มู่น่อนน่อนหยุดชะงักเท้า แล้วหันกลับมามองทางโต๊ะอาหาร
เฉินถิงเซียวนั่งหันหลังให้กับเธอ ทานบะหมี่อยู่บนโต๊ะอาหารคนเดียว
โต๊ะอาหารไม่ได้ใหญ่มาก แต่กลับดูอ้างว้าง
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ที่เดิมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินมาที่โต๊ะอาหาร แล้วนั่งลงตรงด้านหน้าของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวราวกับไม่คิดว่าจู่ ๆ มู่น่อนน่อนจะเดินกลับมา สีหน้างุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปสองวินาทีถึงได้กลับคืนสู่สภาพมเย็นชาเช่นเดิม
“ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณ” มู่น่อนน่อนไม่คิดจะอ้อมค้อมกับเขา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาในตอนนี้ โอกาสเจอกันมีน้อยมาก จึงไม่จำเป็นที่จะต้องอ้อมค้อมอะไรกันอีก
เฉินถิงเซียวมองดูเธอแวบนึง แล้วสื่อให้เธอจงถามขึ้น
“มู่หวั่นขีอยู่ที่ไหน เธอยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า” มู่น่อนน่อนสังเกตดูปฏิกิริยาของเฉินถิงเซียว อยากจะเดาจากปฏิกิริยาของเขาว่ามู่หวั่นขีตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
เฉินถิงเซียวไม่ได้บอกว่ามู่หวั่นขีอยู่ที่ใด และก็ไม่ได้บอกว่ามู่หวั่นขีมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่กลับถามกลับหนึ่งประโยคอย่างเฉียบขาดว่า “คนตระกูลมู่มาหาคุณ?”
มู่น่อนน่อนตกใจเล็กน้อย เธอถามถึงเรื่องของมู่หวั่นขี เฉินถิงเซียวก็โยงเข้ากับเรื่องที่ตระกูลมู่มาหาเธออย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะรู้มาโดยตลอดว่าเฉินถิงเซียวนั้นฉลาด แต่ก็คิดไม่ถึงว่าไหวพริบของเฉินถิงเซียวถึงระดับนี้
“คุณไม่บอกก็ไม่เป็นไร” มู่น่อนน่อนไม่ได้คิดที่จะถามตอแยเฉินถิงเซียวอีก เพราะอย่างไรพวกเขาตอนนี้ก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีก
เฉินถิงเซียวไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอบคำถามของเธอ และก็ยิ่งไม่ใช่ภาระหน้าที่
“อาจจะตายไปแล้ว หรืออาจจะอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น” เฉินถิงเซียวมองมู่น่อนน่อนอย่างลึกซึ้งแวบนึง เขาได้ให้คำตอบที่คลุมเครือแก่เธอ
ประโยคนี้พูดกับไม่พูดก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก จ้องเฉินถิงเซียวไม่พูดไม่จา
เฉินถิงเซียวก็เงียบเช่นกันไม่พูดอะไรอีก และจดจ่ออยู่กับการทานบะหมี่ถ้วยนั้น
สักพักก็เห็นถึงก้นถ้วยของบะหมี่ถ้วยนั้น สิ่งที่ทำให้มู่น่อนน่อนประหลาดใจก็คือ เฉินถิงเซียวทานเสร็จก็เก็บถ้วยเข้าไปในห้องครัวด้วยตัวเอง อีกทั้งยังเปิดก๊อกน้ำ……
ณ จุดนี้ มู่น่อนน่อนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเฉินถิงเซียวจะล้างจานของตัวเอง
จนกระทั่งเฉินถิงเซียวหยิบถ้วยมาล้างใต้ก๊อกน้ำ มู่น่อนน่อนถึงได้กล้ามั่นใจว่าเฉินถิงเซียวกำลังล้างถ้วยของตัวเอง
นี่ทำให้มู่น่อนน่อนประหลาดใจมาก
ถ้วยหนึ่งใบ ตะเกียบหนึ่งคู่ เฉินถิงเซียวล้างเสร็จอย่างรวดเร็ว
เขาหันหลังเดินออกมา เห็นมู่น่อนน่อนยังนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร จึงเอ่ยปากขึ้น “เพราะที่นี่ไม่มีคนรับใช้ เรื่องของตัวเองก็ต้องทำด้วยตัวเอง”
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลงเล็กน้อย และฮึ่มออกมาหนึ่งที
เธอรู้ดีที่เฉินถิงเซียวคุณสามารถพูดประโยคนี้ ก็เพราะก่อนหน้านี้มู่น่อนน่อนบอกว่าเขาเห็นเธอเป็นคนรับใช้
มู่น่อนน่อนขี้เกียจจะไปสนใจเฉินถิงเซียวอีก แต่จู่ ๆ เฉินถิงเซียวกลับถามขึ้นด้วยความสนใจ “ทำไมคุณถึงถามเรื่องของมู่หวั่นขี คุณถามแทนคนของตระกูลมู่? หรือว่าตัวเองอยากรู้เอง”
“ฉันอยากรู้ไม่ได้หรือไง” มู่น่อนน่อนเลิกคิ้ว ถลึงตาใส่เฉินถิงเซียวแวบหนึ่ง
เฉินถิงเซียวจ้องมู่น่อนน่อนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “ถ้าหากพวกเขาอยากจะหาตัวมู่หวั่นขีเจอจริง ๆ คุณลองบอกพวกเขาไปสิว่ามู่หวั่นขีอยู่ในมือกำมือของผม ให้พวกเขามาหาผมได้เลย”
เฉินถิงเซียวให้คนตระกูลมู่มาหาเขา?
เขาทานบะหมี่จนสติสตางค์หายไปหมดหรืออย่างไร?
เมื่อสักครู่เฉินถิงเซียวได้พูดว่า มู่หวั่นขีอาจจะตายไปแล้ว หรืออาจจะอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น
ก็แสดงว่า ตอนที่อยู่เมือง M นั้น เฉินถิงเซียวได้ให้คนทรมานมู่หวั่นขีจริง ๆ แต่สุดท้ายก็ยังไว้ชีวิตเธอ
“คุณอยากให้คนของตระกูลมู่ไปหาคุณ และจะบอกกับพวกเขาด้วยตัวเอง” ตอนนี้มู่น่อนน่อนไม่เข้าใจว่าเฉินถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่ และก็ไม่เข้าใจว่าเขาคิดจะทำอะไร
ในความคิดของมู่น่อนน่อน เฉินถิงเซียวพูดแบบนี้รู้สึกไร้สาระสิ้นดี
เมื่อคิด ๆ ดู มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตัวเองไร้สาระยิ่งกว่าที่ในเวลาแบบนี้ตัวเองยังจะมานั่งคุยไร้สาระกับเฉินถิงเซียวที่นี่อีก
เธอลุกขึ้นผลักเก้าอี้ออกแล้วก็กลับไปที่ห้อง
เฉินถิงเซียวยืนอยู่ที่เดิม มองไปยังห้องนอนของมู่น่อนน่อนอยู่สองวินาที จากนั้นก็ดึงสายตากลับ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่เธอนั่งเมื่อสักครู่
มู่น่อนน่อนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าตัวเองนั้นคิดมากเกินไปแล้ว
บางทีเป็นเพราะเฉินมู่จริง ๆ เฉินถิงเซียวถึงได้มาทานอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่ากับเธอที่นี่……
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่มีการสนทนาสื่อสารกันอีก
ขณะที่มู่น่อนน่อนทำอาหารอยู่นั้น เฉินถิงเซียวทำหน้าที่ยื่นจาน เธอบอกต้องการอะไร เฉินถิงเซียวก็จะยื่นให้กับเธอ
ทั้งคู่สามัคคีกันอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีอะไรผิดพลาดแม้แต่อย่างเดียว
ราวกับคู่รักสามีภรรยาทั่วไป
ความคิดนี้ในเว็บขึ้นมาในหัวสมองของมู่น่อนน่อน สักพักก็จางหายไป
จนถึงวันนี้ ไม่ว่าในใจเธอจะมีความคิดมากมายเพียงใด ความคิดนั้นก็ถูกกลืนหายไปกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า
อาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าวางเรียงรายเต็มบนโต๊ะ
มู่น่อนน่อนยังถ่ายรูปอาหารแล้วอัปลง Weibo ด้วยยความตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้ฉินสุ่ยซานเคยบอกกับเธอว่า ให้เธอเปิด Weibo เป็นของตัวเอง และสร้างใกล้ชิดกับแฟนคลับ
หลังจากที่ เมืองพัง ของมู่น่อนน่อนทำการฉาย ก็ทำให้มีทั้งแฟนคลับจำนวนไม่น้อย ครึ่งต่อครึ่งเป็นทั้งกลุ่มแอนตี้และแฟนตัวยง
มีทั้งถูกคนชื่นชม และก็มีทั้งต่อว่าด่าทอ
Weibo ของมู่น่อนน่อนเพิ่งจะถูกอัป ก็มีคนมาแสดงความคิดเห็นแล้ว
ID ของคนนี้ธรรมดามาก ชื่อ “รัก น่อน” ได้แสดงความคิดเห็นเพียงสั้น ๆ ว่า “สุขสันต์วันส่งท้ายปีเก่า"
มู่น่อนน่อนจึงตอบกลับหนึ่งประโยค “เช่นกันค่ะ”
เฉินมู่สะกิดแขนของเธอ “แม่ ๆ ทานอาหารอย่าเล่นโทรศัพท์”
“จ้ะ ไม่เล่นโทรศัพท์จ้ะ” ตอนที่มู่น่อนน่อนวางโทรศัพท์ลงนั้น ก็เหลือบเห็นเฉินถิงเซียวอย่างไม่ตั้งใจที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ได้วางโทรศัพท์ลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...