มู่น่อนน่อนได้ยินดังนั้น ยิ้มแดกดัน “คุณก็รู้ว่ามู่หวั่นขีเดินหลงผิด ไม่เคยทำเรื่องดีด้วยเหรอ”
มู่หวั่นขีถึงแม้จะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเซียวชู่เหอ แต่ว่าเธอก็เป็นคนเลี้ยงจนโตมากับมือ ตอนนี้เธอก็ยังรักและเอ็นดูมู่หวั่นขี ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ไม่อยากจะฟังมู่น่อนน่อนว่ามู่หวั่นขีด้วยคำพูดแบบนี้
เธอจึงได้แก้ต่างให้กับมู่หวั่นขี “แกก็รู้ว่าหวั่นขีถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กจนโต ต่อมาเธอเจอกับความล้มเหลวมากมายเช่นนี้ ตั้งแต่ที่แฟนของเธอเสียชีวิตไป สภาพจิตใจของเธอแย่ลงเรื่อย ๆ เธอก็แค่……”
มู่น่อนน่อนฟังเซียวชู่เหอคอยแก้ต่างให้กับมู่หวั่นขี ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนมาก
เธอโมโหจนตัวสั่นเทา แล้วตะคอกใส่เซียวชู่เหอ “พอได้แล้ว!”
“ล้มเหลว? คุณคิดว่าสิ่งที่เธอเจอเหล่านั้นคือความล้มเหลว?” มู่น่อนน่อนพลางพูดพลางเข้าไปใกล้เซียวชู่เหอ
เซียวชู่เหอเห็นสีหน้าที่เย็นชาของมู่น่อนน่อน จึงได้ก้าวเดินถอยหลัง “หวั่นขีเธอ……”
สถานที่ที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้นเป็นมุมอับมุมหนึ่ง เซียวชู่เหอถอยหลังห่างออกไปได้เพียงเล็กน้อยก็ชนเข้ากับกำแพง ทำให้ไม่สามารถถอยหลังได้อีก
มู่น่อนน่อนพาเฉินมู่ออกมาจากบ้านนั้นไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูง แต่ก็ยังดูสูงกว่าเซียวชู่เหอที่ใส่รองเท้าส้นสูงอยู่หนึ่งถึงสองเซนติเมตร
เช่นนี้ ทำให้มู่น่อนน่อนสามารถกดดันเซียวชู่เหอจนไม่กล้าส่งเสียงออกมา
“มู่หวั่นขีทำตัวเองทั้งนั้น” มู่น่อนน่อนยกริมฝีปากขึ้นเบา ๆ น้ำเสียงนุ่มนวลสุดขีด “ส่วนฉันความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ก็คือการเกิดมาเป็นลูกสาวของคุณ”
เซียวชู่เหอช็อกไปทั้งตัว เงยหน้าขึ้นมองมาทางมู่น่อนน่อนทันที ริมฝีปากสั่นสองที แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่ามู่หวั่นขีทำอะไรก็ถูกไปหมด แม้จะทำผิดก็ถูก ส่วนฉันทำผิดก็คือทำผิด แม้จะทำถูกก็ยังกลายเป็นผิด!” มู่น่อนน่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และสงบสติอารมณ์ ถอยหลังออกมายิ้มแล้วกล่าวขึ้น “พูดไปพูดมา ฉันยังต้องขอบคุณมู่หวั่นขีแน่ะ”
เซียวชู่เหอถูกคำพูดที่มาเป็นชุดของมู่น่อนน่อนทำให้ตกตะลึง เมื่อได้ยินมู่น่อนน่อนบอกว่ายังต้องขอบคุณมู่หวั่นขี จึงตอบโต้กลับอย่างมีเงื่อนไข “ในเมื่อแกรู้สึกขอบคุณเธอ แกก็ปล่อยเธอไปสิ!”
