ถ้าหากว่าเป็นวันปกติก็จะไม่ว่า มู่น่อนน่อนสามารถหาเหตุผลไล่เฉินถิงเซียวให้จากไปได้
แต่ว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า หลังจากครุ่นคิดพิจารณาแล้ว เธอไม่มีเหตุผลที่จะไล่เฉินถิงเซียวออกไปได้
เฉินมู่เป็นลูกสาวของพวกเขา ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง
พวกเขาแยกทางกันเพราะความรักสิ้นสุดลง เป็นปัญหาผู้ใหญ่ของพวกเขาทั้งสองคน ส่วนเฉินมู่อยากจะให้ทุกคนร่วมฉลองวันส่งท้ายปีพร้อมหน้าพร้อมตากัน มู่น่อนน่อนไม่อยากทำให้เธอผิดหวัง
หลังจากที่มู่น่อนน่อนไตร่ตรองดีแล้ว กดเสียงต่ำลงแล้วกล่าวกับเฉินถิงเซียว “ทานอาหารเสร็จก็หาเหตุผลจากไปด้วยตัวเอง”
เฉินถิงเซียวกล่าวเพียงเบา ๆ ว่า “วันส่งท้ายปีต้องรอฉลองให้ข้ามปีก่อน”
วันส่งท้ายปีต้องรอฉลองข้ามปี ดังนั้นความหมายของเขาก็คือต้องอยู่ถึงเที่ยงคืนอย่างนั้นเหรอ?
“คุณ……” มู่น่อนน่อนมองดูเฉินถิงเซียว พูดอะไรไม่ออก
เธอจะพูดอะไรได้ล่ะ
วันส่งท้ายปีต้องรอฉลองให้ข้ามปีจริง ๆ
เมื่อคิด ๆ ดู เฉินมู่เป็นเพียงเด็กน้อย จะต้องอยู่ไม่ถึงเที่ยงคืนก็นอนหลับแล้ว
เมื่อเฉินมู่นอนหลับแล้ว เธอก็สามารถไล่เฉินถิงเซียวไปได้
เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจของมู่น่อนน่อนก็รู้สึกดีขึ้น จึงหันหลังแล้วเข้าไปในห้องครัว
……
เพราะว่ามีเฉินถิงเซียวเพิ่มขึ้นอีกคน มู่น่อนน่อนจึงได้เพิ่มอาหารที่เดิมทีได้เตรียมไว้แล้วอีกสองสามอย่าง
ตอนกลางวันได้ทานไปนิดหน่อย เน้นอาหารเย็นเป็นหลัก
หลายวันมานี้เฉินมู่ไม่ได้เจอกับเฉินถิงเซียว จึงติดเขาแจ
เฉินถิงเซียวเองก็มีความอดทนที่จะหยอกล้อกับเฉินมู่ มู่น่อนน่อนปอกผลไม้และขนมเตรียมไว้เป็นอาหารว่างให้กับเฉินมู่
ตอนที่เธอยกอาหารว่างเหล่านี้มานั้น ก็เห็นสองพ่อลูกนั่งอยู่เข้าด้วยกันและกำลังเล่นเกมปริศนากันอยู่
เฉินถิงเซียวเอนหลังพิงโซฟาอย่างขี้เกียจ ดูแล้วผ่อนคลายมาก
มือข้างหนึ่งของเขาพาดวางอยู่บนหลังโซฟา ส่วนเฉินมู่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ เขา โดยอุ้มแท็บเล็ต
ไว้ในอ้อมแขน ได้เอนครึ่งตัวพิงอยู่ที่ลำตัวของเฉินถิงเซียว ท่าทางขี้เกียจเหมือนกับเฉินถิงเซียว
ดวงตาของเฉินถิงเซียว จ้องไปยังแท็บเล็ตที่อยู่ในอ้อมแขนของเฉินมู่ แม้จะเป็นเพียงการเล่นเกมกับเด็กน้อย แต่ท่าทางของเขาก็ดูให้ความสนใจและจริงจัง
เมื่อเฉินมู่เผชิญกับส่วนที่ตัวเองเล่นไม่เป็น ก็จะหันหน้าไปมองเฉินถิงเซียว ส่วนเฉินถิงเซียวก็จะยื่นมือไปช่วยเธอ
เวลานี้ สายตาของเฉินมู่ก็จะเป็นประกายขึ้น มุมปากของเฉินถิงเซียวก็จะโค้งขึ้นโดยไร้ร่องรอย
อาจเป็นเพราะมู่น่อนน่อนแอบดูอยู่สักพักหนึ่งแล้ว เฉินถิงเซียวจึงได้หันมามองทางเธอ
เขาหันมามองอย่างกะทันหันเกินไป มู่น่อนน่อนที่ดึงสายตากลับมาไม่ทัน สายตาของทั้งคู่จึงประสานกัน
หัวใจของมู่น่อนน่อนราวกับถูกทำให้ตกใจ จึงตื่นเต้นขึ้นอย่างรวดเร็วในทันใด
