มองข้ามเรื่องที่มู่สือยั่นที่โทรมา ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นจนกระทั่งถึงวันที่รุ่งขึ้นของวันส่งท้ายปีเก่า
เช้าตรู่ของวันส่งท้ายปีเก่า มู่น่อนน่อนพาเฉินมู่เลือกวัสดุอาหารพร้อมกัน
มู่น่อนน่อนนำผักที่เฉินมู่ชอบทานมาวางไว้ในตะกร้า และยังย้ายเก้าอี้เล็ก ๆ มาวางไว้ด้านหน้าอ่างล้างจานให้กับเฉินมู่ ให้เธอได้ล้างผักด้วยตัวเอง
ส่วนมู่น่อนน่อนยืนล้างผักอยู่ด้านหน้าอ้างล้างจาน ทั้งสองคนต่างคุยกันเป็นระยะ ๆ
เฉินมู่ดูฉลาดกว่าแต่ก่อนขึ้นเยอะ แต่ยังคงเป็นภาษาประสาเด็ก ๆ ดูน่ารักมาก
พูด ๆ อยู่ จู่ ๆ เฉินมู่ได้ถามมู่น่อนน่อนขึ้น “คุณพ่อจะมาเมื่อไรคะ คืนนี้เหรอคะ”
ตอนที่อยู่บ้านนั้น เฉินถิงเซียวไปทำงานที่บริษัท มักจะกลับบ้านตอนดึก ๆ เป็นประจำ จนกลายเป็นความทรงจำของเฉินมู่ ว่าคุณพ่อชอบปรากฏตัวตอนกลางคืน
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้อธิบายกับเฉินมู่ว่า “ไม่ค่ะ คุณพ่อไม่มาจ้ะ คุณพ่อมีธุระ”
“แต่ว่า คุณแม่เพิ่งบอกเองว่าปีใหม่ทุกคนต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ทำไมคุณพ่อถึงไม่มาล่ะคะ” เฉินมู่เบิกตาโตมองมาทางมู่น่อนน่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
มู่น่อนน่อนจึงเงียบลงไป เธอจะอธิบายกับเฉินมู่อย่างไรดี เธอกับเฉินถิงเซียวจะไม่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว
“เพราะเหตุผลบางอย่าง แม่กับคุณพ่อจึงไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก แม่กับคุณพ่อไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันแล้ว” มู่น่อนน่อนอยากจะใช้คำพูดง่าย ๆ อธิบายให้กับเฉินมู่
คิ้วน้อย ๆ ของเฉินมู่ได้ขมวดขึ้น เธอครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้น “ทำไมถึงไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันคะ หรือว่าเขาไม่ใช่เป็นคุณพ่อหนู”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้าแล้วยิ้ม “แน่นอนว่าคุณพ่อเป็นครอบครัวเดียวกันกับหนู เมื่อกี้แม่หมายถึงแม่กับคุณพ่อไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันแล้ว”
เฉินมู่พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจไม่เข้าใจ
มู่น่อนน่อนนึกว่าเธอเข้าใจแล้ว และก็ยอมรับคำพูดของเธอ
แต่สักพัก เฉินมู่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองมาทางเธอ “แต่ว่าคุณพ่อรักคุณแม่”
“อะไรนะ” มู่น่อนน่อนคิดไม่ถึงว่า เฉินมู่จะพูดคำเหล่านี้ได้
“ในทีวี คุณพ่อล้วนรักคุณแม่”
มู่น่อนน่อนนึกขึ้นได้ มีช่วงหนึ่งที่เฉินมู่ชอบดูการ์ตูนมาก
ในการ์ตูนนมักจะปรากฏคำพูด"คุณพ่อรักคุณแม่"เป็นประจำ
มู่น่อนน่อนยังคิดไม่ออกว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี เฉินมู่ก็กล่าวต่อว่า “คุณพ่อไม่รักคุณแม่แล้วเหรอคะ ดังนั้นพวกท่านจึงไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกันอีก”
มู่น่อนน่อนอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
เฉินมู่เหมือนจะพูดไม่ผิด
โลกของเด็กน้อยช่างบริสุทธิ์มาก พวกเขาเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ก็มีเพียงสองด้านเท่านั้น
ถูกหรือผิด ขาวหรือดำ
“ใช่จ้ะ หนู……” เสียงกริ่งประตูดังขึ้นขัดจังหวะคำพูดของมู่น่อนน่อน
เฉินมู่ดวงตาเป็นประกาย หันมามองทางมู่น่อนน่อนแล้วยิ้ม “คุณพ่อมาแล้ว!”