มู่น่อนน่อนกอดอกแล้วกล่าวอย่างใจเย็น “ฉันรู้สึกขอบคุณเธอที่รับความทุกข์ทรมานแทนฉัน ความรักความเอ็นดูของคุณทำลายเธอทั้งชีวิต ถ้าหากว่าคนที่คุณชอบไม่ใช่เธอแต่เป็นฉัน อย่างนั้นฉันก็คงต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนกับเธอ ไม่ใช่เหรอ”
“มู่น่อนน่อน แก……แก……” ชีวิตทั้งชีวิตของเซียวชู่เหอพึ่งพาอาศัยผู้ชาย เวลาครึ่งค่อนชีวิตใช้ไปกับการประจบประแจงมู่หวั่นขี เวลานี้ถูกมู่น่อนน่อนพูดทิ่มแทงว่าเธอเป็นคนทำลายชีวิตของมู่หวั่นขี จึงโมโหจนพูดอะไรไม่ออก
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า เซียวชู่เหอเป็นผู้หญิงที่ทั้งน่าโมโหและน่าเกลียดจริง ๆ
ต่อให้เซียวชู่เหอจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเธอ เป็นเพียงคนผ่านทาง มู่น่อนน่อนก็ยังคงน่าโมโหและน่าเกลียดเหมือนเดิม
ทั้ง ๆ ที่มีหน้าตาที่สะสวย มีทั้งมือและเท้า อย่างไรซะก็สามารถที่จะหาเลี้ยงตัวเองด้วยการพึ่งพาตัวเอง แต่เธอกลับพึ่งพาผู้ชายเพื่อให้มีชีวิตดำรงอยู่ ถึงแม้ต้องสูญเสียความเป็นตัวเองไปก็ตาม แม้แต่เรื่องที่ถูกผิดก็แยกแยะไม่ออก
“สำหรับข่าวคราวของ มู่หวั่นขี……คุณไปถาม ……” เดิมมู่น่อนน่อนอยากจะบอกว่าให้ไปหาเฉินถิงเซียว แต่เมื่อคำพูดมาถึงปลายลิ้น เธอก็ได้แหกโค้งเปลี่ยนเป็น “คุณก็ไปหาคนของคนที่ชื่อลี่จิ่วเชียนดู เขารู้ที่อยู่ของมู่หวั่นขี”
เซียวชู่เหอได้ยินดังนั้นแววตาก็เป็นประกาย “ลี่จิ่วเชียน”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเซียวชู่เหอไม่สามารถยารักษาได้แล้ว
“ใช่ เขาชื่อลี่จิ่วเชียน เขาเคยมีความสัมพันธ์กับมู่หวั่นขี คุณไปหาเขาก็จะได้ความคืบหน้า” ลี่จิ่วเชียนเคยหลอกใช้มู่หวั่นขีจริง ๆ เซียวชู่เหอไปหาเขา ก็ไม่ผิด
ปล่อยให้พวกสุนัขกัดกันเองแล้วกัน
......
ตั้งแต่พบกันครั้งนี้แล้ว เซียวชู่เหอ็ไม่ได้มาหามู่น่อนน่อนอีกเลย มู่น่อนน่อนรู้สึกสบายตาที่สุด แต่คิดไม่ถึงว่าหนึ่งเดือนหลังจากนั้น เซียวชู่เหอก็ได้มาหาเธออีก ครั้งนี้ ไม่ได้มาหามู่หวั่นขีแล้ว แต่เป็นการมาขอร้องให้มู่น่อนน่อนช่วยเหลือมู่หวั่นขี
“น่อนน่อน ขอร้องล่ะ ช่วย ๆ หวั่นขีเถอะ!” เซียวชู่เหอกล่าวอย่างนอบน้อม
มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “ฉันช่วยไม่ได้” เมื่อพูดจบเธอก็ไม่ออกมาเจอเซียวชู่เหออีก
เธอครุ่นคิด ความคาดหวังสุดท้ายที่มีต่อแม่แท้ ๆ ของตัวเองคนนี้ไม่มีเหลือแล้ว แม่แท้ ๆ ของเธอคนนี้ช่างล้มเหลวมาก เธอควรตัดขาดความสัมพันธ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว
ต่อมาเธอทราบมาจากสือเย่ ว่าเฉินถิงเซียวได้ยกมู่หวั่นขีให้กับลี่จิ่วเชียน และลี่จิ่วเชียนจะปฏิบัติอย่างไรกับมู่หวั่นขี มู่น่อนน่อนก็พอจะคาดเดาได้
และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อมู่น่อนน่อนเจอกับลี่จิ่วเชียนอีกครั้งนั้น ลี่จิ่วเชียนดูมีความสุขมากกว่าปกติ เขากล่าว “น่อนน่อน อาการป่วยของวานวานดีขึ้นมาก ผมได้เปลี่ยนอวัยวะให้กับเธอแล้ว คุณทายสิ ผมใช้ของใครมาเปลี่ยน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...