สรุปเนื้อหา ตอนที่ 147 คืนดีน – ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
บท ตอนที่ 147 คืนดีน ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 147 คืนดีน
ผู้คนที่อยู่นอกห้องเมื่อเหนเชียนซานพุ่งออกมาจากห้องต่างก็ตื่นตระหนกกันหมด ชูเซี่ยที่รู้สึกตัวก่อนใครเพื่อนก็วิ่งตามเชียนซานออกไป
ใต้เท้าซือคงคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฮูหยินก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าภรรยาของตนฟื้นขึ้นมาแล้วและพยายามหยัดกายขึ้นมา แต่เพราะบาดแผลยังมีและเจ็บเกินกว่าจะทนไหวท้ายที่สุดก็เอนกายลงนอนตามเดิม
เขารีบเอ่ยห้ามเสียงดัง “อย่าขยับ!” ก่อนจะวิ่งไปจับร่างของนางไว้ “อย่าขยับส่งเดช แผลเจ้าจะเปิดได้!”
ฮูหยินดึงชายเสื้อของสามีตนไว้ ใบหน้าของนายฉายแววร้อนใจ “เมื่อครู่...แม่นางคนเมื่อครู่เป็นใครกันเจ้าคะ ท่านพี่ เมื่อครู่ข้าได้ยินนางเรียกข้าว่าท่านแม่ นางเป็นใครกัน หรือว่า...” ดวงตาของนางเป็นประกายขณะกวาดสายตามองไปรอบๆ “นางไปไหนแล้วเจ้าคะ เร็ว รีบไปพานางกลับมา!”
ใต้เท้าซือคงยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆ “ใช่แล้วฮูหยิน นางก็คือหมิงจู เป็นบุตรสาวของพวกเราอย่างไรเล่า!”
ฮูหยินจางตื่นตะลึงก่อนที่ความตกใจจะค่อยๆกลายเป็นความปลื้มปิติจนร้องไห้ออกมา น้ำตาของนางไหลทะลักลงมาไม่ขาดสายราวกับไม่สามารถหยุดมันได้อีกแล้ว ไม่ว่าใต้เท้าซือคงจะช่วยเช็ดเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที
ชูเซี่ยตามไป ‘จับ’ เชียนซานกลับมาแล้ว แต่ทว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมเข้าไปข้างใน ไม่ว่าชูเซี่ยพยายามจะผลักจะลากนางเพียงใดนางก็ไม่ยอมเข้าไป
ชูเซี่ยจึงเอ่ยอย่างอ่อนใจ “นางฟื้นขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่อยากไปคุยกับนางหน่อยหรือ”
เชียนซานส่ายหน้าเร็วๆ “ข้าไม่เข้าไป ข้าไม่กล้า!”
แต่ทว่าตอนที่นางได้ยินเสียงไร้เรี่ยวแรงแต่ทว่าก็ยังฟังออกถึงความอ่อนโยนของคนที่อยู่ในห้องหญิงสาวก็ชะงักไป ขาทั้งสองข้างของนางก็ก้าวเดินเข้าไปโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ
หญิงสาวยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างเตียงนางหลุบตาลงไม่กล้ามองไปที่สตรีที่อยู่บนเตียง ใต้เท้าซือคงถอยออกไปจากปลายเตียงแล้ว เขาจงใจเหลือที่ว่างให้แก่แม่ลูกคู่นี้
ฮูหยินจางเช็ดน้ำตาของตนจนแห้ง นางพยายามเพ่งมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ว่านางจะพยายามมากเพียงใดนางก็ยังเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัด ราวกับว่านี่เป็นความฝันที่นางต้องการฝันเห็นมาตลอด นางอยากจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อโอบกอดบุตรสาวของตนเองไว้ แต่ทว่านางก็กลัวเหลือเกินว่าถ้าหากทำเช่นนั้นบุตรสาวที่อยู่ตรงหน้าของนางจะหายไป
ฮูหยินยังคงร้องไห้ออกมาอย่างต่อเนื่องและดูจะทวีความดังมากขึ้น เชียนซานเห็นนางร้องไห้เช่นนั้นก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก นากตกใจลนลานทำอะไรไม่ถูกได้แต่วิ่งไปนั่งข้างเตียงช่วยฮูหยินเช็ดน้ำตาออก ตอนนั้นเองที่ฮูหยินจับมือของนางไว้และวางทาบลงบนใบหน้าของตนจากนั้นก็ร้องไห้แทบขาดใจ!