เมื่อพูดจบก็กระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งไปด้านนอกห้องครัว เพื่อจะไปเปิดประตู
“มู่มู่ ช้า ๆ หน่อย” มู่น่อนน่อนรีบเดินตาม กลัวว่าวิ่งเร็วแล้วจะล้มหัวคะมำ
เฉินมู่วิ่งมาถึงที่ประตู ยืนเขย่งปลายเท้าด้วยความพยายามจนแตะโดนลูกบิดประตู และหมุนลูกบิดประตูอย่างแรงเพื่อเปิดประตู
มู่น่อนน่อนมองดูอยู่ข้าง ๆ อดสงสารในใจไม่ได้
เฉินมู่เปิดประตูด้วยความดีใจขนาดนี้ คงคิดว่าเป็นการมาของเฉินถิงเซียว
แต่คนที่อยู่นอกประตู เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนทนเห็นเฉินมู่ผิดหวังไม่ได้ แต่ก็ทำได้เพียงดูเฉินมู่ผิดหวัง
มู่น่อนน่อนหมุนลูกบิดเบา ๆ ก็สามารถบิดออก เฉินมู่ตัวเล็ก ๆ แทบจะห้อยต่องแต่งอยู่บนลูกบิดประตู และใช้ความพยายามอยู่สักพักถึงจะเปิดลูกบิดออก
เฉินถิงเซียวตามเฉินมู่เดินเข้าไปในห้องครัว ก็เห็นผักที่อยู่ในอ่างล้างจาน และเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงด้านหน้า
ก่อนหน้านั้นเขาเคยพักอยู่ที่นี่ช่วงระยะหนึ่ง จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับที่นี่
“คุณแม่ล้างผักเยอะกว่าหนู คุณพ่อช่วยคุณแม่นะ” เฉินมู่ชี้ไปทางผักข้าง ๆ ที่มู่น่อนน่อนยังล้างไม่เสร็จ
มู่น่อนน่อนเข้ามาได้ยินคำพูดนี้ของเฉินมู่พอดี เธอเดินสองก้าวมาด้านหน้า แล้วยืนอยู่ด้านหน้าอ่างล้างหน้า บังสายตาของเฉินถิงเซียว “เอาน้ำไหม”
“อืม” เฉินถิงเซียวพยักหน้า
“อย่างนั้นก็ดีค่ะ คุณออกมา ฉันจะรินน้ำให้” มู่น่อนน่อนหันมามองทางเฉินมู่อีกครั้ง “แม่จะออกไปรินน้ำให้คุณพ่อ หนูอย่าดื้อนะ อย่าทำให้แขนเสื้อเปียกล่ะ”
เฉินมู่พยักหน้าอย่างงุนงง “ค่ะ”
มู่น่อนน่อนเดินออกจากห้องก่อน
เธอเดินไปที่หน้าต่างที่อยู่ไกลจากห้องครัวพอสมควร แน่ใจว่าเฉินมู่จะมองไม่เห็นที่นี่ และก็ไม่ได้ยินคำพูดที่เธอจะคุยกับเฉินถิงเซียว จึงได้หยุดชะงักลง
เธอหันไปมองเฉินถิงเซียวที่เดินตามมา น้ำเสียงเย็นชา “คุณมาทำไม”
“วันส่งท้ายปีเก่า” เฉินถิงเซียวยืนอยู่ด้านหน้าเธอ น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้หัวใจของมู่น่อนน่อนร้อนรนอย่างอธิบายไม่ถูก
“คุณมีนัดไม่ใช่เหรอ เวลาเช่นนี้คุณน่าจะอยู่ฉลองกับซูเหมียนถึงจะถูก มาที่นี่ทำไม” ทันทีที่คำพูดเปล่งออก มู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้ที่จะกัดลิ้นของตัวเอง
คุยอยู่ดีๆ ไปเอ่ยถึงซูเหมียนทำไม!
กลัวเฉินถิงเซียวไม่รู้เหรอว่าเธอคอยสนใจความเคลื่อนไหวของเขา?
เธอได้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เฉินถิงเซียวอาจเตรียมพร้อมที่จะหัวเราะเยาะ แต่เฉินถิงเซียวกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเธอเอ่ยถึงซูเหมียน และได้ข้ามประโยคตรงกลางนั้นไปแล้วกล่าวขึ้น “ได้ยกเลิกการนัดกะทันหัน ก็เลยมาฉลองส่งท้ายปีเก่ากับมู่มู่”
เขาเพิกเฉยต่อคำพูดประโยคกลางนั้นที่เธอเอ่ยถึงซูเหมียน ทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกเหมือนเขาจะมอบบันไดให้เธอได้เดินลง
ถึงแม้เธอจะไม่อยากฉลองส่งท้ายปีกับเฉินถิงเซียวที่นี่ แต่ว่าเขาได้มาแล้ว และมู่มู่ก็มีความสุขมาก เธออยากจะฉลองวันส่งท้ายปีด้วยกันกับมู่มู่…..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...