ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 47

ตอนที่ 47 เจอเพื่อนเก่าที่บ้านอื่น

ดังนั้นเสี่ยวฉิงจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นางกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าพระชายาแต่โดยดี พวกนางสองแม่ลูกก้มลงคุกเข่าต่อหน้าชูเซี่ยเพื่อขออภัยโทษ เสี่ยวฉิงเอ่ยคำสารภาพทุกสิ่งทุกอย่าง “ครานั้นเป็นหม่อมฉันเองเพคะที่ใส่ร้ายพระชายาแต่ทั้งหมดนั้นเป็นโหร่วเฟยเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเพคะ หม่อมฉันไม่กล้าขัดนางจึงได้แต่ยอมก้มหน้าก้มตาทำเรื่องที่ผิดต่อมโนธรรมเช่นนั้น หม่อมฉันทำเรื่องผิดต่อพระชายามากมายนัก ขอพระชายาทรงลงโทษหม่อมฉันเถิดเพคะ”

ชูเซี่ยพยุงนางขึ้นมา “เรื่องพวกนั้นมันผ่านไปแล้ว ข้าไม่ถือโทษโกรธแล้วล่ะ”

เมื่อเสี่ยวฉิงเห็นว่านางจิตใจกว้างขวางในใจก็ยิ่งเกิดความรู้สึกผิด ความมีน้ำใจและใจกว้างของพระชายาเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่พัดพาความหอมหวานเข้าสู่ใจของนาง ยามนี้นางยอมรับและเปิดใจให้พระชายาอย่างไม่มีข้อแม้ใดใด

ชูเซี่ยถามไถ่ถึงอาการป่วยของมารดาเสี่ยวฉิง เสี่ยวฉิงจึงค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างเศร้าสร้อย “อาการป่วยของท่านแม่เป็นมานานมากแล้ว นับตั้งแต่พี่ชายของข้าถูกคนกระทืบตาย นางก็มักจะสติล่องลอยและดูเศร้าสร้อยอยู่ตลอดเวลา มีอยู่วันหนึ่งนางเห็นหมวกฟางที่พี่ชายข้ามักจะใส่ออกไปทุ่งนาเป็นประจำก็เกิดคลั่งเสียสติขึ้นมาวิ่งเตลิดออกไปเพื่อไปดูหลุบศพพี่ชายของข้า แต่ระหว่างทางเกิดโดนวัวชนเข้าทำให้นางล้มกระแทกพื้นอย่างแรงจนขาซ้ายเป็นแผลใหญ่และเลือดไหลนองราวกับสายน้ำ ข้าเคยเชิญท่านหมอมาดูอาการ ทว่าบาดแผลบางครั้งก็ดีขึ้นแต่บางครั้งกลับแย่ลง ยามที่รักษาจำเป็นต้องใช้ยาแรง ท่านหมอเคยมาดูอาการแล้วแต่ก็วินิจฉัยอาการไม่ได้ มารดาข้ามีอาการหายใจลำบากอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นางมักจะเจ็บช่องอกอยู่เสมอ บางครั้งหากอาการกำเริบขึ้นมาก็เกือบตายได้เลยเพคะ ค่ายาที่ใช้รักษาก็แพงแสนแพง จะให้ได้ผลดีที่สุดก็เห็นจะเป็นโสม หากอาการกำเริบขึ้นมาก็จำเป็นต้องอมแผ่นโสมไว้ใต้ลิ้นจึงจะผ่านมันไปได้” นางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองมาทางชูเซี่ย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “โหร่วเฟยเองก็ทราบเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงมักจะใช้โสมมาติดสินบนหม่อมฉันให้ยอมทำตามที่นางสั่งเพคะ”

หลังประโยคสุดท้ายนางที่นางกล่าวออก นางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปอีกเลย เสี่ยวฉิงได้แต่ก้มหัวลงด้วยความอัปยศอดสู่

ยามนี้ชูเซี่ยเข้าใจถึงความยากลำบากของเสี่ยวฉิงแล้ว นางถอนหายใจออกมา “ลำบากเจ้าแล้ว!” เด็กสาวกตัญญูผู้หนึ่ง นิสัยก็ไม่ได้เลวร้าย แต่บางครั้งชีวิตของนางก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก

นางหันหลังไปกล่าวกับมามา “ข้าออกจากวังมาครั้งนี้ มีของพระราชทานเป็นโสมพันปีเส้นหนึ่ง พรุ่งนี้เจ้าส่งมาที่นี่ แต่แผลที่ขาอักเสบจนกลายเป็นหนองแล้วหรือยัง”

เสี่ยวฉิงพยักหน้าขึ้นลง “ยามนี้แผลเน่าเป็นหนองทั้งหมดเพคะ”

ชูเซี่ยเอื้อมมือไปเลิกผ้าห่มเพื่อจะดูแผลทว่ากลับถูกมือของเสี่ยวฉิงหยุดไว้ก่อน “พระชายาอย่าดูเลยเพคะ เดี๋ยวพระองค์จะหวาดกลัวได้”

ชูเซี่ยยิ้มขำ “มีอะไรน่าหวาดกลัวกัน” นางเคยเห็นมาเยอะแล้ว จำได้ว่าในสมัยก่อนที่นางประจำอยู่ห้องฉุกเฉินไม่ว่าบาดแผลจะร้ายแรงหรือน่าหวาดกลัวเพียงใดนางก็เคยเห็นมาหมดแล้ว บาดแผลเพียงเท่านี้ไม่ทำให้นางหวาดกลัวอย่างแน่นอน

นอกจากเสี่ยวฉิงจะพยายามห้ามนางแล้ว มารดาของเสี่ยวฉิงหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมให้พระชายาดูบาดแผลของตนด้วยเกรงว่านางจะหวาดผวาเอาได้ ชูเซี่ยไม่กล้าฝืนใจผู้อาวุโสกว่าตนจึงได้แต่ยอมจำนน “พรุ่งนี้ข้าจะให้หมอหลวงมาดูอาการมารดาของเจ้าก็แล้วกัน”

เสี่ยวฉิงมองอย่างตกตะลึง ประโยคนี้ชูเซี่ยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ดังเลย ทว่าสำหรับเสี่ยวฉิงแล้วเสียงนี้ราวกับเสียงของสวรรค์ที่ลงมาโปรดนาง เสี่ยวฉิงคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะร้องไห้โฮออกมา “ชีวิตของหม่อมฉันต่อจากนี้จะเป็นของพระชายาแต่เพียงผู้เดียว พระชายามีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้ต่อให้บุกน้ำลุยไฟหม่อมฉันก็ยินดี”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคุกเข่าอยู่เช่นนั้นไม่ยอมขยับชูเซี่ยก็รู้สึกหมดหนทาง นางไม่มีเวลามาเล่นอะไรไร้สาระพวกนี้อีกแล้ว หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง “เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าทำเช่นนี้เพราะหวังผลจากเจ้า นั่นก็คือข้ามีเรื่องให้บิดาของเจ้าช่วยเหลือ”

เสี่ยวฉิงปาดน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองชูเซี่ยอย่างซาบซึ้ง อย่าว่าแต่เชิญหมอหลวงมารักษามารดาของนางเลย ลำพังแค่โสมหมื่นปีที่พระชายามอบให้นางก็เพียงพอที่จะให้บิดานางรับใช้พระชายาถึงสิบชาติแล้ว เสี่ยวฉิงทราบดีว่าพระชายาเอ่ยออกมาเช่นนี้ก็เพียงเพื่อให้นางรู้สึกสบายใจ

ไม่นานนักบิดาของเสี่ยวฉิงก็กลับมา เมื่อเขาทราบเรื่องราวทั้งหมดจากบุตรสาวก็รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของพระชายายิ่งนัก ชายหนุ่มก้มลงมองกระดาษที่ชูเซี่ยให้เขาดูสักครู่ก็เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ของสิ่งนี้ ใช่รถเข็นหรือไม่”

ชูเซี่ยชะงัก “ท่านรู้จักหรือ”