ก่อนที่เธอลนลานเบือนหน้าหนี เฉินถิงเซียวได้เบนสายตาไปด้วยสีหน้าที่เย็นช้าตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว
หัวใจของมู่น่อนน่อนหน่วงขึ้นฉับพลัน เธอหรี่ตาลง วางอาหารว่างลงแล้วก็หันหลังจากไป
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ค่อนข้างไกลจากโซฟา ถือโทรศัพท์เลื่อนไปมาอย่างไรจุดหมาย
ไม่ว่าจะเปิดดูเว็บไหน ด้านบนก็เป็นคำอวยพรส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
มู่น่อนน่อนดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกเบื่อไม่สนุก
จึงหันหน้าไปมองทางโซฟา ก็พบว่าเฉินถิงเซียวกำลังมองมาทางเธอ
จากนั้น เฉินถิงเซียวกดเสียงเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค “ลูกหลับไปแล้ว”
ที่แท้เฉินมู่นอนหลับไปแล้ว
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามา เฉินมู่นอนพิงหลับอยู่บนตัวของเฉินถิงเซียวแล้วจริง ๆ แท็บเล็ตได้ถูกเฉินถิงเซียวหยิบมาวางไว้ข้าง ๆ แล้ว
มู่น่อนน่อนโน้มตัวลงเพื่อจะอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา แต่กลับถูกเฉินถิงเซียวใช้มือขวางไว้
มู่น่อนน่อนมองเฉินถิงเซียวด้วยความไม่เข้าใจ “คุณต้องการอะไรอีก”
ใบหน้าของเฉินถิงเซียวไม่เปลี่ยนแปลง แววตาไร้อารมณ์ใด ๆ “ผมจะอุ้มเธอกลับไปที่ห้องเอง คุณเปิดประตู”
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วดึงมือกลับ จากนั้นลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องของเฉินมู่
เธอเดินสองก้าว ก็หันกลับมามองด้านหลัง
พอดีกับเฉินถิงเซียวที่กำลังอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา
เฉินมู่ใกล้จะสิบห้ากิโลกรัมแล้ว บางทีเธอนอนหลับอยู่ด้านนอก มู่น่อนน่อนโน้มตัวไปอุ้มเธอนั้น ต้องใช้แรงเยอะพอสมควร
แต่สำหรับเฉินถิงเซียว น้ำหนักแค่นี้ของเฉินมู่นั้นสบายมาก เขาอุ้มเฉินมู่ขึ้นมาอย่างง่ายดาย
มู่น่อนน่อนอยู่ด้านหน้าคอยเปิดประตูให้ เฉินถิงเซียวอุ้มเฉินมู่เดินตามติด ๆ เข้าไปในห้องนอน
ทันทีที่เขาวางเฉินมู่ลงบนเตียง มู่น่อนน่อนก็เข้ามาห่มผ้าห่มให้เธอ
จนกระทั่งเดินออกมาห้องของเฉินมู่ ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้มีการสื่อสารกัน
จากการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฉินถิงเซียวตั้งแต่เช้าจนมาถึงตอนนี้ ล้วนเป็นเพราะมีเฉินมู่อยู่ มู่น่อนน่อน ถึงได้ไม่รู้สึกอึดอัดมาก
แต่ตอนนี้เฉินมู่ได้นอนหลับแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ แล้วเธอจะอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียวกับเฉินถิงเซียวได้อย่างไร
มู่น่อนน่อนออกมาจากห้อง แล้วก็เดินตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง
“มู่น่อนน่อน”
ต่อให้เธอจะเดินเร็วมากแค่ไหน ก็ไม่เร็วเท่ากับเสียงของเฉินถิงเซียว
เธอจะทำเป็นไม่ได้ยินได้อย่างไร จึงจำใจหยุดชะงักเท้าขึ้น แต่ไม่ได้หันกลับมา จากนั้นเอ่ยปากถามเขา “มีอะไร?”
