ตอนที่ 210 แสร้งทำเป็นคนสนิท
ดังคำที่พระชายาว่าไว้ ฝีมือการยิงธนูของอานเหยียนไม่ดีนัก การควบม้าแปลกไปเล็กน้อย ตอนดึงคันสร ท่าทางแข็งกระด้างมาก ลูกธนูบินออกไป ก็เบนออกจากเป้าธนู แรงก็ยังไม่พอ แต่ที่เบี่บงเบนมาก อย่าได้บอกว่าใจกลางเลย แค่เป้าธนูยังยิงไม่โดนเลย
อานเหยียนรู้สึกช็อกกับตัวเอง มองดูธนูที่หล่นอยู่ไกลๆ ตาก็แดงขึ้นมา เหมือนกำลังจะร้องไห้
พระชายาถอนหายใจ “เห็นไหหม ข้าบอกแล้วว่าเจ้าอย่าแสดงเลย ไปฝึกให้ดีก่อนค่อยแสดงก็ยังไม่สาย“
ชูเซี่ยส่ายหัวบอก เดินเข้ามาพูดกับหลี่หยุนกางว่า “เขาทำได้ เจ้าเชื่อหรือไม่?”
หลี่หยุนกางบอก “เขาเคยบอกกับตัวเองว่าสามารถเจ้ากลางเป้าได้ แต่ว่า ข้าก็ไม่ได้เคยเห็นมาก่อน ทุกครั้งที่เขาแสดงให้ข้าดู ก็ล้วนแต่ตกเป้า”
ชูเซี่ยยิ้มบอก “ข้ามีวิธีทำให้เขายิงเข้ากลางเป้าให้เจ้าดู”
“เจ้ามีวิธี?” หลี่หยุนกางส่ายหัว “ทักษะการยิงธนูไม่ได้ใช้แค่วันเดียวก็เป็นได้ แต่ต้องอาศัยการขยันฝึกซ้อมทุกวัน เจ้าจะใช้เวลาแค่วันเดียวในการแนะนำเขา ไม่ได้ยังไงก็ไม่ได้หรอก”
“ไม่ต้องใช้เวลาหนึ่งวันหรอก” ชูเซี่ยกระซิบข้างหูเขากี่คำ จากนั้นก็พูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “เจ้าแค่ต้องพูดกับเขาอย่างนี้ เขาต้องยิงโดนกลางเป้าแน่ๆ”
หลี่หยุนกางถามอย่างประหลาดใจ “พูดแค่นี้ก็พอแล้ว?”
“ใช่แล้ว!”
“แต่ว่า คำพูดพวกนี้ไม่มีเทคนิคอะไรเลยนะ”
“ก็เชื่อข้าครั้งหนึ่งสิ”
หลี่หยุนกางครุ่นคิดครู่หนึ่ง มองไปที่พระชายาแวบหนึ่ง เย่เอ๋อถามอย่างสงสัยว่า “จะพูดอะไรกับเขาหรือ?”
หลี่หยุนกางไม่ได้ตอบคำถาม แต่ว่าเดินเข้าไปข้างอานเหยียน จากนั้นก็พยุงเขาขึ้นม้า นัยน์ตาเต็มไปด้วยกำลังใจ “อานเหยียน พวกเรามาลองกันใหม่ครั้งหนึ่ง ได้ไหม? พ่อเองรู้ว่าอานเหยียนขยันฝึกมาสักระยะแล้ว แม้ว่าอาจจะไม่โดนกลางเป้า แต่ยิงโดนเป้าก็ไม่ใช่ปัญกา ใช่ไหม? พยายามเต็มที่นะ พ่อจะดูอยู่ข้างๆ ถ้ายิงไม่โดนก็ไม่เป็นไร พวกเราค่อยไปขยันฝึกกันใหม่”
อานเหยียนรู้สึกประหลาดใจ “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าข้าจะทำได้ไหม?”
