ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 48

ตอนที่ 48 ความรักที่ลึกซึ้ง

เมื่อรถม้าเคลื่อนมาถึงหน้าจวนอ๋อง จางสิ่งก็อาสานำรถเข็นลงมาให้ก่อนจะเอ่ยถาม “ให้ข้าช่วยส่งเข้าไปหรือไม่”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าให้บ่าวมาคนเข้าไปเอง ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากนะ” ชูเซี่ยกล่าวพลางเอื้อมมือไปจับมือของจางสิ่งไว้ นางรู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆ

จางสิ่งหลุดยิ้มออกมา “เอาล่ะ ตลอดทางที่เดินทางมานี่เจ้าก็ขอบคุณข้านับครั้งไม่ถ้วนแล้วไม่ใช่หรือ”

ชูเซี่ยจ้องมองเขาอย่างชื่นชม “ตราบใดที่เจ้ายังไม่ยอมคิดเงินกับข้า ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เอาเช่นนี้แล้วกันครั้งหน้าข้าเลี้ยงข้าวเจ้าเป็นการตอบแทน ดีหรือไม่”

จางสิ่งยังคงยิ้ม “เด็กโง่ เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นบ้านเก่าเราหรือไร หากข้าออกไปกับเจ้าสองคน ชาวบ้านต้องครหานินทาพวกข้าแน่”

ชูเซี่ยก็ยิ้มขำก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหัวเสีย “คนโบราณ ไม่ดีก็ตรงนี้นี่ล่ะ”

มามาที่ยืนอยู่ข้างกายชูเซี่ยมาตลอดได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ก็รู้สึกสับสนงงงวย คำหนึ่งก็บ้านเก่า อีกคำก็คนโบราณ นางไม่อาจเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดได้เลยจริงๆ แต่ทว่าช่วงนี้พระชายาก็มักจะพูดจาแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่บ้าง คำบางคำของแปลกเสียจนนางไม่อาจเข้าใจ ดังนั้นนางจึงไม่คิดเก็บบทสนทนาครานี้ของทั้งคู่มาคิดต่อให้มากความ

เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว ชูเซี่ยก็หมุนกายกลับมาจ้องหน้ามามาก่อนอดไม่ได้ที่จะยกสองมือขึ้นไปรวบกอดมามาไว้แน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง “มามา ข้าดีใจยิ่งนัก!”

มามานิ่งไป ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูสุดหัวใจ “พระชายาที่โง่งมของข้า มีเรื่องอะไรให้น่ายินดีกันเล่า ก็แค่รถเข็นตัวหนึ่งไม่ใช่หรือ บางทีท่านอ๋องอาจจะไม่ยอมใช้มันก็ได้นะเพคะ”

ชูเซี่ยยิ้มยิงฟัน “ท่านไม่เข้าใจ ที่ข้าดีใจไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของรถเข็นคันนี้ แต่เป็นเพราะเข้าได้เจอคนที่อยากเจอมาตลอดต่างหาก...”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นเยียบดังมาจากทางหน้าประตูจวน “อืม เจอผู้ใดมาหรือถึงมีความสุขปานนี้ บอกให้ข้าทราบหน่อยเถิด”

ชูเซี่ยตกใจตัวแข็งทื่อ สวรรค์ นางประมาทเกินไปแล้ว นางลืมเสียสนิทว่าควรจะให้รถม้าไปส่งยังประตูหลังจวนอ๋องถึงจะถูก

ชูเซี่ยค่อยๆหันกายกลับไปช้าๆ ใบหน้าของนางฉีกยิ้มประจบหลี่เฉินเย่นที่ยามนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าประตูจวนอย่างเต็มที่ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นยังคงราบเรียบไม่ได้แสดงท่าทีอันใดออกมา ดวงตาเย็นเยียบจ้องมองนางนิ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “พระชายายังออกมาได้ ไฉนข้าจะออกมาบ้างไม่ได้เล่า”

ชูเซี่ยฟังจากน้ำเสียงก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาโกรธนาง นางมองไปยังจูเก๋อหมิงที่ยืนอยู่เบื้องหลังของหลี่เฉินเย่นก็รีบเอ่ยแก้ตัว “ท่านหมอเทวดาจูเก๋ออนุญาตให้ข้าเดินได้เพื่อที่แผลจะได้สมานตัวได้เร็ว ข้าเพียงแค่ทำตามแนะนำของท่านหมอก็เท่านั้น”

จูเก๋อหมิงรีบเอ่ยค้าน “ข้าน้อยบอกให้พระชายาเดินไปมาได้ในจวน ไม่ได้บอกให้พระชายาไปเดินเล่นถึงนอกจวนเสียหน่อย”

ชูเซี่ยก็ทำทีเป็นโง่งม “อ้า ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ท่านก็ไม่บอกกับข้าให้ชัดเจน ท่านให้ข้าเดินไปไหนมาไหนได้ข้าก็นึกว่านั่นรวมถึงการออกไปเดินเล่นนอกจวนได้ด้วย”

หลี่เฉินเย่นชะงักก่อนจะเอ่ยสั่งบ่าวรับใช้เสียงเย็น “พาข้ากลับเรือน”

บ่าวรับใช้ก็ช่วยกันแบกเก้าอี้หลี่เฉินเย่นกลับเรือน ชูเซี่ยจึงรีบร้อนวิ่งตามไปทันทีก่อนจะหันหลังกลับมาเอ่ยกับมามา “มามา สั่งคนให้ยกของไปที่เรือนท่านอ๋อง” กล่าวจบก็รีบร้อนวิ่งตามหลังหลี่เฉินเย่นไปติดๆ