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวค่อนข้างจริงจัง มู่น่อนน่อนนึกว่าเขาจะมีธุระอะไร
แต่หลังจากที่สองวินาทีผ่านไป เฉินถิงเซียว กลับพูดเพียงสามคำ “ผมหิวแล้ว”
อาหารเที่ยงของวันนี้ทานไปค่อนข้างเร็วก็จริง แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงบ่ายสาม นี่เขาหิวเร็วขนาดนั้นเชียวหรือ
มู่น่อนน่อนหันไปมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “เฉินถิงเซียว คุณเห็นฉันเป็นคนรับใช้หรือไง”
“ผมไม่สามารถมีลูกกับคนรับใช้ได้หรอกนะ” เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วเบา ๆ สีหน้าของเขาที่ดูไม่จริงจัง แต่กลับดังก้องอยู่ในใบหูของมู่น่อนน่อน ที่รู้สึกคล้ายกับหยอกล้อเธอ
มู่น่อนน่อนที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เธอกำมือแน่น และเอ่ยปากทันที “รอสักครู่”
มู่น่อนน่อนตกใจ อันที่จริงแล้วเมื่อสักครู่นั้นเธอลังเลมาก แต่เมื่อเอ่ยปากกลับกลายเป็นว่าเธอตกลงจะทำอาหารให้เฉินถิงเซียวทาน
อาหารกลางวันเธอไม่ได้ทำเยอะ จึงไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ในใจนึกอยากแก้แค้น เธออยากต้องเพียงซุปแกงจืดอย่างลวก ๆ ให้กับเฉินถิงเซียว
แต่เมื่อไปถึงห้องครัว ด้วยนิสัยเคยชินเธอกลับหยิบเนื้อมาออกมาจากตู้เย็น แล้วทำบะหมี่เนื้อตุ๋นให้กับเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนจ้องบะหมี่เนื้อตุ๋นที่ทำเสร็จสรรพ ยื่นมือมาจับประคองอยู่ที่เคาน์เตอร์อ่างล้างจาน โดยที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
มู่น่อนน่อนนะมู่น่อนน่อน เธอนี่ไม่เอาไหนซะเลย
พวกเธอเลิกลากันตั้งนานแล้ว เฉินถิงเซียวก็มีรักใหม่แล้ว เธอยังจะเป็นห่วงเป็นใยเขาอีกทำไมกัน
ไม่แปลกใจเลยที่คนมักจะพูดว่าผู้หญิงนั้นมักปากไม่ตรงกับใจ ชอบหลอกตัวเอง
มู่น่อนน่อนหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง จากนั้นปิดฝากล่องพริกที่ได้เปิดไว้ปิดลงไป
ถือว่าเป็นศักดิ์ศรีสุดท้ายที่ให้กับตัวเองก็แล้วกัน แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ว่าเฉินถิงเซียวนั้นชอบทานเผ็ด
มู่น่อนน่อนสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกบะหมี่เนื้อออกไป
เฉินถิงเซียวได้นั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารแล้ว
เสียงดัง “ปัง” หนึ่งที มู่น่อนน่อนวางลงด้านหน้าของเฉินถิงเซียว ซุปน้ำบะหมี่ได้กระเด็นออกมา
เฉินถิงเซียวหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคนบะหมี่ที่อยู่ด้านใน จากนั้นถามขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติว่า “มีพริกหรือเปล่า”
“อยากได้ก็ไปเอาเองที่ห้องครัว ” มู่น่อนน่อนทิ้งประโยคนี้เสร็จ ก็หันหลังจะเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
เดินยังไม่ถึงสองก้าว ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องวันนั้นที่เจอเซียวชู่เหอในซูเปอร์มาร์เก็ต เซียวชู่เหอได้มาถามเรื่องของมู่หวั่นขี
ครั้งสุดท้ายที่เธอเจอมู่หวั่นขี คือตอนที่อยู่ในห้องชั้นใต้ดินในบ้านนั้นที่อยู่เมืองM
เฉินถิงเซียวจะต้องรู้ว่ามู่หวั่นขีอยู่ที่ไหนอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...