“แน่นอนว่าได้ พ่อมีความมั่นใจในตัวอานเหยียนมาก”
อานเหยียนดีใจขึ้นมาทันที แก้ไขอาการหดหู่เมื่อก่อน ยืดหลังตรง สะพาคันธนูบังคับม้าวนรอบ ที่จริงแล้วขนาดม้าแดงน้อยเทียบกับความสูงชองเขาไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่ว่าหลังปรับอานม้าทำให้เขานั่งอยู่บนม้าได้อย่างมั่นคง
หลี่หยุนกางมองดูอานเหยียนบังคับม้าอย่างประหลาดใจ หัวไปพูดกับเย่เอ๋อ “เมื่อก่อนนี้เวลาเขาฝึกยังไม่ค่อยชำชาญอย่างนี้เลย”
เย่เอ๋อก็บอก “จริงด้วย”
หลี่หยุนกางมองไปทางชูเซี่ย “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าพูดกับเขาไม่กี่คำ จะทำให้เขามีความมั่นใจเพิ่มขนาดนี้”
ชูเซี่ยยิ้มแต่ไม่ตอบ ชี้ไปที่อานเหยียน ส่งสัญญาณให้หลี่หยุนกางดูให้ดี
หลี่หยุนกางมองตามไป พบเพียงอานเหยียนที่นั่งอย่างมั่นคงบนหลังม้า กำลังจะเริ่มยิงธนู แขนของเรายืดตรง สายตึง มือดึงสรไปด้านหลัง ท่าทางสง่ามาก
ได้ยินเพียง “ซิ่ว”เสียงหนึ่ง ลูกธนูก็บินออกไป “ชุ๊” เสียงหนึ่ง ไม่ได้เข้าเป้า แต่เข้ากลางเป้าเลย
“ว้า!” ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างโห่ร้องอย่างดีใจ หลี่หยุนกางแทบจะคิดว่าตัวเองดูผิด ขยี้ตาไปมา ไม่ผิดแน่นอน ธนูลูกนั้นเข้ากลางเป้าแดงจริงๆ
อานเหยียนเองก็ดีใจจนตะโกนขึ้นมา กระโดดลงม้า ชูคันธนูขึ้นแล้ววิ่งไปรอบๆ
เย่เอ๋อเดินเข้าไปกอดเขาไว้ ชื่นชมว่า “ลูกเก่งมากเลย”
ชูเซี่ยบอกกับหลี่หยุนกางว่า “จอนนี้ท่าอ๋องก็เข้าไปชื่นชมหน่อยสิ การสอนเด็ก ไม่มีอะไรนอกจากให้กำลังใจและชื่นชม แม้ว่าจะไม่ให้กำลังใจไม่ชื่นชม แต่ห้ามดูถูกเขาหรือทำลายความเชื่อมั่นของเขา นั่นจะทำให้เขาสงสัยว่าตัวทำไม่ได้และปฏิเสธตัวเองได้”
“อืม?” หลี่หยุนกางยิ้มออกมา “คิดไม่ถึงว่าจากกันห้าปี หมอเวินกลายเป็นนักปราชญ์ไปแล้ว”
ชูเซี่ยบอก “ข้าเองก็เป็นแม่คนนะ ข้าเองเคยทำกับลูกมาก่อน เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าแม้แต่พ่อแม่ยังดูถูกลูกตัวเอง รู้สึกว่าลูกตัวเองไม่ดีพอ แล้วเด็กจะเอาความมั่นใจมาจากไหน?”
“รับการสอนแล้ว!” หลี่หยุนกางพูดจากใจจริง
“อานเหยียนเป็นเด็กฉลาด ขอเพียงแค่อบรมนิดหน่อยต้องเป็นงานแน่ๆ แต่ว่า ไม่ต้องรีบร้อน ควรเรียนเมื่อเวลาเรียน ควรเล่นเมื่อเวลาเล่น แม้ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ก็เหมือนกับเด็กทั่วไปที่สิทธิที่จะได้เล่น บางครั้ง ถ้าขอมากเกินไป อาจไม่ใช่ความสุข ชุดเหลืองอยู่บนตัวแล้วยังไง? ก็ใช้ชีวิตที่ตัวเองไม่อยากได้ไม่ใช่หรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...