เมื่อได้ยินคำว่านายท่านจากปากของหวางจื้อหยวน เฟิงฉิ้นหว่านก็พอใจอย่างยิ่ง : “นายท่านหวาง ตอนนี้เชื่อแล้วหรือว่าสิ่งที่ข้าพูดไปก่อนหน้าไม่ใช่เรื่องโกหก ?”
“ท่านชายฉินพูดอะไรเช่นนั้น ข้าไม่เคยคิดสงสัยมาก่อนเลยสักนิด” หวางจื้อหยวนแสดงท่าทีจริงใจอย่างยิ่ง
เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มจาง ๆ โดยไม่พูดอะไร
หวางจื้อหยวนหยิบกล่องเล็ก ๆ ใบหนึ่งที่นำติดตัวมาด้วยออกมา จากนั้นจึงผลักไปตรงหน้าเฟิงฉิ้นหว่าน : “ท่านชายฉินกรุณาเปิดดู”
เฟิงฉิ้นหว่านหยิบกล่องมาแล้วเปิดออก ด้านในบรรจุตั๋วเงินอยู่เต็มไปหมด
“นี่คือ.....”
“ท่านชายฉิน ด้านในมีตัวเงินอยู่หนึ่งแสนสองหม่นตำลึง ในนั้นหนึ่งแสนตำลึงเป็นเงินที่ข้าร่วมเปิดเส้นทางการค้า ส่วนที่เหลืออีกสองหมื่นตำลึง เพื่อเป็นการตอบแทนท่านชายฉินที่พูดเตือนก่อนหน้า หวังว่าท่านชายฉินจะไม่รังเกียจ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก”
“ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ? หากไม่ใช่เพราะท่านชายฉินเตือนข้าด้วยความหวังดี กิจการที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลหวางในอนาคต ไม่รู้ว่าจะตกไปอยู่ในมือของใคร ! หวังว่าท่านชายฉินจะไม่ปฏิเสธ”
ตอนนี้เมื่อนึกถึงอนุผู้นั้น หวางจื้อหยวนก็อดไม่ได้ที่อยากจะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ
คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่า หญิงงามที่ดูอ่อนแอเช่นนี้ กลับลงมือได้อย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งไม่ว่าจะสอบสวนเช่นไร นางก็ไม่ยอมสารภาพว่ามีผู้บงการอยู่เบื้องหลังหรือไม่
เฟิงฉิ้นหว่านส่ายหัวเบา ๆ : “หนึ่งแสนตำลึงข้าจะรีบเอาไว้ จากนั้นจะเขียนหนังสือสัญญาให้กับนายท่านหวาง ต่อไปจะเปิดเส้นทางการค้าอย่างไร จะใช้เงินจำนวนนี้อย่างไร ข้าจะบอกนายท่านหวางทั้งหมด อย่างไรเสียเรื่องนี้พวกเราต้องพยายามร่วมกัน ส่วนอีกสองหมื่นตำลึงที่ให้ข้า ขอให้นายท่านหวางนำกลับไปเถอะ”
“เอ่อ......หรือว่าท่านชายฉินรู้สึกว่าน้อยเกินไป ?” หวางจื้อหยวนลองถามหยั่งเชิง
“เป็นไปได้อย่างไร ? เพียงแต่ตอนนี้งานยุ่งทุกวัน จนไม่มีเวลาจะใช้จ่ายเงิน อีกอย่าง เงินของนายท่านหวางก็ไม่ได้โปรยลงมาจากฟ้า ข้าก็เพียงแค่เตือนด้วยความหวังดีเท่านั้น ความหวังดีนี้หากถูกตีค่าด้วยเงิน ไม่เท่ากับเสียรสชาติหรอกหรือ ?” เฟิงฉิ้นหว่านพูดด้วยรอยยิ้ม
