ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 49

ตอนที่ 49 เปิดเผย

หลี่เฉินเย่นถอนหายใจ “หากเจ้าให้ข้าเป็นภัยพิบัติของเจ้า เช่นนั้นข้าก็ยอมแต่โดยดี”

ชูเซี่ยงุงงง เขาพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน จู่ๆความเศร้าก็โหมเข้ามาในจิตใจนาง นางคงไม่ได้เผลอตกหลุมรักเขาเข้าแล้วใช่หรือไม่

ถ้าเช่นนั้นนางก็ต้องกลายเป็นมือที่สามของผู้อื่นไม่ใช่หรือ แทรกเข้าไประหว่างเขาและหลิวมี่เหอ นี่เป็นเรื่องที่นางสมควรทำงั้นหรือ

ทว่าเมื่อนึกถึงยามที่เขามอบจุมพิตหวานซึ้งให้นาง นางก็อดรู้สึกเขินอายขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามใจตนเองได้

หลังจากที่ชูเซี่ยกลับมาทานมื้อค่ำที่เรือนหรูอี้เรียบร้อยดีแล้ว หญิงสาวก็นั่งเหม่อลอยอยู่ที่ขอบหน้าต่างและมองดูดอกโบตั๋นอย่างสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือบางของนางเด็ดใบไม้ของเจ้าต้นโบตั๋นเล่นอย่างไม่รู้ตัวและโยนมันทิ้งลงกับพื้น

เสี่ยวจี๋ที่คาดผ้าเช็ดหน้าปิดบังใบหน้าไว้และมามายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องบรรทมลอบสังเกตอาการแปลกประหลาดของชูเซี่ย ก่อนที่เสี่ยวจี๋จะเอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “พระชายาเป็นอันใดไปหรือ ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่เหม่อลอยอยู่ที่ขอบหน้าต่างไม่ไปไหน ไม่ใช่ว่านางถูกท่านอ๋องตำหนิมากระมัง”

มามาเองก็ไม่ได้อยู่ในห้องบรรทมของท่านอ๋องกับนายของตนจึงไม่รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร นางเพียงนึกถึงยามที่อยู่ประตูจวนท่านอ๋องมีท่าทีโมโหพระชายาอย่างยิ่ง พระชายาจะต้องโดนดุด่าอย่างรุนแรงมาแน่นอน มามาถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ “ความจริงแล้วพระชายาของพวกข้าเพียงต้องการออกไปทำรถเข็นให้ท่านอ๋องก็เท่านั้น วันนี้นางเจอเรื่องอยุติธรรมมามากมายเหลือเกิน” ในสายตาของมามา พระชายาของนางเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ วันนี้นางสู้อุตส่าห์ยอมลดตัวเอ่ยวาจาอ่อนโยนต่อเสี่ยวฉิงและครอบครัวทั้งยังเอ่ยขอโทษ สำหรับนางนั่นก็ถือว่าเป็นการลดตัวให้มากแล้ว

นางหันกลับมามองเสี่ยวจี๋ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจมาสักพัก “จริงสิ ไฉนวันนี้เจ้าจึงใส่ผ้าคลุมหน้าเล่า หรือว่าวันนี้เกิดเรื่องขึ้น ท่านอ๋องและพระชายามาที่นี่หรือ”

เสี่ยวจี๋ตกใจจนหน้าซีด “ไม่มี ไม่มีผู้ใดมา”

มามาเองก็รู้จักเสี่ยวจี๋มานาน การโกหกของนางมีหรือมามาจะดูไม่ออก นางจ้องมองเสี่ยวจี๋อยากจับผิด “ดี หากเจ้าไม่ยอมพูดข้าจะไปถามพวกสาวใช้เอง”

เสี่ยวจี๋รีบห้ามนางไว้ทันที นางห้ามเสียงเบาเกรงว่าพระชายาจะได้ยิน “มามา อย่าไปถามพวกนางเลย เดี๋ยวพระชายาจะตกใจเอาได้”

