"ไม่ต้องแล้ว"เซี่ยจินอานปฏิเสธอย่างสุภาพ"ดึกแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ"
"อืม"
ในเมื่อนางไม่ยอม แน่นอนว่าหยุนฝู้เฉินเองก็ไม่บังคับ
หลังจากที่ทั้งสองกลับถึงเมืองหลวงนั้นก็เป็นยามห้ายแล้ว คงเป็นเพราะอากาศหนาวเย็น กลางคืนจึงไม่มีคนอยากออกไป คนบนตลาดในเมืองหลวงนี้น้อยจนน่าสงสาร และเสียงของล้อรถม้าหมุนจึงดังเป็นพิเศษ
หลังจากถึงหน้าประตูจวนแม่ทัพ เซี่ยจินอานก็กระโดดลงจากรถม้าอย่างง่ายดายและโบกมือให้กับคนที่นั่งอยู่ในเกี้ยว:"ไว้เจอกัน ท่านอ๋อง"
จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในจวนแม่ทัพอย่างไม่อาลัยอาวรณ์เลย
หยุนฝู้เฉินนั่งในรถม้าแล้วเปิดม่านบนเกี้ยว มองดูร่างที่สดใสนั้น มุมปากก็มีรอยยิ้มจางๆ
แปลกจังเลย ผู้หญิงคนนี้ชอบทำให้อารมณ์เขาดีอยู่เสมอเลย
ระบบอัพเลเวลแล้ว เซี่ยจินอานเดินไปอย่างมีความสุขและตื่นเต้นจนร้องเพลง
"วันนี้เอ่ยวันนี้ เป็นวันดีๆของข้า อัพสิ อัพสิ ระบบน้อยของข้า~"
ก้าวเข้าไปในเรือนจินซีพร้อมกับร้องเพลง เมื่อมองดูแสงไฟที่สว่างจ้าที่หน้าประตูลาน เซี่ยจินอานก็หยุดเดินและเลิกคิ้ว บรรยากาศเช่นนี้ไม่ปกตินี่นา!
จากนั้นเท้าอีกข้างหนึ่งก็ก้าวเข้าไปในลาน จากนั้นก็หันหลังเดินไปที่ห้องตัวเอง แต่เมื่อเขาหันหลังกลับ เห็นบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
ในลานมีสาวใช้สองคนคุกเข่าอยู่บนพื้น ส่วนสาวใช้และบ่าวรับใช้ชายที่เหลือก็ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ ซูหลานกับซูหยาวทั้งสองคนกลับยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
พอเห็นเซี่ยจินอานก็รีบเดินเข้าหาทันที
"คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาสักที"
เซี่ยจินอานยิ้มจางๆ "นี่เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเหรอ?"
"ใช้เจ้าค่ะ คุณหนูนี่ช่างคาดการได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆเลยเจ้าค่ะ"ซูหลานชมเชยอย่างไม่ปิดบัง
ตั้งแต่เกิดความอาฆาตแค้นกับเซี่ยยิวหรานและเซี่ยยู่หลินแล้ว เซี่ยจินอานก็คาดเดาได้แล้วว่าสองคนนี้จะต้องมาแก้แค้นแน่นอน ดังนั้นจึงบอกซูหลานและซูหยาวทั้งสองคนว่าให้คอยสังเกตการเคลื่อนไหวในลานนี้
หากมีผู้ต้องสงสัยก็ควบคุมตัวไว้โดยตรงเลย
ไม่คิดว่าวันนี้ก็เคลื่อนไหวแล้ว
เซี่ยจินอานเดินไปหาสาวใช้สองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างใจเย็น พอเห็นหน้าทั้งสองคนอย่างชัดเจนแล้ว ในใจก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
คนรู้จักการทั้งนั้นเลยแท้ๆ นี่ไม่ใช่ชิงหลานพวกนางทั้งสองคนรึ?
"ใครเป็นคนสั่งให้พวกเจ้าทำ?"
สาวใช้ทั้งสองคุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
เซี่ยจินอานก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสองและมองพวกเขา กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า:"ไม่
พูดก็ไม่เป็นไร สั่งสอนสักหน่อยก็ได้แล้ว"
เสียงนั้นเบามาก ทั้งไร้ความหมายและพลัง แต่กลับทำให้รู้สึกหลังเย็น
จากนั้นก็หันมองซูหลานและกล่าวว่า "เอาเก้าอี้มาให้ข้าตัวหนึ่ง เมล็ดทานตะวันอะไรพวกนั้นก็สามารถเอามาหน่อย ข้าเชิญพวกเจ้าดูว่าอะไรคือละครที่ ตายทั้งเป็น"
น้ำเสียงจงใจเน้นย้ำ"ตายทั้งเป็น"สี่คำนี้ และเข้าไปในใจของทุกคนในลานนี้
ซูหลานก็หาเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้เซี่ยจินอานได้จริง แต่เมล็ดทานตะวันก็ไม่ต้องล่ะ เพราะในลานนี้ก็ไม่มีจริง
เซี่ยจินอานนั่งลงบนเก้าอี้ เอามือเท้าคางอย่างเกียจคร้าน: "ไม่รู้ว่าพวกเจ้าใจโตหรือว่าข้าถือมีดไม่ไหวแล้ว ความคิดใดก็กล้ามาลงที่ข้า"
จากนั้นก็ผิวปากเบาๆไปครั้งหนึ่ง เจี่ยยีก็ลงมาจากเงาของต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลนั้น
"บอกพวกเขาหน่อยสิว่า ก่อนหน้านี้ข้าเคยลงโทษคนในสำนักกันอย่างไร"
เดิมทีเซี่ยจินอานอยากให้เจี่ยยีร่วมมือเล่นละครฉากหนึ่งกับนาง ทำลายกลไกป้องกันตัวเองทางจิตของสาวใช้ทั้งสองเพื่อให้ได้ข่าวที่ตนต้องการ
แต่คิดไม่ถึงว่าเจี่ยยีจะพูดเกี่ยวกับเรื่องที่เจ้าของร่างเก่าลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจัง!
ทำให้ทุกคนในลานนี้หวาดกลัวไปไม่น้อย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาหมอเซี่ยจินอาน
จบแบบรีบไปหน่อยเลยหรือเปล่า....สุกมาตั้งแต่ต้น..น่าจะแปลข้ามฟากไปเลยอ่ะ...
เป็นเรื่องที่สนุก เนื้อเรื่องตลก น่ารักดี แต่ตอนจบคือหักมุมจบแบบง่ายเกินไปหน่อยนะคะ...