ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 33

ตอนที่ 33 มองเห็นความผิดปกติ

ไทเฮาและฮองเฮาเองก็เสด็จมาอารามชูหยางกับนางด้วยเช่นกัน เมื่อมาถึงอารามหลวงหยงเฟยที่คอยเฝ้าดูอาการขององค์ชายอานเหยียนไม่ห่างก็พบนางกำนัลหลวงที่ค่อยๆประคองชูเซี่ยเข้ามา นางไม่ได้เอ่ยถามอาการชูเซี่ยก็รีบเอ่ยขึ้น “หยิงหลง เจ้ามาก็ดีแล้วรีบมาดูอาการอาเหยียนเร็วเข้า เมื่อครู่เขาอาเจียนนมออกมาจนหมดเลอะไปทั้งตัว นางกำลังเพิ่งจะเปลี่ยนชุดให้เขาเรียบร้อยดี จากนั้นก็ร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุดกว่าจะหลับได้สักครั้งช่างยากเย็นเหลือเกิน”

ยามนี้หยงเฟยมองว่าชูเซี่ยเป็นผู้มีพระคุณของอานเหยียนไปแล้ว เนื่องด้วยหมอหลวงเองก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะรักษาอาการของอาเหยีนนแต่ก็ไม่สำเร็จ ยามนี้นางจึงฝากความหวังไว้ทั้งหมดไว้แก่ตัวของชูเซี่ย ได้แต่หวังว่านางจะช่วยรักษาอานเหยียนให้หายได้

ชูเซี่ยมองสำรวจสีหน้าขององค์ชายน้อยในใจนางก็เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมา ผิวกายมีสีเหลืองจนน่ากลัว นางลองเปิดเปลือกตาดูก็ดวงตาของเด็กน้อยก็พบว่ายามนี้ตาขาวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทั้งหมดเช่นกัน

“อาการตัวเหลืองเช่นนี้มีโอกาสเป็นโรคเม็ดเลือดแดงแตกเฉียบพลันจริงๆ” นางเอ่ยพึมพำเสียงเบา

“หิมะละลายหรือ คือโรคแบบใดกัน มีทางรักษาหรือไม่” หยงเฟยครั้นเห็นสีหน้าหวาดกลัวของชูเซี่ยก็ตื่นตระหนกจนฟังเพี้ยนไป เอ่ยถามนางอย่างร้อยรน

ทันใดนั้นไทเฮาก็เสด็จมาถึง หยงเฟยเมื่อเห็นว่าไทเฮาและฮองเฮาต่างเสด็จมาถึงที่นี่ก็รีบร้อนเข้าไปถวายบังคม “ถวายบังคมไทเฮา!” จากนั้นก็เบือนหน้ามาทางฮองเฮาค่อยๆย่อกายลงช้าๆ “ฮองเฮาช่างมีน้ำพระทัยต่อหม่อมฉันเหลือเกิน!”

“ไม่ต้องมาพิธีหรอก อานเหยียนเป็นอย่างไรบ้าง”ไทเฮาตรัสถามถึงอาการของพระราชนัดดา

หยงเฟยน้ำตาคลอจวนเจียนจะหยดลงมา“ดื่มนมไปไม่เท่าไหร่ก็อาเจียนออกมาจนหมด เมื่ออาเจียนเสร็จก็ร้องไห้ไม่หยุด ร้องไห้จนหมดแรงถึงจะหลับลงได้เพคะ!”

ไทเฮาเองก็ได้ยินที่หยงเฟยเอ่ยถามถึงอาการของอานเหยียนพระองค์เองก็ข้องใจสงสัยเช่นกัน “เมื่อครู่เจ้ากล่าวอะไรออกมาหรือ หิมะละลายใช่หรือไม่ ยามนี้เมืองหลวงเพิ่งจะย่างเข้าสู่สารทฤดูเท่านั้น!”

