ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 21

ตอนที่21 แค่ช่วยตนเองเท่านั้น

สักพักนางก็ทำตาเปล่งประกาย“ข้าคิดได้แล้ว ในเมื่อข้ารับเจ้าเป็นน้องชาย เจ้าก็แซ่เดียวกับข้าแล้วกัน ข้าชื่อหลินซีนเยียน เช่นนั้นเจ้าก็ชื่อหลินอี้เซิงแล้วกัน อี้ แปลว่า คาดหวัง เซิง แปลว่า ชีวิตใหม่ จากนี้ไปเจ้าต้องเริ่มชีวิตใหม่!”

หลินอี้เซิง ตั้งชื่อหลินอี้เซิงให้เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เด็กคนนี้ไม่ควรถูกคนพวกนั้นทรมานตั้งแต่แรกแล้ว

ทุกครั้งที่เขาถูกรังแก ในใจของเขาย่อมคาดหวังให้มีคนปรากฏตัวออกมาช่วยเขา หลินซีนเยียนรู้ดีว่าในสายตาที่เย็นชาของเขา ทุกครั้งที่รู้สึกหวาดกลัวตอนโดนเหยียดหยาม เขาเคยจ้องมองไปยังคนที่อยู่รอบๆ ด้วยสายตาที่คาดหวัง รอคอยให้มีคนยื่นมือมาช่วยเขา บางทีเขาก็เคยส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่รอบๆ...

แต่ว่า ไม่เคยมีใครมาช่วยเขาเลยสักครั้ง ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือ และไม่มีใครได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเขาเลย

สายตาคาดหวังของเขาก็ค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา สุดท้ายเหลือเพียงความเย็นชาไร้ความรู้สึกใดๆ

เด็กคนนี้เคยคาดหวัง แต่สุดท้ายกลับสิ้นหวังในการเป็นมนุษย์ จะมีเรื่องอะไรที่โหดร้ายไปกว่านี้อีก?

หลินซีนเยียนไม่ได้เป็นแมรี่ซูที่มีจิตใจดีงาม ทุกครั้งรู้สึกว่าแมรี่ซูที่มีจิตใจดีงาม แต่ทำอย่างครึ่งๆ กลางๆ เลวร้ายกว่าพวกตัวละครที่ทำเรื่องชั่วช้าซะอีก เพราะว่าทุกครั้งที่พวกนางให้ความหวังกับคนอื่น กลับกลายเป็นทำลายความหวังนั้นอย่างโหดเหี้ยมเกือบทุกครั้ง

“ข้าหวังว่าเจ้าจะชอบชื่อนี้ จากนี้ไป เจ้าคือน้องชายของข้า”หลินซีนเยียนจับหน้าของเขาอย่างเบาๆ หลังจากที่เด็กคนนี้ตัวสะอาดดีแล้ว รูปร่างหน้าตาถือว่าไม่เลวเลย “ข้ารู้ว่าเจ้ายังหวาดกลัวอยู่ เจ้าอาจคิดว่าข้าช่วยเจ้าก็เพื่อแสดงจิตใจเมตตาของตนเองหรืออาจจะมีจุดประสงค์อย่างอื่น แต่ว่า ที่จริงข้าไม่ได้ช่วยเจ้า ข้าเพียงช่วยตนเองเท่านั้น”

เสียงของนางเริ่มสั่น สายตาเหม่อมองไปที่อื่น คล้ายกับว่านางรู้สึกเหนื่อย นางถอดรองเท้าแล้วขึ้นบนเตียงมานั่งข้างๆ เด็กชาย ราวกับพี่สาวกำลังเล่านิทานให้ฟัง นางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ ข้าจะบอกความลับอะไรให้ ที่จริงข้าก็เหมือนกับเจ้า ท่านแม่ของข้าก็โดนคนบังคับขืนใจจนให้กำเนิดข้ามา แต่ว่าข้าโชคดีกว่าเจ้า ท่านแม่ของข้าดีกับข้ามาก ท่านตาท่านยายของข้าก็ดีกับข้าเช่นกัน”

