ฉันน่ะ...เศรษฐีนีตัวแม่จ้า นิยาย บท 47

สรุปบท บทที่ 47 สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือฉัน?: ฉันน่ะ...เศรษฐีนีตัวแม่จ้า

บทที่ 47 สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือฉัน? – ตอนที่ต้องอ่านของ ฉันน่ะ...เศรษฐีนีตัวแม่จ้า

ตอนนี้ของ ฉันน่ะ...เศรษฐีนีตัวแม่จ้า โดย Anonymous ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 47 สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือฉัน? จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เย่ชิงหลีแสยะยิ้ม!

“ฉางซินเอ๋อร์ เธอคิดว่าทอดสะพานให้เผยจิ้นโม่แล้วคนทั่วทั้งโลกจะยอมอ่อนข้อให้เธอเหรอ? นี่เธอยังคิดว่ายกตัวเองสูงส่งเลิศหรูมากเลยเหรอ!”

“……”

“การแข่งขันแบบนั้น เธอเคยเข้าร่วมมาก่อนเหรอ? ภายในงานล้วนเป็นดีไซเนอร์ยอดเยี่ยมมารวมตัวกัน คณะกรรมการต่างมาจากทั่วทุกมุมโลก ถึงแม้ไม่มีฉันเธอก็อย่าคิดว่าเธอจะชนะได้จริงๆ? หรือว่าสิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือฉันงั้นสิ?”

เย่ชิงหลีพูดอย่างไม่สบอารมณ์!

ผู้หญิงคนนี้ หลังจากทอดสะพานให้เผยจิ้นโม่ จนไร้ความยับยั้งชั่งใจ คิดอยากจะทำอะไรก็ทำเลย...!

เมื่อก่อนกลับไม่รู้มาก่อน ผู้หญิงคนนี้มีหมดทุกอย่าง แต่กลับไม่มีมันสมอง

“ระหว่างเธอกับเผยจิ้นโม่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้! หรือว่าเรื่องนี้เธอไม่รู้?”

“งานของฉันกับเขามันไร้ความขัดแย้งกันมั้ง?”

หึ!

งานเลี้ยงดินเนอร์สามงานรวดภายในหนึ่งสัปดาห์ ปรากฏว่าทำให้มันสมองของผู้หญิงคนนี้เกิดความผิดปกติขึ้นมา

ฉางซินเอ๋อร์ “เธอรู้สึกว่า การที่เราสองคนปรากฏตัวในงานแข่งขันเดียวกัน จะเกิดคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรบ้าง?”

“ที่แท้เธอก็เป็นห่วงเรื่องนี้นี่เอง!” ก็ใช่นะ ระยะนี้ภายในมีข่าวลือของเธอจนเละตุ้มเป๊ะไปหมดแล้ว

เหตุเพราะเผยจิ้นโม่ออกงานเลี้ยงสามครั้งภายในหนึ่งสัปดาห์จึงค่อยกอบกู้ขึ้นมาได้บ้าง

แต่ตระกูลเผยไม่ยอมรับกับเรื่องนี้ ทุกคน กำลังปรึกษาหารือกัน เพียงแต่ไม่ได้เพลี่ยงพล้ำเหมือนแต่ก่อนเท่านั้นเอง

ถ้าหากพวกเธอสองคนปรากฏตัวอยู่ในงานแข่งขันเดียวกัน เช่นนั้นลำดับต่อไปก็จะเกิดเหตุการณ์ใดยิ่งไม่ต้องพูดถึง

มันไม่ง่ายเลยที่จะปิดความคิดเห็นต่างๆ ได้ คงต้องโดนโยงเอามาเปรียบเทียบอีกรอบ ฉางซินเอ๋อร์รู้ดีอยู่แก่ใจ รู้ดีว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ ดังนั้นทุกคนย่อมโอนเอียงไปทางเย่ชิงหลี

เหตุนี้ จึงไม่ให้เธอปรากฏตัวเหรอ?

“งั้นเธอก็ไม่ต้องไปร่วมแข่งขันสิ!” เย่ชิงหลีพูดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะที่ลำบากใจไม่ใช่ทางเธอ แล้วทำไมหล่อนพูดว่าไม่ให้ไปร่วมแข่งก็ต้องไม่ไปด้วยล่ะ?

“ชิงหลี เธอมันไม่คำนึงถึงเรื่องระหว่างเราสักนิดหนึ่งจริงๆ ...”

“หยุดก่อน ระหว่างเราไม่มีมิตรภาพ!”

มิตรภาพ เมื่อมันหลุดออกมาจากปากของผู้หญิงคนนี้ เย่ชิงหลีรู้สึกขยะแขยง และก็ไม่รู้ว่าเธอหลุดปากพูดออกมาได้อย่างไร

“ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว!” เมื่อครู่ยังพูดตั้งแง่อยู่เลย พริบตาเดียว สงบนิ่งทันที!

โดยไม่รอให้เย่ชิงหลีพูดอะไรต่อ

พลันตัดสายจากทางนั้นทิ้งทันที

“โครม!” โทรศัพท์ถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะอย่างรุนแรง

เมื่อครุ่นคิดสักพัก จึงหยิบขึ้นมา

พลันกดโทรออกทันที

เป็นเบอร์โทรศัพท์บ้าน!

ทางนั้น รับสายอย่างรวดเร็ว “สวัสดีค่ะ สำนักงานสาขาลี่สุ่ยค่ะ!”