เมื่อกลับมาถึงเรือนส่วนตัวหลี่เฉินเย่นก็มองค้อนนาง “เจ้าตามมาทำไมกัน ข้าเห็นหน้าเจ้าก็รู้สึกรำคาญแล้ว”

ชูเซี่ยเดินไปนั่งตรงหน้าเขาก่อนเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ขออภัย ข้าไม่ควรหนีออกไปนอกจวนเยี่ยงนี้”

เดิมหลี่เฉินเย่นรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งที่นางทำเช่นนี้ แต่ทว่าเมื่อนางรู้สำนึกและยอมขอโทษเขาแต่โดยดีอารมณ์ที่คุกรุ่นก็ค่อยๆคลายตัวลงอย่างช้าๆ แต่เขาก็ยังคงแสร้งปั้นสีหน้าต่อไป “เจ้าไม่ได้ทำอันใดผิดต่อข้าเสียหน่อย ร่างกายก็เป็นของเจ้า เจ้าตายไปก็หาเกี่ยวข้องอันใดกับข้าไม่”

บ่าวรับใช้แบกเก้ามาถึงห้องบรรทม เห็นว่าบรรยากาศระหว่างทั้งคู่อึมครึมจึงไม่กล้ารั้งรออยู่นานรีบร้อนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วทั้งยังปิดประตูเสียดิบดี

ภายในห้องยามนี้เหลือเพียงชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นเท่านั้น

ชูเซี่ยได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยก็รู้ว่าเขายังคงโมโหนางอยู่ จึงเอ่ยเสียงออดอ้อน “อย่าโกรธข้าอีกเลย ข้าไม่ใช่หนีออกจากจวนเพื่อไปเที่ยวเล่นเสียหน่อย ข้าเพียงอยากทำรถเข็นให้ท่านต่างหากเล่า มันเหมาะกับการเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนในจวนแห่งนี้ได้ดีเลยทีเดียว ท่านดูสิ ข้านำรถเข็นกลับมาให้ท่านด้วยนะเจ้าคะ”

หลี่เฉินเย่นเบือนสายตาไปมองรถเข็นอย่างพิจารณา อย่างไรเสียผู้ชายก็มักจะสนใจสิ่งแปลกใหม่รอบกายอยู่แล้ว ยามนี้ชายหนุ่มลืมอาการขุ่นมัวไปเสียสิ้นก่อนจะเอ่ยถามนางอย่างสนอกสนใจ “รถเข็นหรือ ใช้การอย่างไร”

ชูเซี่ยยิ้มอย่างพอใจ นางลุกขึ้นเดินไปนั่งที่รถเข็นก่อนจะวางขาไว้ที่วางเท้าจากนั้นก็หมุนล้อที่อยู่ด้านข้างทำให้รถเข็นเคลื่อนไหวไปหน้าหลัง เพราะล้อถูกทำมาอย่างดีทำให้การเคลื่อนที่เป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด นางนึกได้ว่าบิดาของเสี่ยวฉิงได้กล่าวไว้ว่ารถเข็นคันนี้สามารถตั้งยืนได้นางจึงเอื้อมมือคลำด้านข้างรถเข็นไปมาจนเจอเข้ากับแท่งเหล็กที่มีแบ่งออกเป็นแผงเล็กๆ นางลองโยกมันขึ้นมาอย่างเบามือรถเข็นก็ค่อยๆตั้งตรงขึ้นทว่าก็ไม่สามารถตั้งตรงขึ้นได้สูงนัก นางอยากโยกให้มันสูงขึ้นอีกนิดก็ไม่สามารถทำได้แล้ว

ชูเซี่ยลุกขึ้นจากเก้าอี้สำรวจแผงและคันโยกด้านข้างก่อนจะพบว่าขดลวดเหล็กทำได้ไม่ดีนัก การออกแบบรถเข็นคันนี้ยังไม่สมบูรณ์ดี ต่อให้มันตั้งตรงได้สุดก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่ทำให้ผู้นั่งมันหงายหลัง รถเข็นคันนี้ยังมีความเสี่ยงอยู่มาก นางจึงส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่ได้ ข้ายังต้องปรับปรุงมันอีกหน่อยจึงจะใช้ได้”

หลี่เฉินเย่นเห็นว่ารถเข็นคันนี้ทำงานของมันได้ดีก็รู้สึกชื่นชอบอย่างยิ่ง “พยุงข้าไปนั่งหน่อย ข้าอยากลองบ้าง”

ชูเซี่ยส่ายหน้า “อย่าเพิ่งเลยเจ้าค่ะ ให้ข้าปรับปรุงมันอีกสักหน่อยก่อน”

“ไม่จำเป็น ข้าอยากลองนั่งดู” หลี่เฉินเย่นเห็นว่ารถเข็นคันนี้สามารถเคลื่อนไหวเองได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องให้บ่าวรับใช้มาคอยช่วยเหลืออีกต่อไปก็ยินดีเสียจนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาที่ไหนจะยอมรออีกเล่า

ชูเซี่ยยอมจำนนแต่โดยดี นางใช้สองมือของตนค่อยๆพยุงร่างของเขาขึ้น เดิมทีตัวนางก็ไม่ได้เตี้ยแต่ทว่าเมื่อเทียบกับร่างกายที่สูงใหญ่ของเขาแล้วนางก็ดูตัวเล็กบอบบางไปถนัดตา นางใช้มือโอบรอบเอวไว้และใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการพยุงเขาไปนั่งที่รถเข็น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า