ่งอย่างยิ่ง แต่จ้าวยี่กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ข้าจะไปสอบปากคำด้วยตนเอง......”
“ใต้เท้า ตระกูลฉือแห่งเมืองหยางถือเป็นตระกูลที่มีหน้ามีตา หากคืนนี้ไม่สามารถสืบสวนหาข้อสรุปออกมาได้ พรุ่งนี้ก็คงต้องปล่อยคนไปสินะเจ้าคะ ? คนผู้นี้หากปล่อยไปแล้ว ก็คงไม่มีวันกลับมาอีกแน่” เฟิงฉิ้นหว่านพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จ้าวยี่ขมวดคิ้วแน่น : “เฟิงฉิ้นหว่าน หรือเจ้าอยากจะไปสอบปากคำด้วยตัวเองล่ะ ?”
“หากใต้เท้าเชื่อใจข้าน้อย ไม่เกินหนึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะสอบปากคำของฉือเหลียนออกมาได้อย่างกระจ่างอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“เจ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ไม่มีสิทธิ์สอบปากคำ”
“ใต้เท้า เรื่องด่วนผ่อนปรนกันได้ เกาหนานเองก็ไม่ได้ทำตามระเบียบขั้นตอนในการสอบสวนไม่ใช่หรือเจ้าคะ ?” แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านสั่นคลอนเล็กน้อย และปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา
จ้าวยี่ลุกขึ้นทันที : “เจ้าขู่ข้าหรือ ?”
“ฉิ้นหว่านมิกล้า เพียงแค่พูดเรื่องจริงเท่านั้น”
“เจ้า......” แววตาของจ้าวยี่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง เรื่องของเกาหนาน เกินหลักการของเขา ตอนนี้เฟิงฉิ้นหว่านหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้ง ถึงขั้นพูดจาข่มขู่เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจที่มากขึ้น ทำให้เขาไม่อาจระงับความโกรธในใจไว้ได้อีกต่อไป
“ใต้เท้าจ้าว ฉิ้นหว่านทราบดีว่าท่านโกรธ รอให้เรื่องคลี่คลายแล้ว ฉิ้นหว่านยินดีรับโทษ เพียงแต่โอกาสในตอนนี้จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้ สายน้ำไปหวนคืนมาอีก ขอใต้เท้ารีบตัดสินใจ”
จ้าวยี่กัดฟันกรอด ความโกรธคุกรุ่นอยู่ในแววตา : “เจ้า......”
เฟิงฉิ้นหว่านยืดอก และจ้องตากับจ้าวยี่อย่างไม่เกรงกลัว : “ใต้เท้า นรกว่าเปล่า ปีศาจร้ายขึ้นมาเดินอยู่บนโลกมนุษย์ ใต้เท้าเป็นคนซื่อตรง ถือว่าหาได้ยากยิ่ง แต่ใช้วิธีที่จัดการกับมนุษย์มาจัดการกับปีศาจนั้น ถือว่าเปล่าประโยชน์ ใต้เท้าจะทนดูหญิงสาวจำนวนมากขนาดนั้น ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปได้หรือเจ้าคะ ?”
สีหน้าของจ้าวยี่หม่นหมองลงทันที สักพัก จึงเอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ข้าให้เวลาเจ้าเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น !”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านเป็นประกาย และปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นมา : “ฉิ้นหว่านจะไม่ทำให้ใต้เท้าผิดหวังแน่นอนเจ้าค่ะ”
เฟิงฉิ้นหว่านมุ่งหน้าไปที่เรือนจำในทันที จ้าวยี่นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหมองหม่น ความคิดซับซ้อนเป็นพิเศษ
ฟู่ลั่วเฉินเดินออกมาจากด้านหลังม่านบังตา เขาสวมใส่ชุดสีขาว ยืนอยู่ภายใต้แสงเทียนที่สาดส่อง อยู่ในห้องโถงใหญ่ของที่ว่าการอำเภอ ทำให้ดูมีประกายที่อบอุ่น : “สุดท้ายใต้เท้าจ้าวก็ยอมอะลุ้มอล่วยแล้ว ?”
“ท่านชาย......” จ้าวยี่ลุกขึ้นคำนับ “ท่านชายอย่าล้อข้าน้อยเล่นอีกเลย”
“ข้าไม่ได้ล้อเล่น ใต้เท้าเป็นสุภาพบุรุษ และสุภาพบุรุษมักจะหลอกลวงด้วยวิธีการที่เหมาะสม เฟิงฉิ้นหว่านรู้ถึงความคิดของท่าน ที่ต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้กับหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ในหอเซียวเซียงจุ๋น ดังนั้นจึงมีความกล้าหาญเช่นนี้”
จ้าวยี่หัวเราะอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัว : “แม่นางเฟิงผู้นี้ จะประมาทไม่ได้จริง ๆ ท่านชาย แม่นางเฟิงลงมืออย่างไร้แบบแผน อีกทั้งข้าน้อยมองนางก็รู้สึกว่า มีทั้งความยุติธรรมและความชั่วร้ายในเวลาเดียวกัน ท่านชายคิดจะเก็บคนผู้นี้เอาไว้ข้างกายจริงหรือ ?”
“หากมีประโยชน์ก็ย่อมต้องเก็บไว้แน่นอน” ฟู่ลั่วเฉินนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ใต้เท้าจ้าว ช่วงหลังจากนี้ เกรงว่าท่านคงต้องงานยุ่งสักหน่อยแล้ว”
“ท่านชายโปรดชี้แนะ”
“ข้อแรก หากฉือเหลียนมีปัญหาจริง ตระกูลฉือเองก็คงไม่อาจขาวสะอาดได้ ท่านต้องรีบหาวิธีควบคุมคนของตระกูลฉือให้ได้โดยเร็วที่สุด เช่นนี้จึงจะตัดสินคดีหอเซียวเซียงจุ๋นได้ ข้อสอง ในเรือนจำ เมื่อเกาหนานตาย หลี่หยวนจะต้องตั้งคำถามแน่นอน ท่านจะต้องเตรียมการรับมือให้พร้อม ข้อสาม ในหอเซียวเซียงจุ๋น มีหญิงสาวจำนวนมากที่ได้รับการระบุตัวตนชัดเจนแล้ว ข้าส่งคนแอบติดต่อกับครอบครัวของหญิงสาวเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว ให้พวกเขามารวมตัวกันที่หลินผิง เพื่อทวงถามความยุติธรรม”
เมื่อได้ยินข้อสุดท้าย สีหน้าของจ้าวยี่ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ : “ท่านชาย ข้อที่สามของท่านดูจะไม่ค่อยเหมาะสมหรือไม่ ? คดีหอเซียวเซียงจุ๋นนับว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ถ้าหากปล่อยให้ลุกลามบานปลาย เกรงว่าจะยิ่งทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว !”
“สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเราไม่อาจปล่อยให้สงบได้”
“ท่านชาย ข้าน้อยโง่เขลา จึงไม่เข้าใจนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