“ลูกสาว ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า...แม่คิดถึงเจ้ามาตลอดสิบแปดปี สิบแปดปีมานี้เจ้าไปอยู่ที่ใดกัน” นางพูดไปร้องไห้ไป น้ำตาก็ไหลลงมาจนน่าสงสาร มือของนางยึดแขนเสื้อของเชียนซานไว้แน่น จากนั้นก็ลูบคลำร่างกายของหญิงสาวตรงหน้าอย่างต้องการจะสำรวจโดยไม่สนใจบาดแผลของตนเองแม้แต่น้อย “แม่กำลังฝันไปอยู่ใช่หรือไม่ หากว่านี่เป็นความฝันแม้ก้ขออยู่แต่ในความฝันไม่ขอตื่นอีกแล้ว!”
เชียนซานเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดน้ำตาของตนถึงไหลลงมามากมายได้ถึงเพียงนี้ นางอยากเช็ดน้ำตาของตนเองทิ้งแต่มือของนางกลับถูกสตรีตรงหน้าจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย สุดท้ายนางก็ได้แต่ปล่อยให้มันไหลอยู่เช่นนั้นทั้งยังปล่อยโฮออกมาเสียงดัง “ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าฝันอยู่หรือไม่ แต่ข้าก็คิดว่านี่อาจจะเป็นความฝันก็ได้ ข้าไม่เคยมีท่านแม่ ตั้งแต่เล็กข้าก็ไม่เคยมีท่านแม่เหมือนคนอื่นเขา มีเพื่อนคนหนึ่งชอบล้อว่าข้าเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่แต่ข้าก็ต่อยพวกนั้นคว่ำไปแล้ว แต่แม่ของเด็กคนนั้นกลับไม่ได้ตำหนิข้าทั้งยังให้ลูกกวาดข้ากินอีกด้วย แต่ข้ากลับเก็บไว้ไม่กล้ากินมัน ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจท่านแม่ หรือไม่สนใจลูกกวาด แต่เพราะข้ารู้ดี ว่านั่นเป็นเพราะข้ากลัว ช้ากลัวว่าหากข้ากินลูกกวาดนั่นไปแล้ว ข้าก็จะไม่มีท่านแม่ที่ให้ลูกกวาดข้าอีก...”
ฮูหยินจางได้ยินเช่นนั้นก็ปวดใจเหลือเกิน นางเอื้อมมือหมายจะลูบใบหน้าของเชียนซาน แต่ทว่าเรี่ยวแรงของนางยังไม่ฟื้นดีจึงทำเพียงแค่เอ่ยปลอบโยน “ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้ว แม่จะอยู่กับเจ้า จะอยู่ตลอดไป ตลอดชีวิตนี้แม่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีก ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ อย่าร้อง...”
คนที่ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่นอกประตูต่างก็ซาบซึ้งและเวทนาสงสารจนดวงตาแดงก่ำ เชียนซานนางเอาแต่บอกว่าไม่ได้สนใจ แต่มาวันนี้ได้ยินความในใจของนางก็ทำให้พวกเขารู้ว่าภายนอกของนางแม้จะดูเข้มแข็งเยงใด แต่ภายในนางก็เป็นเพียงเด็กน้อยน่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น
ใต้เท้าซือคงแหงนหน้าขึ้นและถอนหายใจออกมายาวๆ หัวใจของเขาโศกเศร้าเหลือเกิน ดูท่าหากว่านี่เป็นความฝันก็คงเป็นฝันที่เขาเฝ้าฝันมานานเหลือเกิน เขาก็กลัวเหลือเกินว่าหากตื่นขึ้นมาแล้วบุตรสาวคนี้จะหายไป
ในใจของชูเซี่ยกำลังร้องไห้และเจ็บปวด นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าตอนที่พ่อแม่ของนางรู้ข่าวการตายของนางพวกเขาจะทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ตอนนี้นางรู้สึกอิจฉาเชียนซานเหลือเกิน อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังได้กลับมาพบบิดามารดาของตนเอง แต่นางไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว!
ใต้เท้าซือคงส่งคนให้กลับมาส่งชูเซี่ยถึงบ้านของนางพร้อมทั้งจดหมายอีกฉบับหนึ่ง ชูเซี่ยเปิดอ่านเนื้อความในจดหมายก็เห็นว่าบนนั้นไม่ได้เขียนอะไรมากนัก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการขออภัยและจะไม่พูดถึงเรื่องที่เสนอให้ไล่นางออกจากวังไปอีก
หญิงสาววางจดหมายในมือลง แม้ว่าในใจจะมีความสุขอยู่แต่ก็มีความรู้สึกสายหนึ่งเกิดขึ้น ความรู้สึกที่นางเองก้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ความสุขของนางกว่าจะมาได้ต้องสูญเสียและผ่านความลำบากมามากเหลือเกิน
อีกสองวันถัดมาเชียนซานจึงจะค่อยกลับมาหานาง ท่าทางของนางร่าเริงกว่าเดิมมากทั้งยังจ้อไม่หยุด “นี่คือปิ่นปักผมที่ท่านย่ามอบให้ข้า นายหญิงว่ามันสวยหรือไม่เจ้าคะ”
“พี่ใหญ่มอบมีดสั้นให้แก่ข้า มันคมมากเลยเจ้าค่ะ พี่ใหญ่บอกว่ามันสร้างมาจากเหล็กชนิดเดียวกันและเตาหลอมเดียวกันกับดาบของเจิ้นหยวนอ๋องด้วยนะเจ้าคะ”
ร่างกายของโหร่วเฟยดีขึ้นมากแล้ว แรกเริ่มนางก็ไม่กล้าไปตำหนักฉ่ายเหว่ยเพื่อหาชูเซี่ย แต่ทว่าต่อมาชูเซี่ยก็มักจะมาตรวจชีพจรและฝังเข็มให้นางอยู่เสมอ หลังจากที่พูดคุยกันนานวันเข้าทั้งสองก็เริ่มสนิทใจ นางก็ไปหาชูเซี่ยที่ตำหนักบ่อยขึ้น บ่อยยิ่งกว่าฉ่ายเวินเสียอีก
ท่านใต้เท้าซือคงเห็นว่าครั้งหนึ่งชูเซี่ยเคยช่วยเหลือฮูหยินและหลานชายของเขา ทั้งยังนำลูกสาวกลับมาสู่อ้อมอกของเขา ความเกลียดชังแต่เดิมก็กลับกลายเป็นความซาบซึ้ง ฮูหยินเสนาบดีก็เช่นกัน นางมักจะเข้าวังมาถวายบังคมไทเฮาและหาโอกาสมาหาบุตรสาวที่ตำหนักของชูเซี่ยบ่อยครั้ง
วันเวลาในวังหลวงน่าเบื่อยิ่งนัก แต่ทว่าสำหรับชูเซี่ยแล้วนี่เป็นช่วงเวลาที่งดงามและสุขสบายที่สุดนับตั้งแต่นางมาอยู่ในยุคนี้ เพราะว่านางและหลี่เฉินเย่นสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุขและราบรื่น!
แม้ว่ายามนี้นางจะไม่ได้มีฐานะอะไรในวังหลังเลยก็ตาม แต่ทว่าทุกคืนหลี่เฉินเย่นก็มาค้างคืนกับนางที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยเสมอ แม้ว่าชูเซี่ยในตอนนี้จะไม่ได้เป็นภรรยาของเขาโดยสมบูรณ์ แต่ทว่าในใจของเขานางก็เป็นมานานแล้ว อีกอย่างเมื่อสามปีก่อนชูเซี่ยก็เป็นพระชายาของเขาแต่แรกแล้ว แม้จะเป็นคนละร่างแต่ก็นับว่าเป็น!