มามาลากนางเข้ามาใกล้ “งั้นเจ้าก็พูดมาให้หมด วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ท่านอ๋องลงโทษเจ้าหรือ ข้าก็แปลกใจอยู่ว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงมารอพระชายาอยู่ตรงหน้าประตูจวนเสียได้ เขาสั่งลงโทษเจ้าใช่หรือไม่”

เสี่ยวจี๋ดึงมามาไว้ก่อนจะยอมปลอดผ้าคลุมหน้าในที่สุด น้ำตาของนางค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มก่อนจะสะอื้นอย่างน่าสงสาร “ไม่ใช่ท่านอ๋อง แต่เป็นโหร่วเฟย”

มามาเห็นใบหน้าของเสี่ยวจี๋ถึงกับกลั้นหายใจ ใบหน้าของนางยามนี้บวมแดงจนน่ากลัวทั้งยังช้ำไปหมด จากใบหน้าที่น่ารักสกใสบัดนี้กลับไม่ต่างอะไรกับหัวหมู มามาเอ่ยเสียงเข้ม “นางกล้าดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นถึงสาวใช้คนสนิทของพระชายา นางยังกล้ารังแกเจ้า หรือนางไม่กลัวท่านอ๋องลงโทษนางกัน”

เสี่ยวจี๋เอ่ยเสียงเบา “นางเคยกลัวเสียที่ไหนกัน ท่านอ๋องรักใคร่นางถึงเพียงนี้ อีกอย่างครั้งนี้พวกข้าเป็นผู้กระทำผิดจริงถึงนางจะลงโทษก็ไม่ใช่ความผิดนาง อีกทั้งวันนี้พระชายาแอบหนีออกจากจวนไปก่อน นางจึงสบโอกาสเล่นงานพวกข้าได้”

“บัดนี้เรื่องราวไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ท่านอ๋องหาได้มีนางอยู่ในสายตาเพียงผู้เดียวอีกแล้ว” มามารักใคร่เอ็นดูเสี่ยวจี๋มาตลอด มาวันนี้นางเห็นเสี่ยวจี๋ถูกตบตีก็รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม นางก็ปวดใจเหลือเกิน

เสี่ยวจี๋ดึงมามาไว้ “เบาเสียงลงหน่อยเถิด หากพระชายาได้ยินเข้าคงต้องรีบออกหน้าแทนข้าเป็นแน่ ยากนักที่ท่านอ๋องและพระชายาจะมีความสัมพันธ์อันดีถึงเพียงนี้ หากพวกข้ามากเรื่อง อีกอย่าง วันนี้ท่านอ๋องก็ดุด่าพระชายามาไม่น้อย นางต้องเสียใจมากพออยู่แล้ว พวกข้าก็อย่าหาเรื่องให้นางลำบากใจมากกว่าเดิมอีกเลย”

มามาจ้องมองเสี่ยวจี๋อย่างเวทนาก่อนถอนหายใจออกมาอย่างหนักอึ้ง “เจ้ารู้ความถึงเพียงนี้เชียวหรือ ขอเพียงพวกข้าทุกคนในเรือนหรูอี้ไม่แสดงท่าทีอะไรก็ใช่ว่าผู้อื่นจะไม่กล้ามารังแกพวกข้าถึงถิ่น”

”ยามที่เราอาศัยอยู่ที่จวนอุปราชก็ใช่ว่าจะไม่มีการกลั่นแกล้งกันเสียที่ไหน ทว่าเมื่อก่อนพระชายาของเราเป็นคนสู้คนยอมให้ใครรังแกเสียที่ไหน แต่ครั้นออกเรือนมายังจวนอ๋องแห่งนี้กลับเอาแต่อดทนอยู่ร่ำไป บางครั้งที่ข้าเห็นว่าโหร่วเฟยมารังแกพระชายาถึงถิ่นข้าก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน” เสี่ยวจี๋กล่าว เดิมทีโหร่วเฟยยามที่อยู่จวนอุปราชก็เป็นเพียงคุณหนูรองเท่านั้น เสี่ยวจี๋และมามาเองก็ดูแลหลิวหยิงหลงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อหลิวหยิงหลงอายุได้เพียงสามขวบก็ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้เป็นถึงองค์หญิงอี้ฮุย ส่วนหลิวมี่เหอกลับไม่ได้ตำแหน่งอะไรเลย ดังนั้นสำหรับพวกนางแล้วหลิวมี่เหอก็เป็นเพียงแค่คุณหนูรองจากจวนอุปราชหาใช่พระชายาของพวกนางทั้งสองคนไม่ ผู้ที่พวกนางจะยอมรับย่อมมีเพียงหลิวหยิงหลงหรือชูเซี่ยเท่านั้น

