ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 68

ตอนที่ 68 ไม่เหมือนเดิม

จูเก๋อหมิงเพ่งมองนาง “ไม่จริง เมื่อหลายปีก่อนข้าตรวจบาดแผลของเจ้า มันเป็นเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้น ไม่มีบาดเจ็บที่ใดอีก อาการของเจ้าเองก็ไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ ถ้าหากเจ้าไม่ใช้ร่างกายทดลองเข็มตั้งแต่แรกเจ้าก็คงไม่ตาย”

ชูเซี่ยส่ายศีรษะ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เมื่อสามปีก่อนพวกท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่ว่าข้าไม่ใช่หลิวหยิงหลง”

จูเก๋อหมิงนิ่งไป “เพิ่งจะมาแน่ใจก็ตอนที่เจ้าเสียชีวิตไปแล้ว” จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่นางตายไปทั้งยังเล่าไปถึงเรื่องที่ท่านราชครูเข้าฌานและบอกว่านางเป็นหญิงสาวจากต่างโลกให้นางฟังอีกด้วย

ชูเซี่ยตกใจ “ท่านหมายความว่าแม้กระทั่งฝ่าบาทก็รู้ว่าข้าไม่ใช่หลิวหยิงหลงงั้นหรือ”

“ไม่ผิด” จูเก๋อหมิงกล่าว “หลังจากที่หยิงหลงตายไป พวกข้าก็ส่งข่าวไปบอกบิดามารดาของนาง เจ้าของไม่รู้สินะว่าหลิวหยิงหลงนางไปเข้าฝันบอกลาบิดามารดาของนาง หากไม่ใช่เพราะท่านอุปราชเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกข้าฟัง พวกข้าก็ไม่มีทางรู้เลยว่าในโลกนี้มีเรื่องวิญญาณเข้าสิงร่างอยู่จริงๆ”

ใบหน้าชูเซี่ยซีดเผือด นางนึกไม่ถึงว่าทุกคนในยุคนี้จะใจกว้างกับนางได้ถึงเพียงนี้ นางเอาแต่คิดมาตลอดว่าหากเรื่องที่นางเป็นวิญญาณมาเข้าสิ่งร่างหลิวหยิงหลงแตกนางจะต้องถูกเผาทั้งเป็นอย่างแน่นอน เมื่อลองมานึกดูแล้วคนยุคอดีจแห่งนี้ยังไม่งมงายเท่ากับความเชื่อของคนยุคปัจจุบันอย่างนางเสียด้วยซ้ำ

ชูเซี่ยไม่รู้จะอธิบายกับอีกฝ่ายอย่างไรว่าเมื่อหลายปีก่อนนางต้องตายเพราะวิญญาณของนางเข้ากับร่างของหลิวหยิงหลงไม่ได้ ในใจของนางสับสนวุ่นวายไปหมด เรื่องที่เรียบง่ายเมื่อหลายปีก่อนนางกลับทำให้มันซับซ้อน หากตอนนั้นนางยอมกล่าวความจริงออกไปผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงจะต่างกันใช่หรือไม่นะ

หญิงสาวเงยหน้ามองจูเก๋อหมิง “ท่านไปพักผ่อนเถิด ข้าจะอยู่ที่นี่ดูแลเขาเอง”

จูเก๋อหมิงลุกขึ้นยืนปรายตามองไปยังหลี่เฉินเย่นเล็กน้อย อาจเป็นเพราะหลี่เฉินเย่นหลบตานางอยู่จึง ชูเซี่ยจึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าดวงตาของเขาทั้งรู้สึกผิดและเจ็บปวดเพียงใด

หลังจากที่จูเก๋อหมิงกลับออกไป ชูเซี่ยก็เดินไปนั่งลงข้างเตียงของหลี่เฉินเย่น หญิงสาวรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ความเลยสักนิด ตอนที่นางกลับมาเมืองหลวง นางนึกว่าตนเองจะสามารถหลอกพวกเขาได้ แต่ผู้ได้เล่าจะคาดคิดว่าทุกคนต่างรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางกันหมดแล้ว

“ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านต้องทนทุกข์มาตลอดสามปี” หลังจากที่นางอ้ำอึ้งอยู่เกือบค่อนวัน เพื่อเรียบเรียงคำพูดมากมายเพื่อจะคุยกับเขา แต่ทว่าสุดท้ายสิ่งที่นางพูดออกมาได้ก็มีเพียงแค่คำว่าขอโทษเท่านั้น

นางกอบกุมมือหนาของเขาไว้ รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะยังไม่ฟื้นเพราะแผลที่หน้าอก แม้ว่ากริชที่แทงลงไปไม่ใช่จุดสำคัญ แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้นางขวัญกระเจิงจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างได้แล้ว

“เมื่อสามปีก่อนต้องโทษที่ฝีมือการแพทย์ของข้ายังไม่เก่งกาจพอทำให้ท่านเข้าใจผิดคิดว่าข้าต้องเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อช่วยท่าน แต่ทว่าข้าอยากบอกท่านเหลือเกินว่าความตายของข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลยแม้แต่น้อย ท่านอย่าได้โทษตนเองเลยนะ อย่าได้ทรมานตนเองเช่นนี้อีกเลย ท่านไม่มีทางรู้หรอกว่าการที่เห็นท่านเป็นเช่นนี้ข้าเจ็บปวดแค่ไหน”

นางค่อยๆเอนกายลงบนเตียงช้าๆ อิงศีรษะของตนลงบนท่อนแขนของเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา “สามปีมาแล้ว สามปีมานี้ชีวิตข้าก็ไม่ได้ผ่านมาด้วยดีนักหรอกนะ หัวใจข้านึกพะวงแต่ขาของท่าน แต่ที่ข้าไม่ยอมกลับมาตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนเพราะว่าข้าจำเป็นต้องศึกษาและเรียนรู้วิชาฝังเข็มให้ชำนาญมากกว่าเดิมเพื่อที่จะรักษาท่านได้ แม้ว่าข้าไม่รู้ว่าการที่ตนเองกลับมาหาท่านเป็นเรื่องที่ตัดสินใจถูกต้องหรือไม่ แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว” ชูเซี่ยถอนหายใจ เอ่ยกระซิบถ้อยคำมากมายอยู่ข้างหูของเขา

นางหลับตาลงช้าๆเพื่อซึมซับช่วงเวลาที่อ่อนหวานนี้ไว้

โดยที่ไม่รู้ตัว ในขณะที่นางเอ่ยถ้อยคำสารภาพความในใจมาเสียยาวเหยียดนั้น หลี่เฉินเย่นที่อยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาคมเจอไปด้วยความเจ็บปวด

ที่นางกลับมาไม่ใช่เพราะนางรักเขาแต่เป็นเพราะว่าขาของเขาเพียงเท่านั้น

“เช่นนั้นแล้ว ที่เจ้าต้องการจะบอกก็คือ หากว่าข้ายังแข็งแรงดี เจ้าก็จะไม่ยอมกลับมาหาข้างั้นหรือ” ท่ามกลางความเงียบในห้องเสียงของหลี่เฉินเย่นที่นอนอยู่บนเตียงก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรง

หญิงสาวสะดุ้งและผุดลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อสบสายตาเข้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเขา หัวใจนางก็หล่นวูบ “ท่านฟื้นแล้วหรือ”

หลี่เฉินเย่นจ้องมองหญิงสาวแปลกหน้าที่อยู่ข้างกายของตน “ข้าฟื้นขึ้นมาสักพักแล้ว ตั้งแต่ที่เจ้าและจูหมิงเก๋อสนทนากันก็ฟื้นแล้ว แต่ข้าไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเจ้าอย่างไรก็เท่านั้น”

ชูเซี่ยจ้องมองนัยน์ตาเขา เห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองนางด้วยแววตาแปลกประหลาดและห่างเหินนางก็เก็บมือกลับไป นางยกมือขึ้นจับใบหน้าของตนเองพลางเอ่ยปาก “ไม่ชินหน้านี้ใช่หรือไม่ ท่านไม่ชินก็ไม่แปลก ขนาดข้าที่ตื่นมาส่องกระจกทุกวันยังไม่ชินสักที รู้สึกแปลกๆเช่นกัน” เรื่องที่โศกเศร้าที่สุดของมนุษย์ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่แม้กระทั่งตนเองยังไม่อาจจำหน้าตนเองได้