“ไม่ใช่หิมะละลายเจ้าค่ะ หม่อมฉันกล่าวถึงโรคตัวเหลืองนี่ล่ะเพคะ โรคตัวเหลืองมีอยู่สองชนิด ชนิดแรกคือเด็กแรกเกิดทั่วไปมักจะมีอาการตัวเหลืองแต่กำเนิดกันเกือบทุกคนอยู่แล้วเพคะ แต่ก็จะสามารถหายได้เองหลังจากเวลาผ่านไปเพียงกี่วัน แต่หากว่าอาการยังไม่หายทั้งยังรุนแรงขึ้นหม่อมฉันเกรงว่านี่จะเป็นอาการของโรคตัวเหลือง โรคตัวเหลืองในทารกแรกเกิดมักจะเกิดจากการผิดปกติในตับและเลือด เราจึงเรียกกันว่าภาวะเม็ดเลือดแดงแตกเฉียบพลันเพคะ” ชูเซี่ยพยายามบอกเล่ารายละเอียดให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายที่สุดและพยายามหลีกเลี่ยงศัพท์ทางวิทยศาสตร์ในโลกเดิมของนางอย่างเต็มที่

“ที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อย เจ้าพูดมาเถิด ต้องทำเช่นใดบ้างจึงจะสามารถรักษาเขาให้หายได้ ข้าเห็นเขากลายเป็นเช่นนี้ปวดใจยิ่งนัก!” ไทเฮาร้อนพระทัยยิ่งนัก หลายวันมานี้เหล่าหมอหลวงต่างไม่สามารถรักษาและบอกพระองค์ได้ว่าแท้จริงแล้วองค์ชายน้อยเป็นโรคร้ายอะไรกันแน่ ทว่าชูเซี่ยเพียงแค่มองดูครู่เดียวก็มองออกทันที แต่เมื่อทอดพระเนตรเห็นสายตาเป็นกังวลของนางแล้ว พระองค์ก็อดหวาดกลัวไม่ได้

ชูเซี่ยนางไม่ได้ตอบคำถามของไทเฮา ในหัวของนางกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก หากเป็นยุคของนางแล้วล่ะก็วิธีรักษาใช้เพียงแค่การฉายแสงก็สามารถหายได้ ทว่าในยุคนี้สิ่งที่นางนึกออกก็คงเป็นเพียงวิธีการใช้แสงธรรมชาติเท่านั้นกระมัง การฉายแสงรักษาโรคตัวเหลืองในเด็กทารกมักจะใช้แสงสีฟ้า ทว่าในแสงแดดธรรมชาตินั้น มีทั้ง แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า ม่วง ดังนั้นแม้จะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าการฉายแสงสีฟ้าโดยตรงแต่ก็นับว่าทดแทนกันได้

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นกราบทูล “นำอานเหยียนออกไปข้างนอก พวกเราต้องให้เขาตากแดด!”

หยงเฟยได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เห็นด้วย “ให้ตากแดดหรือ ข้างนอกลมแรงมาก ร่างกายเขายามนี้อ่อนแอมากจะให้ออกไปต้องลมภายนอกได้อย่างไรกัน”

“หยงเฟยเพคะ หากไม่ให้โดนแสงแดดแล้ว ข้าเกรงว่าอานเหยียนอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้!” ชูเซี่ยเห็นว่านี่เป็นเพียงวิธีเดียว

ครั้นหยงเฟยเห็นชูเซี่ยยืนกรานเช่นนั้น ก็จนคำพูดหันหน้าไปยังไทเฮาหวังให้ช่วยเอ่ยอะไรออกมาห้ามสักคำ “หยิงหลง ที่หยงเฟยกล่าวมาก็มีเหตุผล ภายนอกยามนี้ลมแรงยิ่งนัก อานเหยียนร่างกายอ่อนแอทั้งยังป่วยไข้อยู่ การโดนลมย่อมไม่ดีต่อร่างกายของเขา!”

ฮองเฮารั้งแขนของนางไว้ “เด็กน้อย ไฉนเจ้าถึงดื้อรั้นนักเล่า อานเหยียนเป็นถึงพระราชนัดดาอันดับหนึ่งขององค์ฮ่องเต้ เจ้ามิอาจคิดทำสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของเขาได้!” ฮองเฮาตรัสข้างหูนางเสียงเบา ไม่มีผู้อื่นได้ยินอีกนอกจากนาง นางทราบดีว่าการกระทำเช่นนี้เสี่ยงเพียงใด หากองค์ชายอานเหยียนเป็นอะไรขึ้นมานางก็คงไม่อาจรักษาชีวิตน้อยๆของตนเองไว้ได้ แต่ทว่านี่เป็นการพูดถึงความเป็นความตายของเด็กน้อยคนหนึ่ง นางไม่มีทางเลือกอีกแล้ว

“อาการของพระราชนัดดาเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ได้โปรดฟังข้าเถิด เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวพันถึงชีวิตขององค์ชายน้อยเลยนะเพคะ” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองสบสายตากับหยงเฟยอย่างแน่วแน่

หยงเฟยจ้องตอบหญิงสาวตรงหน้า ริมฝีปากของนางอ้าออกต้องการจะกล่าวอะไรออกมาทว่าท้ายที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จึงหันมาขอความเป็นธรรมต่อองค์ไทเฮา “ขอให้ไทเฮาตัดสินพระทัยด้วยเพคะ!”

