ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 687

ถ้าหากว่าเป็นวันปกติก็จะไม่ว่า มู่น่อนน่อนสามารถหาเหตุผลไล่เฉินถิงเซียวให้จากไปได้

แต่ว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า หลังจากครุ่นคิดพิจารณาแล้ว เธอไม่มีเหตุผลที่จะไล่เฉินถิงเซียวออกไปได้

เฉินมู่เป็นลูกสาวของพวกเขา ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง 

พวกเขาแยกทางกันเพราะความรักสิ้นสุดลง เป็นปัญหาผู้ใหญ่ของพวกเขาทั้งสองคน ส่วนเฉินมู่อยากจะให้ทุกคนร่วมฉลองวันส่งท้ายปีพร้อมหน้าพร้อมตากัน มู่น่อนน่อนไม่อยากทำให้เธอผิดหวัง

หลังจากที่มู่น่อนน่อนไตร่ตรองดีแล้ว กดเสียงต่ำลงแล้วกล่าวกับเฉินถิงเซียว “ทานอาหารเสร็จก็หาเหตุผลจากไปด้วยตัวเอง”

เฉินถิงเซียวกล่าวเพียงเบา ๆ ว่า “วันส่งท้ายปีต้องรอฉลองให้ข้ามปีก่อน”

วันส่งท้ายปีต้องรอฉลองข้ามปี ดังนั้นความหมายของเขาก็คือต้องอยู่ถึงเที่ยงคืนอย่างนั้นเหรอ?

“คุณ……” มู่น่อนน่อนมองดูเฉินถิงเซียว พูดอะไรไม่ออก

เธอจะพูดอะไรได้ล่ะ

วันส่งท้ายปีต้องรอฉลองให้ข้ามปีจริง ๆ 

เมื่อคิด ๆ ดู เฉินมู่เป็นเพียงเด็กน้อย จะต้องอยู่ไม่ถึงเที่ยงคืนก็นอนหลับแล้ว

เมื่อเฉินมู่นอนหลับแล้ว เธอก็สามารถไล่เฉินถิงเซียวไปได้

เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจของมู่น่อนน่อนก็รู้สึกดีขึ้น จึงหันหลังแล้วเข้าไปในห้องครัว

……

เพราะว่ามีเฉินถิงเซียวเพิ่มขึ้นอีกคน มู่น่อนน่อนจึงได้เพิ่มอาหารที่เดิมทีได้เตรียมไว้แล้วอีกสองสามอย่าง

ตอนกลางวันได้ทานไปนิดหน่อย เน้นอาหารเย็นเป็นหลัก

หลายวันมานี้เฉินมู่ไม่ได้เจอกับเฉินถิงเซียว จึงติดเขาแจ

เฉินถิงเซียวเองก็มีความอดทนที่จะหยอกล้อกับเฉินมู่ มู่น่อนน่อนปอกผลไม้และขนมเตรียมไว้เป็นอาหารว่างให้กับเฉินมู่

ตอนที่เธอยกอาหารว่างเหล่านี้มานั้น ก็เห็นสองพ่อลูกนั่งอยู่เข้าด้วยกันและกำลังเล่นเกมปริศนากันอยู่

เฉินถิงเซียวเอนหลังพิงโซฟาอย่างขี้เกียจ ดูแล้วผ่อนคลายมาก

มือข้างหนึ่งของเขาพาดวางอยู่บนหลังโซฟา ส่วนเฉินมู่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ เขา โดยอุ้มแท็บเล็ต

ไว้ในอ้อมแขน ได้เอนครึ่งตัวพิงอยู่ที่ลำตัวของเฉินถิงเซียว ท่าทางขี้เกียจเหมือนกับเฉินถิงเซียว

ดวงตาของเฉินถิงเซียว จ้องไปยังแท็บเล็ตที่อยู่ในอ้อมแขนของเฉินมู่ แม้จะเป็นเพียงการเล่นเกมกับเด็กน้อย แต่ท่าทางของเขาก็ดูให้ความสนใจและจริงจัง

เมื่อเฉินมู่เผชิญกับส่วนที่ตัวเองเล่นไม่เป็น ก็จะหันหน้าไปมองเฉินถิงเซียว ส่วนเฉินถิงเซียวก็จะยื่นมือไปช่วยเธอ

เวลานี้ สายตาของเฉินมู่ก็จะเป็นประกายขึ้น มุมปากของเฉินถิงเซียวก็จะโค้งขึ้นโดยไร้ร่องรอย