ฉ่ายเวินก็มักจะมาเยี่ยมเยียนนางที่ตำหนักอยู่เสมอ แต่นางก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานของตนเองเลยทั้งยังไม่ยอมพูดถึงชายในดวงใจอีกด้วย ทุกๆครั้งที่หลี่เฉินเย่นถามนาง นางก็มักจะทำเป็นหูทวนลมจนสุดท้ายหลี่เฉินเย่นก็จนปัญญาทั้งยังบอกว่านางชอบหรืออยากทำอะไรก็ทำ
วันเวลาดีๆเช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ผ่อนคลาย วันวันหนึ่งชูเซี่ยก็มักจะขังตนเองอยู่ในตำหนักอ่านตำราแพทย์อย่างสบายอกสบายใจ สุขภาพของโหร่วยเฟยก็นับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังนับว่าอ่อนแออยู่ ชูเซี่ยจึงคิดจะหาอาหารดีๆมาบำรุงให้อีกฝ่ายเสียหน่อย
ตอนนี้หลี่อวิ่นกังก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นเจิ้งกั๋วอ๋อง ในทุกๆวันเขาก็มีงานบ้านงานเมืองรัดตัวจนยุ่งอยู่เสมอ พระชายาเจิ้งกั๋วก็มักจะพาอานเหยียนเข้าวังมาพบชูเซี่ยและหรงกุ้ยไท่เฟยอยู่ตลอด วังหลังที่เคยมีแต่การแก่งแย่งยามนี้มีเพียงความรักใครกลมเกลียวกัน ไทเฮาที่ทรงเห็นอานเหยียนขยับร่างป้อมๆวิ่งไปมาก็อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อใดที่พระองค์จะมีโอกาศได้อุ้มหลานแท้ๆของตนเองบ้าง กล่าวจบพระองค์ก็เพ่งมองหน้าท้องของชูเซี่ยด้วยสายพระเนตรเป็นประกายคาดหวัง แม้ว่าในวังหลวงแห่งนี้ชูเซี่ยจะไม่ได้มีฐานะหรือตำแหน่งใดๆแต่ทุกคนในวังต่างก็ปรนนิบัติและดูแลนางเทียบเท่ากับฮองเฮาเลยก็ว่าได้ ขาดก็แต่ชื่อเรียกขานเท่านั้น ดังนั้นหากว่านางตั้งครรภ์ขึ้นมาไม่เพียงแต่ไทเฮาแต่เหล่าไท่เฟยทุกคนก็จะต้องยินดีอย่างมากแน่นอน!
แต่ทว่าหน้าท้องของชูเซี่ยก็ดูจะไร้วี่แวว เดิมทีชูเซี่ยก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่ทว่าเมื่อเห็นสายตาคาดหวังของทุกคนนาง นางเองก็วางแผนอนาคตของตนเองไว้บ้างแล้ว พูดขึ้นมาแล้วนางก็รู้สึกว่าหลายเดือนมานี้นางก็อยู่กับหลี่เฉินเย่นมาตลอด แต่เหตุใดจึงไม่มีวี่แววจะมีข่าวดีบ้างนะ
เช้าวันนี้หลี่เฉินเย่นตื่นขึ้นมา ชูเซี่ยที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก็หันหลังกลับมามองเขาและเอ่ยด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “เจ้าว่า เป็นเจ้าหรือข้าที่ไร้น้ำยากันแน่ นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วเหตุใดจึงยังไม่มีข่าวดีนะ”
หลี่เฉินเย่นหัวเราะออกมา “เจ้าใจร้อนอยากเป็นมารดาในเร็ววันหรือ ข้าไม่ใจร้อนแล้วเจ้าจะใจร้อนไปทำไมกัน อีกอย่างข้าไร้น้ำยาหรือไม่เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ” กล่าวจบชายหนุ่มก็ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่นาง
ชูเซี่ยก็เถียงกลับ “ข้าไม่ได้หมายถึงพละกำลังของเจ้าเสียหน่อย ในความเป็นจริงต่อให้มันทำงานได้ปกติก็ใช่ว่าจะไม่ได้มีปัญหาภายในนี่!”
หลี่เฉินเย่นกลอกตา“เอาล่ะ ยิ่งเจ้าพูดก็ยิ่งประหลาด ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถิดไม่จำเป็นต้องรีบหรอก ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ขึ้นอยู่กับวาสนา บางทีวาสนาของพวกเรากับพวกเขาอาจจะยังไม่ถึงก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบโยนนางก็จะก้มหน้าลงมาจุมพิตนางเบาๆจากนั้นก็ออกไปว่าราชการเช้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...