ตอนที่ 493 บทสรุปครั้งยิ่งใหญ่ (สาม)
“ตระกูลหลี่กับตระกูลหลิง...” หลินซีนเยียนงึมงำ แต่ชั่วขณะนั้นก็ตระหนักถึงความสัมพันธ์อย่างอื่น ใช่แล้ว การดำรงอยู่ของสามตระกูลใหญ่เร้นลับมีมากเนิ่นนานแล้ว สามตระกูลขุนนางเร้นลับที่ดำรงอยู่เนิ่นนานขนาดนั้นนับตั้งแต่ราชวงศ์เริ่มต้นปฏิวัติ ดังนั้น จะต้องมีคนจำนวนมากที่อยากกำจัดพลังของทั้งสามตระกูลหลักกระมัง
ทันใดนั้นนางก็ล่วงรู้ทันทีว่าเหตุใดโม่จื่อเฟิงที่เป็นลูกทอดทิ้งของตระกูลหรงจึงสามารถไต่ต้าวมาจนถึงตำแหน่งในวันนี้ได้ ไม่เพียงแต่ความฉลาดเป็นกรดของเขา บางที เขายังมีพันธมิตรร่วมทางอีกตั้งมากมาย กองกำลังภายในของแต่ละประเทศ เกรงว่าเพื่อจะลบล้างสามตระกูลขุนนางใหญ่ในวันนี้จึงทำเรื่องตั้งมากมายลงไป
ตอนนี้คิดดูแล้ว มิแปลกใจที่ข่าวคราวของเรือนตระกูลหรงไม่ได้แพร่งพรายไปในกองทัพ บางครั้งในที่แห่งนี้ อาจมีการแทรกแซงจากกองกำลังเป็นอย่างมาก มิฉะนั้น แม้ว่าจะขัดขวางตระกูลหรงเอาไว้ได้ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถยับยั้งตระกูลหลี่และตระกูลหลิงได้ในเวลาเดียวกัน กองกำลังเหล่านั้น ในขณะเดียวกันนั้นก็ขัดขวางช่องทางสื่อข่าวของทั้งสามตระกูลใหญ่เร้นลับเอาไว้ได้
ในตอนแรกนางคิดว่าแผนของนางราบรื่นไร้ตำหนิ ตอนนี้กลับห้ามควันหลงความกลัวเอาไว้ไม่ได้ ทว่าข่าวคราวเรื่องการเกิดความโกลาหลในตระกูลหรงแพร่เข้าไปในกองทัพนี้แม้เพียงครึ่งเสี้ยว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใด ก็ล้วนสามารถรับรู้ถึงความผิดปกติของการล่าขุมทรัพย์ในครั้งนี้ และหลังจากนั้น...
แผ่นหลังของนางเริ่มเย็นเยียบ และเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออย่างไม่รู้ตัว นางยังคงไม่ได้วางแผนอย่างรอบคอบ แต่เมื่อมีเหตุสุดวิสัยใดๆ แม้เพียงเล็กน้อย นาง หนีหว่านและเสี่ยวหลงตกอยู่ในเงื้อมมือของบรรดาเหล่าวิทยายุทธ์ขั้นสูงของตระกูลเร้นลับเหล่านี้ เกรงว่าอาจจะตายอย่างไร้แผ่นดินฝังก็เป็นได้กระมัง
ราวกับรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนาง โม่จื่อเฟิงค่อยๆ ลูบไล้แผ่นหลังนางอย่างแช่มช้า “อย่ากลัว ไม่ใช่ว่ายังมีข้าอยู่หรอกหรือ”
ใช่แล้ว ยังมีเขา
หลินซีนเยียนแย้มรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว อดแหงนหน้าขึ้นมาไม่ได้ เขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วจูบเข้าที่ปลายคางของเขาอีกครั้ง หนวดเคราของเขาได้ถูกทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งผิวพรรณก็มีสัมผัสของกลิ่นหอมอ่อนคลุ้งเคล้า
บางที นี่อาจจะเป็นความเพียบพร้อมในสายตาของคนรักก็ได้กระมัง นางในตอนนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเขาสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
ทันใดนั้น นางอดจะสูดจมูกอีกครั้งไม่ได้ ราวกับมั่นใจถึงอะไรแล้ว นางจึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ใช่แล้ว คนแก่ที่ย่างเนื้อให้พวกเราคนนั้น คือท่านใช่หรือไม่” หลินซีนเยียนมักรู้สึกเป็นอาจิณว่าคนแก่ผู้นั้นแปลกๆ แต่กลับไม่ได้เอ่ยถึงประเด็นนั้นออกมา จนกระทั่งเมื่อครู่ที่นางได้ดมกลิ่นหอมอันโดดเด่น นางจึงมีความคาดเดาอันอาจหาญ
บนมุมปากของโม่จื่อเฟิงแฝงรอยยิ้มดุจหมาป่าก็ไม่ปาน ไม่ได้รีบตอบคำถาม แต่ถามย้อนกลับแทน “ไฉนจึงถามเช่นนี้”
หลินซีนเยียนกลอกตาใส่ขาว “อย่าเสแสร้งเลย ข้ารู้ว่าจะต้องเป็นท่านแน่”
“โอ้? แน่ใจได้อย่างไร” โม่จื่อเฟิงมีสีหน้าอย่างคนเต็มใจฟังรายละเอียด
หลินซีนเยียนเอื้อมมือออกมาอย่างเกรียวกราว ชี้นิ้วไปจิ้มที่ปลายคางของเขา “บนเรือนกายของท่านมีกลิ่น...กลิ่นแกะย่าง” ถึงแม้จะเจือจางมากๆ ทว่านางยังคงได้กลิ่นอยู่
พอโม่จื่อเฟิงได้ยินชั่วขณะนั้นก็หัวเราะอย่างเต็มที่ ยื่นนิ้วไปจิ้มที่ปลายจมูกของนาง “เจ้าหนอ ที่แท้ก็ฉลาดเป็นกรดจริงๆ”
การตอบสนองของเขา นับว่าเป็นไปตามความคาดหมายของหลินซีนเยียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...