นี่เป็นความลับ ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้ นางก็ไม่เคยเอ่ยถึงมันอีกเลย

ในสายตาของคนอื่น เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์อาวุธที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นเด็กสาวที่มองโลกในแง่ดี แต่มีเพียงนางที่เท่านั้นที่รู้ ตอนที่อยู่ชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษา โดยคนดูถูกเหยียดหยามมาไม่น้อย บางครั้งถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย

โชคดี หลังจากนั้นที่แม่รู้ว่านางโดนรังแก แม่ก็ลาออกจากงานและพาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับท่านตาท่านยายที่อีกเมืองหนึ่ง ชีวิตของเธอจึงได้รับการช่วยเหลือ

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของนางอย่างรู้สึกประหลาดใจ ราวกับไม่เชื่อว่านางจะเคยมีชีวิตเหมือนกับเขา

“ฉะนั้น ตอนที่เห็นเจ้า ข้าก็คิดอยากจะช่วยเจ้า ที่จริง ข้าไม่ได้คิดจะช่วยเจ้า ข้าเพียงช่วยภาพในอดีตของตนเอง ตอนอยู่ชั้นประถมฯ เคยโดยเพื่อนทั้งห้องรุมรังแก ข้าเคยคาดหวังว่าจะมีคนลุกขึ้นมา ไม่ต้องการให้เขาเป็นศัตรูกับทุกคนเพื่อช่วยข้า เพียงอยากให้เขาลุกขึ้นและยื่นมือมาดึงข้าไปก็เพียงพอแล้ว...”

หลินซีนเยียนไม่รู้ตัวว่า ตอนที่พูดอยู่ น้ำตาของนางได้ไหลมาข้างแก้มเสียแล้ว เสียงของนางยังคงสั่นอยู่ “แต่ก็ไม่มี ไม่มีใครมาช่วยข้าเลยสักคน...ข้าเคยนั่งขดตัวอยู่ตรงมุมหนึ่งในห้องเรียนมานับไม่ถ้วน เคยร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมห้องอยู่หลายครั้ง... เพียงเพื่อทำให้ความฝันของตนเองเป็นจริง ฉะนั้น ข้าจึงช่วยเจ้า ช่วยเจ้าออกมาจากสภาพเลวร้ายเหล่านั้น และทำให้ตัวข้าสามารถเดินออกมาจากภาพเงามืดนั้นได้...”

แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น จิตใจดีงามอะไรนั้น ล้วนไม่ใช่นิสัยของนางเลย ทุกอย่างที่นางทำก็เพื่อตนเองทั้งนั้น

“หลินอี้เซิง เจ้าไม่ต้องขอบใจข้า เพียงมีชีวิตอยู่อย่างมีสุขต่อไปก็พอ รู้หรือไม่?”หลินซีนเยียนเช็ดน้ำตา ลงมาจากเตียงและเดินไปที่เตียงของตนเอง ดึงผ้าห่มออกแล้วล้มตัวนอน จากนั้นก็ใช้ผ้าห่มคลุมหัวของตนเอง

ภายในห้องเงียบสงัด มีเพียงแสงเทียนอ่อน ๆ จากเปลวเทียนที่พลิ้วไหวไปมา

เด็กชายที่นอนอยู่บนเตียง จ้องมองไปอีกเตียงหนึ่งเป็นเวลานาน หลังจากนั้นเขาก็เลิกมองและพึมพำอยู่ในปากเบาๆ“หลินอี้เซิง...หลินอี้เซิง...”

จากนี้ไป เขาคือหลินอี้เซิง

ห้องรับแขกของอี้กวนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของลานบ้าน ในกลางดึก คนในห้องยากที่จะนอนหลับ นอกจากเซียวฉางเยว่ที่อารมณ์เสียอยู่ในรถม้า แล้วยังจะมีใครอีก?

“พี่ใหญ่ ก็แค่ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ท่านไม่ต้องคิดมาก ท่านดูอย่างทายาทของผู้มีอิทธิพลในเมือง คนไหนบ้างที่อายุ 12 ปีแล้วไม่เคยร่วมหลับนอนกับผู้อื่น?สาวใช้หลายคนยังไม่ออกเรือนที่เลี้ยงอยู่ในจวนก็ไม่ถือว่าเป็นความลับอะไร ด้วยอายุของอ๋องอู่เสวียนแล้ว จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีพระชายา รอบกายมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็ยากที่จะทนไหว ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าพวกนั้น เพียงเล่นเพื่อความสนุกเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะในอนาคตของท่านอย่างแน่นอน ”

เซียวอวิ๋นฉินหาวหวอดหนึ่งที อดไม่ได้ที่จะช่วยตัก ตอนกลางดึก ยังไม่มีใครเข้านอน หากเซียวฉางเยว่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่สายตรง นางก็ไม่สนใจแต่แรกแล้ว

“เจ้าจะรู้อะไร? หากเจ้ารักใครด้วยใจจริงแล้ว คงไม่พูดออกมาง่ายดายเช่นนี้ ”เซียวฉางเยว่ยืนริมหน้าต่างและเปิดหน้าต่างออก นางแหงนหน้ามองไปยังชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องของอ๋องอู่เสวียนฟู่จื่อโม่ “ก็เพราะผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้านางนั่น ข้าจะสามารถทำอะไรเพื่อเปลี่ยนสถานภาพได้ แทนที่ข้าจะทำเช่นนั้นด้วย”

“ หืม?หมายถึงอะไรหรือ?พี่ใหญ่ ท่านพูดอะไรข้าไม่เข้าใจเลย”เซียวอวิ๋นฉินเริ่มตาพล่ามัว ง่วงหงาวหาวนอนไม่หยุด

เซียวฉางเยว่ถอนหายใจและปิดหน้าต่าง“พอแล้ว นอน นอนเถิด พรุ่งนี้เจ้าส่งคนไปถามให้ข้าด้วย ว่าหลังจากที่อ๋องอู่เสวียนหลับนอนกับใครแล้วได้ส่งยาคุมกำเนิดไปให้หรือไม่... ”

“ยังต้องให้ไปถามอีกหรือ?อ๋องอู่เสวียนไม่ใช่คนโง่ จะปล่อยให้นางชั้นต่ำชิงมีทายาทก่อนได้อย่างไร?เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องน่าอับอายของราชสำนักยิ่งนัก สายเลือดสูงส่งของราชวงศ์ ไม่ใช่ให้ใครก็ได้มาตั้งครรภ์ทายาทของราชวงศ์ นางนั่นเหมาะสมรึ?”เซียวอวิ๋นฉินรู้สึกว่าเซียวฉางเยว่ขาดความยับยั้งชั่งใจ

“ให้เจ้าไป เจ้าก็ไป!”เซียวฉางเยว่มีสีหน้าจริงจัง นางไม่รู้ว่าจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร ที่ผ่านมานางรู้ว่าอ๋องอู่เสวียนเป็นคนเจ้าสำราญ จนมาถึงบัดนี้ เขาก็ยังไม่ได้เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้ใดเลย

ที่ผ่านมานางไม่คิดว่าตนเองขาดเหลืออะไร นางจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องผิดพลาดอะไร ถึงจะเป็นนางนั่น...ก็เป็นแค่ชาวบ้านไร้ที่พึ่งพิงไร้สถานะคนหนึ่ง...

“ได้ ได้!ท่านว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น! ”เซียวอวิ๋นฉินฝืนตอบกลับ ในใจกลับโกรธเคืองอย่างมาก หากไม่ใช่คุณหนูใหญ่สายตรง ดีร้ายอย่างไรนางก็เป็นลูกคุณหนูของจวนมหาเสนาบดี กล้าทำเหมือนนางเป็นสาวใช้ได้งั้นรึ?

ค่ำคืนไร้เสียง แม้แต่แสงจันทร์สักนิดก็ยังไม่มี โลกทั้งใบ แท้จริงแล้วเป็นเพียงความมืดมิดไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต