ภายในใจของเฟิงฉิ้นหว่านคิดถึงเย่ลั่วหานที่มาเยือนนครหลินผิง ภาพเมื่อชาติภพก่อนฉายในความคิดเป็นครั้งคราว ทำให้จิตใจของนางว้าวุ่น
เวลานี้ เสิ่นเยว่เดินถือผ้าสองผืนเข้ามา
“ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ? สองวันนี้นอนหลับไม่สนิทไม่ใช่หรือเจ้าคะ? เหตุใดไม่นอนพักผ่อนให้เต็มอิ่ม”
“แม่วางไม่มีสิ่งใดทำ อยู่ในจวนก็เบื่อหน่าย จึงอยากตัดเสื้อให้เจ้าสองตัว แม่เจอผ้าเนื้อดีสองผืน เจ้าดูสิว่าชอบหรือไม่?”
เฟิงฉิ้นหว่านหันไปมอง เห็นผ้าสีขาวงาช้างหนึ่งผืน ประทับลวดลายใบไม้จางๆ อีกผืนหนึ่งสีฟ้ามรกต สีอ่อนเป็นพิเศษและงดงามยิ่งนัก
สีขาว......
ท่านชายเย่ชอบเสื้อผ้าสีขาว
“ท่านแม่ ข้าชอบผ้าสีขาวงาช้างผืนนี้ แค่ว่า ท่านแม่ไม่ต้องตัดเสื้อด้วยตนเองหรอกเจ้าค่ะ ให้พวกสาวใช้ทำก็พอแล้ว”
“แม่อยู่ว่างๆ ในจวน เป็นอันประจวบเหมาะหางานเหล่านี้ทำเล็กน้อย”
“เกรงว่าท่านแม่คงมีเวลาว่างอีกเพียงไม่กี่วัน”
เสิ่นเยว่เงยหน้าขึ้น: “แม่จะมีงานใดให้ทำ?”
ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา นางดูแลเฟิงฉิ้นหว่านในจวนมาโดยตลอด แม้เฟิงฉิ้นหว่านจะไม่ยอมรับนาง แต่ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้นางก็ยังคงดูแลเฟิงฉิ้นหว่าน เวลานี้กลายเป็นความเคยชินเสียแล้ว
“เมื่อก่อนไม่มีงานใดต้องทำ แต่เวลานี้ข้าทวงคืนกิจการของตระกูลเฟิงกลับมาแล้ว แน่นอนว่าต้องให้ท่านแม่ช่วยดูแล”
“แม่?” เสิ่นเยว่ชะงัก หลังจากนั้นส่ายหน้า “เรื่องการค้า แม่ไม่อาจทำได้”
“ท่านแม่ยังไม่เคยลอง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตนทำไม่ได้เจ้าคะ?”
“แม่ไม่ได้เฉลียวฉลาดเหมือนเจ้า ทั้งยังคิดหาวิธีดีๆ ในการหาเงินไม่ออก ยกการค้าของตระกูลเฟิงให้แม่ เป็นการทำให้เสียเวลาเปล่า?”