แต่ในใจของพวกนาง ผู้ที่พวกนางรักและย่องยกที่สุดก็เห็นจะมีเพียงชูเซี่ยผู้เดียวเท่านั้น

ยามนี้พวกนางทั้งสองก็ยังเอาตัวเองแทบไม่รอด แม้จะอยากช่วยเหลือผู้เป็นนายมากเพียงใดก็จนปัญญา ท่านอ๋องเองก็ทรงแสดงท่าทีรักใคร่ชอบพอต่อโหร่วเฟยมาโดยตลอด แท้จริงแล้วสตรีเยี่ยงหลิวมี่เหอนั่นน่ะหรือที่สามารถใช้คำว่าอบอุ่นอ่อนหวานได้

ชูเซี่ยยืนฟังอยู่ข้างหลังพวกนางมาได้สักพัก ยามนี้นางรู้สึกโกรธจนร่างกายสั่นไปทั้งตัว พอดีกับที่เสี่ยวจี๋หันหน้ามาเจอนางเข้า พอดี ทำให้นางได้เห็นว่าใบหน้าของเสี่ยวจี๋ยามนี้ทั้งน่ากลัวและน่าสงสารมากเพียงใด ใบหน้าที่น่ารักน่าชังกลับถูกตบตีจนกลายเป็นแบบนี้เสียได้

เสี่ยวจี๋รีบร้อนนำผ้าเช็ดหน้ากลับมาปิดที่หน้าเช่นเดิม ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเถียงข้างๆคูๆ “พระชายาออกมาตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ วันนี้หม่อมฉันไม่ระวังสะดุดก้อนหินทำให้ล้มลงใบหน้ากระแทกกับพื้นเข้า ดังนั้นหน้าหม่อมฉันจึงเป็นแผลเต็มไปหมด”

เสี่ยวจี๋และมามาไม่รู้มาก่อนว่าชูเซี่ยยืนฟังพวกนางสนทนากันมาตั้งแต่ต้นแล้ว แม้ว่าระยะห่างจากหน้าต่างและบานประตูจะค่อนข้างห่างกันมาก ทว่าบทสนทนาของพวกนางทั้งคู่กลับลอยเข้าหูนางจนหมด เริ่มแรกที่นางได้ยินเสียงลอยเข้าหูมานั้นนางก็ไม่ได้ตั้งใจฟังนักเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องของหลี่เฉินเย่น แต่นานเข้านางก็รู้สึกว่าเรื่องราวมันไม่ถูกต้องจึงรีบร้อนออกมาฟังใกล้ๆ

นางกัดฟันพูด “ดีนัก กล้ามารังแกคนของข้างั้นหรือ ก่อนหน้านี้ที่ทำมาห่วงใยข้ารักใคร่ดุจพี่น้องก็ล้วนเสแสร้งแล้วทำสินะ ข้าก็นึกว่านางปรับปรุงนิสัยแล้วเสียอีก นึกไม่ถึงว่านางกลับกล้ามาหาเรื่องข้าอีก หากจะหาเรื่องมาหาเรื่องตรงๆข้าไม่เคยว่า แต่นี่นางกลับมารังแกคนของข้างั้นหรือ” กล่าวจบนางก็กระฟัดกระเฟียดจะไปหาหลิวมี่เหอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า