อาจเป็นเพราะมู่น่อนน่อนแอบดูอยู่สักพักหนึ่งแล้ว  เฉินถิงเซียวจึงได้หันมามองทางเธอ

เขาหันมามองอย่างกะทันหันเกินไป มู่น่อนน่อนที่ดึงสายตากลับมาไม่ทัน สายตาของทั้งคู่จึงประสานกัน

หัวใจของมู่น่อนน่อนราวกับถูกทำให้ตกใจ จึงตื่นเต้นขึ้นอย่างรวดเร็วในทันใด

ก่อนที่เธอลนลานเบือนหน้าหนี เฉินถิงเซียวได้เบนสายตาไปด้วยสีหน้าที่เย็นช้าตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว

หัวใจของมู่น่อนน่อนหน่วงขึ้นฉับพลัน เธอหรี่ตาลง วางอาหารว่างลงแล้วก็หันหลังจากไป

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ค่อนข้างไกลจากโซฟา ถือโทรศัพท์เลื่อนไปมาอย่างไรจุดหมาย

ไม่ว่าจะเปิดดูเว็บไหน ด้านบนก็เป็นคำอวยพรส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

มู่น่อนน่อนดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกเบื่อไม่สนุก

จึงหันหน้าไปมองทางโซฟา ก็พบว่าเฉินถิงเซียวกำลังมองมาทางเธอ

จากนั้น เฉินถิงเซียวกดเสียงเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค “ลูกหลับไปแล้ว”

ที่แท้เฉินมู่นอนหลับไปแล้ว

มู่น่อนน่อนลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามา  เฉินมู่นอนพิงหลับอยู่บนตัวของเฉินถิงเซียวแล้วจริง ๆ แท็บเล็ตได้ถูกเฉินถิงเซียวหยิบมาวางไว้ข้าง ๆ แล้ว 

มู่น่อนน่อนโน้มตัวลงเพื่อจะอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา แต่กลับถูกเฉินถิงเซียวใช้มือขวางไว้

มู่น่อนน่อนมองเฉินถิงเซียวด้วยความไม่เข้าใจ “คุณต้องการอะไรอีก”

ใบหน้าของเฉินถิงเซียวไม่เปลี่ยนแปลง แววตาไร้อารมณ์ใด ๆ “ผมจะอุ้มเธอกลับไปที่ห้องเอง คุณเปิดประตู”

มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วดึงมือกลับ จากนั้นลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องของเฉินมู่

เธอเดินสองก้าว ก็หันกลับมามองด้านหลัง

พอดีกับเฉินถิงเซียวที่กำลังอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา 

เฉินมู่ใกล้จะสิบห้ากิโลกรัมแล้ว บางทีเธอนอนหลับอยู่ด้านนอก มู่น่อนน่อนโน้มตัวไปอุ้มเธอนั้น ต้องใช้แรงเยอะพอสมควร

แต่สำหรับเฉินถิงเซียว น้ำหนักแค่นี้ของเฉินมู่นั้นสบายมาก เขาอุ้มเฉินมู่ขึ้นมาอย่างง่ายดาย

มู่น่อนน่อนอยู่ด้านหน้าคอยเปิดประตูให้ เฉินถิงเซียวอุ้มเฉินมู่เดินตามติด ๆ เข้าไปในห้องนอน

ทันทีที่เขาวางเฉินมู่ลงบนเตียง มู่น่อนน่อนก็เข้ามาห่มผ้าห่มให้เธอ

จนกระทั่งเดินออกมาห้องของเฉินมู่ ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้มีการสื่อสารกัน

จากการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฉินถิงเซียวตั้งแต่เช้าจนมาถึงตอนนี้ ล้วนเป็นเพราะมีเฉินมู่อยู่ มู่น่อนน่อน ถึงได้ไม่รู้สึกอึดอัดมาก

แต่ตอนนี้เฉินมู่ได้นอนหลับแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ แล้วเธอจะอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียวกับเฉินถิงเซียวได้อย่างไร

มู่น่อนน่อนออกมาจากห้อง แล้วก็เดินตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง  

“มู่น่อนน่อน”

ต่อให้เธอจะเดินเร็วมากแค่ไหน ก็ไม่เร็วเท่ากับเสียงของเฉินถิงเซียว

เธอจะทำเป็นไม่ได้ยินได้อย่างไร จึงจำใจหยุดชะงักเท้าขึ้น แต่ไม่ได้หันกลับมา จากนั้นเอ่ยปากถามเขา “มีอะไร?”

