ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 50

ตอนที่ 50 หนังสือการแพทย์

นางนั่งอยู่ที่อุทยาน ในหัวก็คิดถึงคำกล่าวที่ว่า ‘หากเจ้าอยากเป็นมือที่สาม ก็จงยอมรับความอัปยศที่มือที่สามสมควรได้รับ’

นางไม่กล้าแม้แต่จะบอกว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะว่านางตกหลุมรักหลี่เฉินเย่นเข้าแล้วจริงๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ในห้องของเขาก็เป็นเรื่องที่นางยอมรับและคาดหวังเช่นกัน

ชูเซี่ยกัดริมฝีปากของตนเองไว้แน่น ให้ตายนางก็ไม่ยอมร้องไห้ออกมาเด็ดขาด แต่น้ำตาที่คลอหน่วยอยู่ก็จวนเจียนจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ

”ท่านร้องไห้อยู่หรือ” มีเสียงดังขึ้นเหนือหัวนาง คนผู้นี้คือจูเก๋อหมิง

นางรีบร้อนเช็ดหน้าเช็ดตาแต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น เสียงอู้อี้ขึ้นจมูกเอ่ยขึ้น “ท่านใช้ตาข้างไหนมองว่าข้าร้องไห้ ฝุ่นเข้าตาข้าต่างหากเล่า” นางพยายามใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาให้หมด ทว่ายิ่งเช็ดเท่าไหร่น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น

จูเก๋อหมิงทรุดนั่งลงข้างกายนาง ดวงตาคมจับจ้องนางสักพัก “ความจริงแล้วท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ถึงเพียงนี้”

“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตากลมโตสว่างวาบราวกับมีดวงไฟอยู่ในนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่มีน้ำตาเอ่อคลอในดวงตาทั้งสองข้ายิ่งทำให้มันเปล่งประกายมากขึ้นกว่าเดิม “ข้ารู้สึกแย่เมื่อใดกัน เหตุใดข้าต้องรู้สึกแย่กันเล่า”

จูเก๋อหมิงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางผืนหนึ่ง ก่อนถอนหายใจออกมา “ทำไมต้องเฉไฉ ข้าไม่ใช่ไม่รู้เรื่องราวเสียหน่อย”

ชูเซี่ยผุดลุกขึ้นทันที นางตั้งใจจะผลักกายออกไป

จูเก๋อหมิงดึงแขนเสื้อของนางไว้ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ดูท่านเถิด ปากบอกไม่ร้อง แต่น้ำตาไหลลงมาแล้ว!” เขาเอื้อมมือไปช่วยนางเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างอ่อนโยน

ชูเซี่ยตกใจเล็กน้อย ก่อนจะผงะถอยหลังมองหน้าเขาอย่างตระหนก “ท่าน...ท่านอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ว่าที่นี่หนุ่มสาวเขาไม่แตะเนื้อต้องตัวกันพร่ำเพรื่อ”

จูเก๋อหมิงหลุดยิ้มออกมา “ท่านจะไปไหนเล่า ข้าเพียงช่วยท่านเช็ดน้ำตาก็เท่านั้น นับได้เสียที่ไหน” จู่ๆในหัวใจเขาก็รู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นนางร้องไห้ หัวใจของเขาสั่งให้ร่างกายเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าเพื่อจะเช็ดน้ำตาให้นาง

เมื่อชูเซี่ยลองตรองดูถี่ถ้วนแล้วก็หาได้มีอะไรผิดปกติไม่ เพียงแต่ว่าการกระทำเมื่อครู่ค่อนข้างจะสนิทเกินไปหน่อยกระมั้ง แม้เขาจะไม่ได้คิดอะไรแต่นางก็อดคิดไม่ได้

“ข้าต้องกลับแล้ว ท่านหมอจูเก๋อก็ควรรีบกลับไปพักผ่อนได้แล้ว” ทว่าเพียงแค่นางเริ่มก้าวขาก็รู้สึกเจ็บบริเวณบาดแผลที่เท้าอย่างยิ่ง นางจึงยืนนิ่งก่อนจะก้มลงถกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูบาดแผล บัดนี้แผลที่ขาของนางมีเลือดไหลทะลักออกมาแดงฉานไปหมด นางนิ่งอึ้ง นางไม่ได้กระทบกระเทือนบาดแผลเลยแม้แต่น้อย นางจำได้ว่านางไม่ได้เดินชนอะไรเลยทั้งสิ้น

เมื่อจูเก๋อหมิงเห็นแผลของนางก็หน้ามุ่ย “เกิดอะไรขึ้น ยาของท่านเล่า ก่อนหน้านี้ข้าก็เพิ่งใส่ยาให้ท่านไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่รู้จักระวังตัว บาดแผลของท่านเพิ่งจะแห้งดีไฉนยามนี้เลือดไหลอีกแล้ว ท่านไปชนอะไรเข้าหรืออย่างไร”

ชูเซี่ยพยายามนึกย้อนกลับไป นางรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง นางไม่ได้ไปชนอะไรเข้าอย่างแน่นอน แล้วไฉนเลือดจึงได้ไหลออกมามากมายเพียงนี้ นางส่ายศีรษะตอบตามจริง “ข้าไม่ได้ชนอะไรทั้งนั้น และก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเลือดจึงไหลออกมา เมื่อครู่ยังไม่มีอะไรแท้ๆ ทว่าท่านก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไปหรอก ยามนี้มันอาจจะเจ็บแต่เดี๋ยวอีกสักครู่ก็ไม่เจ็บเอง ปกติก็เป็นเช่นนี้”

จูเก๋อหมิงงุนงง “แผลลึกถึงเพียงนี้จะไม่รู้สึกได้อย่างไรกัน ก่อนหน้านี้ที่ข้าทำแผลให้ท่าน ท่านไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิดเดียวหรือ”

ชูเซี่ยไม่คิดจะโกหกเขาอีก จึงตอบไปตามตรง “ไม่รู้สึกอะไรเลย”

จูเก๋อหมิงนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “ไปเถิด ข้าจะห้ามเลือดให้ท่าน”

ชูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร ข้าจัดการเองได้!” กล่าวจบนางก็หันกายกลับเรือนหรูอี้

จูเก๋อหมิงรั้งนางไว้ก่อนเอ่ยเสียงไม่พอใจ “ร่างกายตนเองท่านยังไม่รู้จักรักและถนอมตนเองหรือว่าเจ้าถูกอารมณ์หึงหวงครอบงำจนกลายเป็นบ้าไปเสียแล้ว”

ชูเซี่ยนิ่งงัน นางเข้าใจในสิ่งที่เขาเอ่ยมา ใบหน้าของนางหม่นเศร้าลงอีกครั้งก่อนกล่าวออกมาเสียงเยือกเย็น “ท่านไม่คิดว่าตนเองแส่ไม่เข้าเรื่องหรือ ข้าจะอยู่หรือตายก็หาได้เกี่ยวกับท่านไม่” เมื่อกล่าวจบนางก็รู้สึกว่าตนเองพูดจาร้ายกาจออกไปเสียแล้ว เขาดีกับนาง ทว่าเพียงแค่นางได้ยินคำว่าหึงหวงก็โกรธจนหน้ามืด นางสู้อุตส่าห์ระงับอารมณ์ของตนเองได้แต่กลับถูกพูดจี้ปมขึ้นมาอีก

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่สมควรที่จะใส่อารมณ์กับผู้อื่น แต่เล็กจนโตนางไม่เคยได้รับการปลูกฝังว่าควรทำนิสัยเช่นนี้ต่อผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่หวังดีต่อนางจากใจจริง ดังนั้นเมื่อนางเห็นว่าสีหน้าของจูเก๋อหมิงเปลี่ยนไปจึงเอ่ยอุบอิบ “ขออภัย ข้าไม่ควรอารมณ์เสียใส่ท่านเลย”

จูเก๋อหมิงนึกว่าเป็นนิสัยเดิมของหลิวหยิงหลงที่มักจะใส่อารมณ์ต่อผู้คนอยู่เสมอแต่เมื่อนางเอ่ยคำขอโทษออกมาก็ทำให้เขาไม่ทราบว่าจะจัดการความรู้สึกของตนเองเช่นไรดี เขาจ้องมองนางนิ่งๆก่อนเอ่ยเบาๆ “เช่นนั้น ข้าสามารถทำแผลให้ท่านได้แล้วใช่หรือไม่”

ชูเซี่ยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “ตามสบาย!”

จูเก๋อหมิงพยุงนางกลับมายังที่พักอาศัยของตนเอง เขามักจะพำนักอาศัยอยู่ในจวนอ๋องเสมอหลี่เฉินเย่นจึงสร้างลานตากสมุนไพรที่สะอาดและกว้างขวางให้แก่เขา เขาชื่นชอบมันมากจนแทบไม่ยอมกลับบ้านของตนเองเลยด้วยซ้ำ

ยามที่ทำความสะอาดบาดแผลชูเซี่ยรู้สึกปวดมากเสียจนเหงื่อกาฬไหลอาบไปทั้งร่าง นางกัดฟันเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวด ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ นับตั้งแต่มายังยุคโบราณแห่งนี้ นางก็ไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดมากขนาดนี้มาก่อน ความเจ็บในครั้งนี้ทำให้ชูเซี่ยเข้าใจดีถึงสิ่งที่ผู้อื่นกล่าวกันว่าเป็นความเจ็บที่ลึกถึงกระดูกเป็นอย่างไร

เมื่อการทำแผลสิ้นสุดชูเซี่ยก็เอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วเบา

จูเก๋อหมิงต้มน้ำชาไว้กาหนึ่ง “หากยังไม่อยากกลับไปก็สามารถมานั่งเล่นที่นี่ได้ ท่านอยากพูดอะไรก็ย่อมได้ ข้าเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ หากไม่มีคำใดจะเอ่ยจะมานั่งอ่านตำราก็ย่อมได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า