แววตาของหวางจื้อหยวนเปลี่ยนไปในทันที จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “ข้าอายุปูนนี้แล้ว ยังไม่มีความคิดที่แตกฉานเท่าท่านชายฉินเลย น้ำใจนี้ไม่อาจตีค่าได้ด้วยเงินตรา เช่นนั้นบุญคุณของท่านชายฉินในครั้งนี้ ข้าจะจดจำเอาไว้”
“เช่นนี้ก็ถือว่าข้าได้รับสิ่งตอบแทนแล้ว”
บุญคุณที่มีต่อหวางจื้อหยวน ต่อไปจะมีค่ายิ่งกว่าเงินทองเหล่านั้นนัก
“ฮ่า ๆ ท่านชายฉินช่างรู้จักเจรจาจริง ๆ”
เฟิงฉิ้นหว่านและหวางจื้อหยวนพูดคุยกันสักพัก และเขียนหนังสือสัญญาให้กับเขาโดยละเอียด เมื่อมั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาด หวางจื้อหยวนก็ลงนาม และประทับรอยนิ้วมือ ถือว่าสัญญาฉบับมีเสร็จสมบูรณ์
สัญญาทำเป็นสองฉบับ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเก็บเอาไว้
หวางจื้อหยวนมีท่าทีที่สนิทสนมกับเฟิงฉิ้นหว่านมากขึ้น : “ท่านชายฉินถึงแม้อายุยังน้อย แต่ก็ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ เมื่อคืนงานยุ่งจนถึงดึก เช้านี้ยังต้องตื่นแต่เช้าอีก”
“มีข่าวสารมากมายส่งเข้ามา ทำให้ยุ่งอยู่เสมอ ข้าเองก็อยากพักผ่อน แต่เมืองหยางกลับเกิดเรื่องขึ้นอีก” เฟิงฉิ้นหว่านพูดด้วยท่าทีจนใจ
“เมืองหยาง ?” หวางจื้นหยวนใจเต้น นึกถึงฉือเหลียนที่ก่อความวุ่นวายในหอหญิงงามเมืองเมื่อคืนในทันที “หรือว่าจะเกิดเรื่องกับตระกูลฉือ ?”
“ไม่ใช่ได้อย่างไร ? เมื่อคืนฉือเหลียนก่อความวุ่นวายที่หอหญิงงามเมือง กระทำการอุกอาจ เดิมทีคิดว่าต้องการเพียงให้ใต้เท้าจ้าวขังเขาเอาไว้เพื่อข่มขู่ในกลัว เมื่อกลัวเรื่องทุกอย่างก็คงจบลง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกี่ยวพันไปถึงเรื่องของหอเซียวเซียงจุ๋น ตระกูลฉือเองก็มีส่วนรู้เห็นด้วย คาดว่าภายในวันสองวันนี้ ทุกคนในตระกูลฉือคงถูกจับไปสอบปากคำ”
“หึ ตระกูลฉือจะถูกจับทั้งตระกูลหรือ ?”
“อย่างไรเสียสิ่งที่ฉือเหลียนสารภาพออกมานั้นค่อนข้างน่าตกใจ คดีใหญ่เช่นนี้ คงจะต้องใช้ความละเอียดอย่างยิ่ง ? การสอบสวนอย่างละเอียด อย่างน้อยก็ต้องค้นพบปัญหาบางอย่างออกมาได้บ้าง ? สรุปว่าเมืองหยางคงได้คึกคักขึ้นแล้ว”
ทำการค้ามาหลายปี ต่อให้ระมัดระวังแค่ไหน จะไม่มีปัญหาเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ขอเพียงมีคนเต็มใจจะสอบสวน ไม่มีเบื้องหลังของใครที่จะขาวสะอาดทั้งนั้น
หวางจื้นหยวนรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ : ฉือเหลียนผู้นั้นเพียงแค่ก่อเรื่องที่หอหญิงงามเมือง เมื่อดูทีท่าของฉิ้นหว่านแล้ว ราวกับคิดจะทำลายทั้งตระกูลฉือให้ล่มสลายอย่างไรอย่างนั้น ถือเป็นการลงมือที่เด็ดขาดจริง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