บิดาของเสี่ยวฉิงเอ่ยตอบ “ข้าน้อยเคยเห็นมันมาก่อน เมื่อก่อนมีคุณชายท่านหนึ่งเคยมาหาข้า เขาร่างแบบรถเข็นมาให้ร้านของพวกข้าดูเช่นกันให้พวกข้าช่วยตีเหล็กออกมาให้มีรูปร่างเช่นนี้ รถเข็นที่เขาสั่งให้พวกข้าทำมีรูปลักษณ์ประหลาดนัก สามารถยืดหดได้ นึกไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะออกแบบเช่นนี้ออกมาได้”

รถเข็นปรับยืน สวรรค์ ชูเซี่ยตกตะลึงยิ่งนัก หรือว่าในสมัยนี้ก็มีผู้คิดค้นเก้าอี้ปรับยืนได้แล้วหรือนี่ เท่าที่นางทราบมา ในยุคของนาง ต่างประเทศเพิ่งจะมีการคิดค้นรถเข็นนี้ขึ้นมา รถเข็นชนิดนี้สามารถปรับให้ตั้งตรงเพื่อให้ผู้ที่นั่งมันสามารถยืนขึ้นได้ แต่เพราะต้นทุนค่อนข้างแพงจึงไม่ได้รับความนิยมมากนัก

“คุณชายท่านนั้นอยู่ที่ใดกัน ท่านลุงพาข้าไปพบเขาได้หรือไม่” ชูเซี่ยรู้สึกตื่นเต้น ยามนี้ใจใจของนางเกิดความหวังขึ้นมา นางรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก บางทีในครั้งนี้นางอาจไม่เพียงแค่ค้นพบรถเข็นปรับยืนเพียงอย่างเดียวแต่นางอาจพบคนที่หลงยุคแบบนางก็เป็นได้

“ขอรับ ขอรับ รถเข็นคันนั้นยังอยู่ที่ร้านของข้าน้อย เถ้าแก่ร้านลุงทุนทำล้อเหล็กและราวเหล็กด้วยตนเองเลยทีเดียว คุณชายท่านนั้นกล่าวว่าเย็นนี้จะมารับของไป หากรีบไปตั้งแต่ตอนนี้อาจจะทันได้พบขอรับ” บิดาของเสี่ยวฉิงลุกขึ้นทันทีก่อนจะมอบหมายให้เสี่ยวฉิงดูแลบ้านให้ดี จากนั้นก็นำทางชูเซี่ยและมามาออกจากบ้านไป

เมื่อกลับมาถึงร้าน บิดาของเสี่ยวฉิงก็เอ่ยถามเถ้าแก่ร้าน “เถ้าแก่ คุณชายเฉินมารับรถเข็นไปหรือยังขอรับ”

เถ้าแก่ร้านลอบมองประเมินเสื้อผ้าและการแต่งกายของชูเซี่ย เมื่อมองพิจารณารูปโฉมของนางกับการแต่งกายแบบคุณหนูผู้ดีก็ไม่กล้าเสียมารยาท “เพิ่งจะกลับไปเมื่อครู่ ท่านหญิงผู้นี้ก็มาเพื่อทำรถเข็นเช่นกันหรือ”

บิดาของเสี่ยวฉิงเอ่ยตอบแทน “ใช่แล้ว ฮูหยินท่านนี้ต้องการทำรถเข็นแบบเดียวกัน ไม่พูดต่อแล้ว พวกข้ายังต้องรีบตามคุณชายเฉินเสียก่อน”

เมื่อกล่าวจบเขาก็รีบวิ่งนำชูเซี่ยและมามาออกไปข้างนอก

ตลอดระยะทางที่วิ่ง บิดาของเสี่ยวฉิงเห็นว่าชูเซี่ยสามารถวิ่งตามเขาได้อย่างสบายๆทั้งยังไม่ได้ลดฝีเท้าลงก็รู้สึกมึนงงว่าพระชายาเอาเรี่ยวแรงเช่นนี้มาจากที่ใดกัน ครั้นเมื่อจะเอ่ยปากถามขึ้น

ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่ามีรถม้าวิ่งเหยาะๆไปทางหัวมุมตะวันตก

บิดาของเสี่ยวฉิงรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง เขารีบเร่งฝีเท้าขึ้น “คุณชายเฉิน โปรดรอสักเดี๋ยว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า