ไทเฮาดำริอยู่ชั่วครู่ ก็ตรัสรับสั่งเฉินมามา “ไปตามหมอหลวงมา!” เฉินมามาย่อกายรับคำสั่งก็จะเดินออกจากห้องไป

เพียงไม่นานใต้เท้าเยี่ยนพ่านและหมอหลวงอีกสองท่านก็เดินเข้ามาภายในห้อง ทั้งสองเป็นหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องสตรีและเด็กโกยเฉพาะ สองวันมานี้เหล่าหมอในสำนักหมอหลวงนี้ต่างก็มิได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดทุ่มเทแรงกายเพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาองค์ชายน้อยอย่างสุดความสามารถ นับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้รับสั่งคุมขังท่านหมอซั่งกวนพวกเขาต่างก็อกสั่นขวัญแขวน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าเกียจคร้านแอบพักเพราะยามนี้ชีวิตพวกเขาทั้งหมดต่างก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายทั้งนั้น ท่านหมอซ่งกวนแม้จะไม่ถูกตัดสินโทษประหารทว่าจะมีอากาศได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกหรือไม่ก็สุดจะรู้!

ในวันนี้ที่องค์ไทเฮามีเสด็จรับสั่งให้พวกเขาเข้าเฝ้าทำให้หมอหลวงทั้งสองรู้สึกตื่นตระหนกจนใบหน้าซีดขาวไปหมดทั้งยังเอ่ยสั่งเสียต่อครอบครัวเรียบร้อยเพื่อที่พวกเขาจะได้ทำใจและรับรู้เหตุผลว่าหากวันนี้พวกเขามีอันเป็นไปมาจากสาเหตุอันใดและไม่ต้องกังวลไป

ชูเซี่ยมิได้รับรู้เรื่องนี้มาก่อนเมื่อนางเห็นหมอหลวงผู้ดูแลองค์ชายน้อยมาถึงก็ต้องใจจะเอ่ยถามถึงอาการว่าในสองวันที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง เพียงแต่ว่าตัวของหมอหลวงเองก็มิได้รู้เรื่องมากนัก ในความเป็นจริงหากเป็นเพียงเด็กสามัญชนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคตัวเหลืองก็มักจะไร้ทางรอด ทว่าที่อาการองค์ชายน้อยยังประคองอยู่ได้ก็เป็นเพราะฝีมือของเหล่าหมอหลวงที่มีพยายามกันอย่างสุดความสามารถ

ชูเซี่ยไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากพวกเขาแม้แต่น้อย แม้พวกเขาจะเป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้แต่เมื่อไม่ทราบจริงๆนั่นก็มิใช่เป็นความผิดพวกเขา

เหล่าหมอหลวงต่างรู้ดีว่าอาการตัวเหลืองขององค์ชายน้อยไม่อาจหายได้ทั้งยิ่งมายิ่งเลวร้ายลงทุกที และอาจถึงแก่ชีวิตในที่สุด แต่ก็มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยออกไป ทว่าในยามนี้เมื่อชูเซี่ยเอ่ยถามพวกเขาก็ได้แต่บอกตามตรงว่ามิอาจรักษาให้หายได้แต่ไม่กล้าเอ่ยถึงจุดจบอันเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ไทเฮาตรัสถามใต้เท้าเยี่ยนพ่าน “ยามนี้พระชายานางกล่าวมาต้องการนำองค์ชายน้อยออกไปตากแดด พวกเจ้าก็เห็นควรว่าอย่างไร อากาศในช่วงสารทฤดูเย็นนัก หากุ้มออกไปเจออากาศหนาวเย็นเช่นนั้นจะไม่อันตรายต่อร่างกายขององค์ชายหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า