น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวค่อนข้างจริงจัง มู่น่อนน่อนนึกว่าเขาจะมีธุระอะไร

แต่หลังจากที่สองวินาทีผ่านไป เฉินถิงเซียว กลับพูดเพียงสามคำ “ผมหิวแล้ว”

อาหารเที่ยงของวันนี้ทานไปค่อนข้างเร็วก็จริง แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงบ่ายสาม นี่เขาหิวเร็วขนาดนั้นเชียวหรือ

มู่น่อนน่อนหันไปมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “เฉินถิงเซียว คุณเห็นฉันเป็นคนรับใช้หรือไง”

“ผมไม่สามารถมีลูกกับคนรับใช้ได้หรอกนะ” เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วเบา ๆ สีหน้าของเขาที่ดูไม่จริงจัง แต่กลับดังก้องอยู่ในใบหูของมู่น่อนน่อน ที่รู้สึกคล้ายกับหยอกล้อเธอ

มู่น่อนน่อนที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เธอกำมือแน่น และเอ่ยปากทันที “รอสักครู่”

มู่น่อนน่อนตกใจ อันที่จริงแล้วเมื่อสักครู่นั้นเธอลังเลมาก แต่เมื่อเอ่ยปากกลับกลายเป็นว่าเธอตกลงจะทำอาหารให้เฉินถิงเซียวทาน

อาหารกลางวันเธอไม่ได้ทำเยอะ จึงไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่

มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ในใจนึกอยากแก้แค้น เธออยากต้องเพียงซุปแกงจืดอย่างลวก ๆ ให้กับเฉินถิงเซียว

แต่เมื่อไปถึงห้องครัว ด้วยนิสัยเคยชินเธอกลับหยิบเนื้อมาออกมาจากตู้เย็น แล้วทำบะหมี่เนื้อตุ๋นให้กับเฉินถิงเซียว

มู่น่อนน่อนจ้องบะหมี่เนื้อตุ๋นที่ทำเสร็จสรรพ ยื่นมือมาจับประคองอยู่ที่เคาน์เตอร์อ่างล้างจาน โดยที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

มู่น่อนน่อนนะมู่น่อนน่อน เธอนี่ไม่เอาไหนซะเลย

พวกเธอเลิกลากันตั้งนานแล้ว เฉินถิงเซียวก็มีรักใหม่แล้ว เธอยังจะเป็นห่วงเป็นใยเขาอีกทำไมกัน

ไม่แปลกใจเลยที่คนมักจะพูดว่าผู้หญิงนั้นมักปากไม่ตรงกับใจ ชอบหลอกตัวเอง

มู่น่อนน่อนหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง จากนั้นปิดฝากล่องพริกที่ได้เปิดไว้ปิดลงไป

ถือว่าเป็นศักดิ์ศรีสุดท้ายที่ให้กับตัวเองก็แล้วกัน แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ว่าเฉินถิงเซียวนั้นชอบทานเผ็ด

มู่น่อนน่อนสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกบะหมี่เนื้อออกไป

เฉินถิงเซียวได้นั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารแล้ว

เสียงดัง “ปัง”  หนึ่งที มู่น่อนน่อนวางลงด้านหน้าของเฉินถิงเซียว ซุปน้ำบะหมี่ได้กระเด็นออกมา

เฉินถิงเซียวหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคนบะหมี่ที่อยู่ด้านใน จากนั้นถามขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติว่า “มีพริกหรือเปล่า”

“อยากได้ก็ไปเอาเองที่ห้องครัว ” มู่น่อนน่อนทิ้งประโยคนี้เสร็จ ก็หันหลังจะเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

เดินยังไม่ถึงสองก้าว ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องวันนั้นที่เจอเซียวชู่เหอในซูเปอร์มาร์เก็ต เซียวชู่เหอได้มาถามเรื่องของมู่หวั่นขี

ครั้งสุดท้ายที่เธอเจอมู่หวั่นขี คือตอนที่อยู่ในห้องชั้นใต้ดินในบ้านนั้นที่อยู่เมืองM

เฉินถิงเซียวจะต้องรู้ว่ามู่หวั่นขีอยู่ที่ไหนอย่างแน่นอน 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม