ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 689

ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันครู่หนึ่ง และก็วางโทรศัพท์ลง จากนั้นทานข้าวพร้อมกันกับเฉินมู่

ทั้งสามคนไม่ได้ทานข้าวด้วยกันเป็นเวลานานแล้ว

และเวลานี้ที่พวกเขานั่งทานข้าวด้วยกันนั้น ก็ไม่ใช่เป็นครอบครัวสามคนอีกต่อไป

เฉินมู่ดูแล้วมีความสุขมาก ทำให้อารมณ์ของมู่น่อนน่อนถึงกับดีตาม จนสายตาที่มองเฉินถิงเซียวนั้นก็ดีขึ้นไปด้วย

อาจเป็นเพราะบรรยากาศของคืนข้ามปี ทำให้เฉินมู่วันนี้มีความสุขมาก

จนกระทั่งห้าทุ่ม เธอก็ยังไม่นอน แม้จะเห็นได้ชัดเจนว่าง่วงนอนมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมนอนสักที

มู่น่อนน่อนเกลี้ยกล่อมให้เธอไปนอนแต่ก็ไม่ได้ผล สุดท้ายวางเธอลงบนโซฟาไม่ให้เธอได้กระดุกกระดิกอีก

สักพัก เฉินมู่ก็ได้นอนหลับไป

เมื่อเฉินมู่นอนหลับแล้ว มู่น่อนน่อนก็เงยหน้าขึ้นมามองทางเฉินถิงเซียว และเริ่มทำการไล่คน “คุณกลับไปได้แล้ว”

เฉินถิงเซียวสีหน้าหม่นลงเล็กน้อย ยกข้อมือขึ้นมาดูแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเบา ๆ “ยังไม่เที่ยงคืนเลย”

“มู่มู่นอนหลับไปแล้ว คุณไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว” มู่น่อนน่อนกล่าวอย่างเย็นชาจนจบ จากนั้นอุ้มเฉินมู่ไปยังห้องนอน

เฉินถิงเซียวมองดูแผ่นหลังของเธอด้วยสีหน้าหมองหม่น ไม่พูดไม่จาใด ๆ อีก

มู่น่อนน่อนวางเฉินมู่ลงบนเตียง ตอนที่ออกมานั้น พบว่าบนโซฟาไม่เห็นร่างของเฉินถิงเซียวแล้ว

กลับไปแล้ว?

มู่น่อนน่อนกวาดมองห้องรอบ ๆ พบว่าเฉินถิงเซียวนั้นจากไปแล้วจริง ๆ จึงได้ถอนหายใจโล่งอกแล้วนั่งลงบนโซฟา

สักพัก เธอได้ลุกขึ้นรินเหล้าหนึ่งแก้ววางไว้บนโต๊ะชา

ในใจราวกับผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็หมือนกับว่าไม่ใช่

เธอในตอนนี้ไม่ได้เหมือนกับตอนแรก ที่เจ็บปวดรับไม่ได้กับการเลิกรากับเฉินถิงเซียว

เวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว เสียงนาฬิกาเที่ยงคืนได้ดังขึ้น ในโทรศัพท์ของมู่น่อนน่อนมีข้อความอวยพรอย่างไม่ขาดสาย

มีบางข้อความที่มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นการส่งแบบกลุ่ม มีทั้งคนที่ไม่รู้จักก็มี

มู่น่อนน่อนตอบข้อความกลับถึงเสิ่นเหลียง ฉินสุ่ยซานก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ ตอบกลับคนรู้จักที่เหลือ

เมื่อตอบข้อความเสร็จแล้ว เธอก็ลุกขึ้นไปยืนที่ริมหน้าต่าง มองดูดวงไฟนับพันนับหมื่นจากบ้านเรือนต่าง ๆ ในใจเกิดความรู้สึกหวิว ๆ

รถที่จอดอยู่หน้าประตูเขตชุมชน แขนของเฉินถิงเซียวพาดออกมาอยู่นอกหน้าต่างรถ บุหรี่ที่คีบอยู่หว่างนิ้วมีควันบุหรี่ลอยขึ้น เขานั่งพิงอยู่ที่เบาะอย่างเหม่อลอย

จนกระทั่งโทรศัพท์เริ่มสั่นไม่หยุด เขาแค่หยิบมาดูเวลาแวบหนึ่ง และแล้วก็ถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว

โทรศัพท์มีข้อความเข้าสั่นอย่างไม่หยุด เฉินถิงเซียวโยนลงข้าง ๆ โดยไม่แม้แต่จะมอง 

เขาดึงมือกลับ หยิบที่เขี่ยบุหรี่มาด้านหน้า แล้วดีดขี้เถ้าบุหรี่มวนนั้นลงไป

จากนั้นเขาก็ทำการดูดครั้งสุดท้ายแล้วก็โยนก้นบุหรี่ทิ้งแล้วก็ขับรถจากไป

……

ในวันแรกของปีใหม่ เมืองหู้หยางมีหิมะตก

มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็รู้สึกว่าด้านนอกหนาวมาก

เธอหาเสื้อนวมขนนกที่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ใส่ให้กับเฉินมู่ เฉินมู่ที่รูปร่างจ้ำม่ำเล็กน้อย เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เช่นนี้ จึงดูเป็นก้อนกลม ๆ 

เฉินมู่ไม่อยากจะใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เช่นนี้ เธอกางแขนออก แล้วเบ้ปากกล่าว “ขยับไม่ได้แล้ว ตอนนี้หนูเหมือนกับแพนกวิ้นเลย”

“ไม่นะ แพนกวิ้นไม่น่ารักเท่าหนู” มู่น่อนน่อนใส่หมวกให้กับเฉินมู่ แล้วหยิกที่แก้มของเธอกล่าวประโยคนี้ขึ้น

“แม่ หนูรู้ค่ะว่าแม่อยากให้หนูใส่เสื้อตัวนี้ถึงได้พูดแบบนี้” เฉินมู่ดึงแขนเสื้อของตัวเองราวกับมองทุกอย่างออก

มู่น่อนน่อนอดยิ้มไม่ได้ “เปล่า แม่พูดความจริงจ้ะ”

“ผู้ใหญ่ชอบหลอกเด็ก”

“มู่มู่คิดถึงผม และผมก็มีเวลาว่างพอดี เป็นธรรมดาที่จะต้องมา” เฉินถิงเซียวนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางที่ราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวจงใจ

ถ้าเขาบอกตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเขาว่าง ก็ไม่เป็นไรเลยถ้าจะพาเฉินมู่ไปฉลองปีใหม่กับเขา

แต่นี่เขากลับวิ่งมาที่บ้านของเธอติดต่อกันสองวัน ทำให้เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวนั้นจงใจทำแบบนี้

แต่ว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร 

มู่น่อนน่อนไม่เข้าใจความคิดของเฉินถิงเซียว แต่ก็ไม่สามารถที่จะห้ามเขามาที่บ้านของเธอได้ และก็ยิ่งไม่สามารถไล่เขา ทำได้เพียงยอมให้เฉินถิงเซียวทำตามที่เขาต้องการ

สามวันติดต่อกันที่เฉินถิงเซียวมาที่บ้านตรงเวลา 

และเหตุผลก็คือเฉินมู่

จนในที่สุด ตั้งแต่วันที่สามของปีใหม่ เฉินถิงเซียวก็ไม่มาอีก

เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จ ขณะที่มู่น่อนน่อนกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่นั้น ก็เห็นข่าวไปเข้าร่วมกิจกรรมของเฉินถิงเซียว

ที่แท้ไปเข้าร่วมกิจกรรมทางธุรกิจนี่เอง ถึงได้ไม่มีเวลามาที่นี่ 

มู่น่อนน่อนก็กลัวว่าเฉินถิงเซียวจะมาหา ตอนบ่ายจึงได้พาเฉินมู่ออกไปเดินเล่นข้างนอก

วันที่สามของปีใหม่ ยังคงมีกลิ่นอายบรรยากาศของการฉลอง

มู่น่อนน่อนพาเฉินมู่เดินเล่นตลอดทั้งช่วงบ่าย จากนั้นก็แวะทานอาหารเย็นกันข้างนอก

เธอพาเฉินมู่ไปด้วย เพื่อลดปัญหาอย่างอื่น แล้วก็แวะไปทานอาหารที่โรงแรมจีนติ่ง

ตอนที่ไปถึงโรงแรมจีนติ่งนั้น ก็เจอกับกู้จือหยั่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กู้จือหยั่นเหมือนอยากจะแต่งงานมีลูกแล้ว เมื่อเขาเห็นเฉินมู่ยิ้มตาหยีจนแทบจะมองไม่เห็นตา

เขาก็ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “มู่มู่มาทานข้าวเหรอจ๊ะ…..”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม