ได้ยินคำพูดของหยุนชี เฟิงฉิ้นหว่านชะงัก วางอาหารปลาในมือลง หยิบผ้าสีขาวที่อยู่ข้างกายขึ้นมาเช็ดนิ้วมือ เพียงท่วงท่านี้ ทำให้หยุนชีก้มหน้าลงอีกครั้ง
“เป็นอะไรไป?”
ได้ยินเสียงเอ่ยถามด้วยความฉงนสงสัยของเฟิงฉิ้นหว่าน หยุนชีดึงสติกลับมาทันที: “เรียนคุณหนู ตอนพลบค่ำข้าน้อยก็เพิ่งได้ยินพวกบ่าวรายงานว่า ผู้ที่ก่อความวุ่นวายเมื่อวานล้วนเป็นชาวบ้านทั่วไปในที่ต่างๆ ขอรับ”
“ชาวบ้านทั่วไป?”
“ขอรับ เพียงแต่ชาวบ้านทั่วไปเหล่านี้ยังมีอีกหนึ่งสถานะ”
“อะไร?”
“พวกเขาล้วนเป็นญาติของสตรีในหอเซียวเซียงจุ๋น”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านนิ่งงัน: “ข้ารู้แล้ว”
ถึงว่าฟู่ลั่วเฉินไม่ให้นางยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องของหลี่หยวน ที่แท้ก็เตรียมการทุกอย่างตั้งแต่แรกแล้ว
ฉินฮั๋วเหนียนพูดขึ้น: “คุณหนู ใต้เท้าจ้าวส่งเจ้าหน้าที่ไปจับกุมตัวคนพวกนั้นหมดแล้ว เวลานี้น่าจะกำลังรายงานฝ่าบาท เมื่อฝ่าบาททราบเรื่อง เกรงว่าคนเหล่านี้คงมีจุดจบที่ไม่ดีอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรก็ร้ายแรงถึงขั้นสังหารขุนนาง นี่คือความผิดมหันต์”
เฟิงฉิ้นหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย : “เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น แม้คนเหล่านั้นจะสังหารหลี่หยวน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนเดือดร้อน สตรีในหอเซียวเซียงจุ๋น เวลานี้ถูกทำลายจนป่นปี้ ชีวิตนี้ถือว่าถูกทำลายแล้ว ยามฝ่าบาทลงโทษ ย่อมต้องพิจารณาถึงด้านนี้”
“แม้ว่าจะเลี่ยงโทษประหารได้ แต่เกรงว่าคงจะมีความผิดไม่น้อย”
“เรื่องนี้ต้องดูว่าท่านชายฟู่คิดอย่างไรกันแน่” เฟิงฉิ้นหว่านพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ท่านชายฟู่? หรือว่าเรื่องนี้เป็นแผนการของท่านชายฟู่?” ฉินฮั๋วเหนียนขมวดคิ้วเป็นปม
“เรื่องใหญ่เช่นนี้ นอกจากเขาแล้วจะเป็นฝีมือของใครได้?” เฟิงฉิ้นหว่านอดไม่ได้ที่จะชื่นชมถึงความใจกล้าของฟู่ลั่วเฉิน
ตอนที่นางวางแผน นางเคยคิดจะปล่อยข้อผิดพลาดให้เป็นไปตามยถากรรม หากแผนการมีช่องโหว่ สุดท้ายทำไม่สำเร็จ อย่างมากก็เพียงเอายาพิษให้หลี่หยวน ให้เขาตายเท่านั้น
ทว่าคิดไม่ถึง วิธีการจัดการที่ฟู่ลั่วเฉินกล่าว กลับเป็นการให้ชาวบ้านทั่วไปตั้งมากมายรุมทำร้ายจนตาย
ชาวบ้านสังหารขุนนาง เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
สีหน้าของฉินฮั๋วเหนียนเคร่งขรึม: “เรื่องในหอเซียวเซียงจุ๋นวุ่นวายอยู่แล้ว เวลานี้ท่านชายฟู่ทำให้ชาวบ้านสังหารขุนนางในราชสำนึก เช่นนี้เป็นการสร้างเรื่องให้ใหญ่หลวงไม่ใช่หรือ? ท่านชายฟู่ทำเช่นนี้ ดีต่อเขาอย่างไร?”
“ความคิดของท่านชายฟู่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถคาดเดาได้”
เฟิงฉิ้นหว่านหลบตาลง ขนตางอนยาวบดบังอารมณ์ในแววตาของนาง
“ท่านอาฉิน ก่อนหน้านี้ข้านัดเจอกับหวางจื้อหยวนและพวก โดยใช้ชื่อขององค์ชายสาม หลี่หยวนเป็นคนขององค์ชายสาม เวลานี้เกิดเรื่องขึ้นกับเขา หวางจื้อหยวนและพวกต้องร้อนรนอย่างมากแน่นอน ท่านเผยตัวตนของข้าออกไป”
ฉินฮั๋วเหนียนชะงัก รีบส่ายหน้าปฏิเสธ: “คุณหนู ก่อนหน้านี้เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ จะไม่เปิดเผยตัวตนของคุณหนูในหอหญิงงามเมืองเด็ดขาด?”
“การเปิดเผยตัวตนเป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วย่อมเกิดขึ้น หวางจื้อหยวนและพวกกำลังร้อนใจ เวลานี้ส่งผลกระทบต่อแผนการของข้า ในเมื่อพวกเขาขึ้นเรือของข้าแล้ว เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตายย่อมไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาลงไป”
“แต่เมื่อตัวตนของคุณหนูเปิดเผยไป คุณหนูเข้าออกหอหญิงงามเมือง ชื่อเสียงก็จะป่นปี้”
“ท่านอาฉิน สำหรับข้าแล้ว ชื่อเสียงไม่ใช่สิ่งสำคัญ”
“คุณหนูจะคิดเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด” นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความปวดใจและทะนุถนอม แต่อยู่ต่อหน้าหยุนชี ก็ไม่อาจพูดถึงสิ่งที่เฟิงฉิ้นหว่านเคยพานพบ จึงทำได้เพียงพยายามเกลี้ยกล่อม “เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นเสมือนควัน เมื่อผ่านไปแล้วก็จางหายไป คุณหนูไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ”
“ท่านอาฉินคิดผิดแล้ว ที่ข้าบอกว่าชื่อเสียงไม่ใช่สิ่งสำคัญ ไม่ได้เป็นเพราะสิ่งที่ประสบพบเจอก่อนหน้านี้ แต่เป็นเพราะสถานการณ์ของข้าในเวลานี้”
“สถานการณ์?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