หลี่เฉินเย่นส่ายหน้า “ไม่ใช่ ต่อให้เจ้าจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร ในใจของข้าก็มีบางอย่างที่ไม่เคยเปลี่ยนไป”

หัวใจของชูเซี่ยเต้นแรงขึ้น นางเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาใสแป๋ว

หลี่เฉินเย่นเอื้อมมือไปปิดตาของนางไว้ก่อนเอ่ยเสียงดุ “อย่ามองข้าด้วยแววตาเช่นนี้ ถ้าหากเจ้ารู้อยู่แล้วว่าไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องจากไปก็ไม่ควรให้ความหวังข้า ไม่ควรให้คำสัญญาที่เลื่อนลอยนั่น” หลี่เฉินเย่นยังจำได้ดี ภาพที่จวนแม่ทัพจูที่นางกอดกับจูฟางหยวนร้องห่มร้องไห้กันสองคน คิดดูแล้วนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่นางไม่ยอมกลับมาหาเขาก็เป็นได้ แค่นางยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว เขาไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ อีกอย่างเขาก็เริ่มเคยชินกับชีวิตที่ผ่านมาตลอดสามปีมานี้เสียแล้วไม่ใช่หรือ ในอดีตที่ผ่านมาเขาเฝ้าแต่ภาวนาให้นางมาเข้าฝันเขาสักครั้งเพื่อให้รู้ว่านางยังดีอยู่ ตอนนี้เมื่อรู้ว่านางยังดีทั้งยังมีชีวิตอยู่เขาก็สบายใจแล้ว

คำพูดเช่นนี้ทำให้ยามนี้หัวใจของชูเซี่ยหมองหม่นไม่ต่างจากอากาศภายนอกห้อง คำพูดของเขาทำให้นางหายใจไม่ออก ไม่ใช่ว่านางไม่อยากจากเขาไป แต่นางไม่อาจจากไปได้ต่างหากเล่า ถ้าหากเลือกได้ นางจะแข็งใจเดินออกไปจากชีวิตเขาได้หรือไม่นะ

นางเบือนหน้าหนีและกระถดกายเว้นระยะห่างจากเขาโดยไม่รู้ตัว

หัวใจของเขาหล่นวูบ คำพูดของเขาเมื่อครู่ก็เพื่อต้องการพิสูจน์บางอย่างเท่านั้น แต่เมื่อเห็นท่าทางในตอนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องที่ตนคิดนั้นถูกต้อง การที่นางกลับมาก็เพื่อรักษาขาของเขาเพียงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่ปิดบังสถานะของตนเองแน่

“ถ้าข้าไม่อยู่แล้วท่านต้องดูแลตนเองดีๆเข้าใจหรือไม่” นางเอ่ยขึ้นอย่างไร้ความปราณี แม้จะรู้ว่าคำพูดของตนเองจะทำให้เขาต้องเจ็บปวด แต่ทว่านางก็ยังเลือกที่จะประกาศมันออกไปต่อหน้าเขา เพื่อที่เขาจะได้เลิกคิดอะไรไร้สาระอีก

หลี่เฉินเย่นหลับตาลงไม่พูดอะไรออกมา

ความเงียบเข้าครอบงำระหว่างพวกเขาทั้งสอง ภายนอกมีเพียงเสียงลมพัดใบไม้พริ้มปลิวไสวเสียดสีกันจนเกิดเป็นเสียงเท่านั้น ดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้อากาศจะหนาวเหน็บไม่ใช่น้อย

“ชูเซี่ย!” ทันใดนั้นหลี่เฉินเย่นก็ตะโกนออกมาเสียงดัง ทั้งยังเปิดเปลือกตาขึ้นมามองที่นาง

ชูเซี่ยจึงขานรับเขาเสียงเรียบ “ข้าอยู่นี่”

เขาไม่ได้อะไรออกมาอีกนอกจากปิดตาลงช้าๆเช่นเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า