ทว่าเฟิงฉิ้นหว่านยืนกรานหนักแน่น: “ข้าได้วางแผนให้กับตระกูลเฟิงแล้ว ไม่ต้องการให้ท่านแม่คิดหาวิธีแต่อย่างใด ท่านแม่เพียงคอยดูแลพวกเถ้าแก่เล็กน้อยก็พอแล้ว และคอยตรวจสอบบัญชีของตระกูลเฟิง จากนั้นนั่งนับเงินที่บ้านก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
“จะง่ายเฉกเช่นเจ้าพูดได้อย่างไร? อีกอย่าง เจ้าเองก็ยังต้องให้แม่คอยดูแล”
เสิ่นเยว่พูด พร้อมกับคว้าผ้าสีขาวงาช้างที่เฟิงฉิ้นหว่านชอบ จากนั้นคลี่ผ้าแล้วมองอย่างพิจารณา: “เจ้าช่างสายตาหลักแหลมยิ่งนัก ผ้าผืนนี้มองแล้วเป็นเพียงผ้าสีขาวงาช้างทั่วไป แต่เมื่อมองอย่างละเอียดกลับมีเสน่ห์ซ่อนไว้ ตัดเย็บเป็นกระโปรง แล้วถักเย็บด้วยลวดลายดอกไม้เพิ่มเข้าไป ต้องงดงามอย่างแน่นอน”
เฟิงฉิ้นหว่านวางผ้าไว้ข้างๆ แล้วจับมือเสิ่นเยว่ มองตานางด้วยความจริงจัง : “ท่านแม่ เวลานี้ทั้งตระกูลเฟิงมีแค่พวกเราสองคนแม่ลูกที่พึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้นท่านต้องช่วยข้า”
เสิ่นเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย : “แต่ว่าข้าทำไม่ได้จริงๆ”
“ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนท่านแม่เคยดูบัญชีพร้อมกับท่านพ่อ ท่านแม่รู้หนังสือ ทั้งยังเข้าใจด้านบัญชี แล้วจะทำไม่ได้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”
เกิดใหม่อีกครั้ง เฟิงฉิ้นหว่านอยากจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเสิ่นเยว่ โชคชะตานี้ไม่เพียงให้นางมีชีวิตที่ดี แต่ต้องการให้นางมีชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน
เสิ่นเยว่ในอดีตล้วนมีชีวิตอยู่เพื่อนาง ตอนที่ตระกูลเฟิงยังดีก็คอยดูแลนาง หลังจากตระกูลเฟิงล้มละลายก็คอยเลี้ยงดูนาง ตาบอดเพราะนาง เสียโอมเพราะนาง สุดท้ายเพื่อช่วยนางออกจากจวนเฉิงเสี้ยง ถึงขั้นถูกทุบตีและทำร้ายจนตายทั้งเป็น
เวลานี้ นางจึงคืนชีวิตของท่านแม่ คืนให้ท่านใหม่
เสิ่นเยว่ยังคงไม่คิดจริงจัง: “นั่นเป็นเรื่องในอดีตเมื่อหลายปีก่อนแล้ว เวลานี้แม่ลืมไปหมดแล้ว แม่เนี่ย ทำจิตใจให้สงบแล้วตัดเย็บเสื้อผ้าให้เจ้าเถอะ เจ้าเลือกผ้าเสร็จแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องเหนื่อยใจ ประเดี๋ยวแม่ทำเสร็จแล้วจะส่งมาให้เจ้า สองวันนี้ง่วนกับการทำงานเถอะ เมื่อถึงเทศกาลเทพเจ้าดอกไม้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้าสวมใส่”
“ท่านแม่......”
“เจ้ารีบทำงานของเจ้าเถอะ” พูดจบ ก็เดินออกไป
เฟิงฉิ้นหว่านเม้มปากเล็กน้อย ลอบตัดสินใจ: ในเมื่อท่านแม่ไม่ยอมก้าวออกมา เช่นนั้นนางทำได้เพียงผลักดันอยู่ด้านหลังแล้ว
สองวันต่อจากนี้ มองดูแล้วคล้ายนครหลินผิงกลับมาเงียบสงบ แต่จิตใจของเฟิงฉิ้นหว่านกลับตึงเครียดยิ่งนัก
คำนวณตามเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นในนครหลินผิงควรจะไปถึงวังหลวงแล้ว สิ่งที่จะตามมาคือพายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำนครหลินผิง
หยุนชีถูกแม่นมโจวพาตัวเข้ามา: “น้อมทำความเคารพคุณหนู”
“อืม”
หยุนชีมองไปที่เฟิงฉินหว่าน สีหน้าของเขาฉายความดีใจทันที: “คุณหนู ท่านชายเย่ที่คุณหนูให้ข้าไปสืบนั้นได้ข่าวคราวแล้วขอรับ เมื่อวานท่านชายเย่เพิ่งเข้าเมือง เวลานี้พักอยู่ในสวนของท่านชายฟู่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