“ฉันขอสอบถามสักหน่อยค่ะ อุบัติเหตุทางการรักษาของคุณหญิงซูซือยิน มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้วคะ”

เย่ชิงหลี เริ่มเบื่อขึ้นมาจริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะต้องจัดการสอดส่องเรื่องความคืบหน้าของคุณยายทางนี้แล้วล่ะก็ ชั่วชีวิตเธอไม่อยากมานั่งรอแล้วรอเล่าอยู่ที่แห่งนี้หรอก!

แน่นอนว่า ยกเว้นเฟิ่งซี

ที่นี่ เป็นสถานที่ที่คุณยายกับมารดาเคยอาศัยอยู่มาก่อน

ถ้าหากพูดว่าเมืองลี่เฉิงนี้สร้างความคิดถึงแก่เธอ น่าจะเป็นเพราะสถานที่แห่งนี้แหละมั้ง?

ช่วงเวลาตอนบ่าย!

ฉีลั่วโทรศัพท์มาหา

“ฉีลั่ว”

“ทางเมืองซีโจว งานแสดงนิทรรศการผลงานของพวกเราเกิดปัญหาเล็กน้อย”

เย่ชิงหลี “ปัญหาเรื่องอะไร?”

“ผลงานที่ทางเราส่งไป ตอนที่กำลังตรวจสอบอยู่นั้น ได้แจ้งว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับผลงานของดีไซเนอร์ที่ชื่อบาลอน ทางนั้นเลยบอกว่า...”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ โทนน้ำเสียงฉีลั่วชะงักทันที

ไม่ต้องให้พูดต่อ เย่ชิงหลีย่อมรู้ว่าเหตุผลของทางนั้นคืออะไร

การแข่งขันของเมืองซีโจวจะจัดครั้งเดียวในรอบสิบปี!

แต่ละอันดับย่อมมีอำนาจอย่างแน่นอน

เขาคิดว่า หลายปีมานี้ความสำเร็จทั้งหมดเย่ชิงหลีมาจากไหนเหรอ? เหมือนกับฉางซินเอ๋อร์ที่ได้มาจากการหลับนอนหรือไง?

สวรรค์ ซึ่งไม่เคยทำร้ายคนที่ขยันขันแข็ง ข้อแตกต่างระหว่างความขยันขันแข็งกับการไม่ทำอะไร มันอยู่ตรงนี้แหละ

น้ำเสียงป้าเจิ้งไม่ถือว่าดีนัก “คุณหนูอดตาหลับขับตานอนมาหลายคืนแล้ว เพื่อเตรียมเรื่องงานการแข่งขันใหญ่ของเมืองซีโจวนั่นค่ะ”

เมื่อเผยจิ้นโม่ได้ยิน แววตาเคร่งขรึมลง

แต่กลับไม่ได้พูดอะไร!

พลางมุ่งหน้าเดินไปหาห้องสตูดิโอของเย่ชิงหลีอย่างชำนาญทาง

ภายในห้องสตูดิโอ

เย่ชิงหลีกำลังโทรศัพท์ “เรื่องนี้เห็นอยู่ทนโท่ว่าฉางซินเอ๋อร์เป็นคนทำ คุณช่วยตรวจสอบให้ชัดเจนแทนฉันที...!”

เย่ชิงหลีกำลังโมโหจนพุ่งปรี๊ด อยู่ในโทรศัพท์

เมื่อเห็นผลงานของดีไซเนอร์ฉบับนั้นที่ฉีลั่วส่งมา ล้วนเป็นต้นฉบับของตนเอง...ทั้งหมด! และไม่มีการแก้ไขใดๆ เลย

ส่วนตอนที่วาดต้นฉบับใบนั้นออกมา มีฉางซินเอ๋อร์กับฉางหวีอยู่กับเธอ ตอนนั้นพวกเธอก็พูดว่ามันสวยมาก

“โอเคครับ ผมจะไปจัดการ อย่าโมโหเลยครับ!”

“ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกอายบ้างเลยเหรอ?” เย่ชิงหลีที่ควบคุมอารมณ์ตนเองไว้ได้ตลอด แต่ในขณะนี้ กลับไร้การควบคุมเสียแล้ว

ฉางซินเอ๋อร์คนนี้นับวันยิ่งพูดไม่เรื่องขึ้นไปทุกที

แถมยังลงมือทำเรื่องพรรค์นี้ก่อนการแข่งขันครั้งใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นการบีบบังคับให้เธอยอมถอนตัวออกจากการแข่งขัน?

ซึ่งก่อนหน้านี้ยังพูดว่าหล่อนไม่มีสมอง เธอผิดเองแหละ! คนประเภทนี้ไม่ใช่ไม่มีมันสมอง ก็แค่ไม่ได้ใช้สมองให้ถูกที่ในสถานที่เหมาะที่ควรก็เท่านั้นเอง

ใส่ร้ายคน สร้างกับดักอยู่ตลอด

“งั้นเธออยากจะจัดการยังไง?” ลี่เลี่ยที่อยู่ปลายสายฟังน้ำเสียงเย่ชิงหลีออกว่ากำลังโกรธจัด เวลานี้จึงคอยพูดตะล่อมอารมณ์ของเธอให้เย็นลง

ยัยตัวแสบนี่นะสองปีมานี้อารมณ์ร้อนขึ้นทุกวัน

เย่ชิงหลีโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้ว ตอนที่ได้ยินลี่เลี่ยพูดว่าจะจัดการยังไง พลางได้ยินเธอพูดตัดบททันที “ไปทำให้เธอเสียสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันสิ!”

“ปึง!” เพิ่งพูดจบ บานประตูสตูดิโอก็กระแทกจนชนติดกับกำแพงอย่างรุนแรง

เย่ชิงหลีที่ตกใจจนเกือบทำโทรศัพท์หล่นลงพื้น พลันหันมองมาอย่างรวดเร็ว แวบแรก... รูม่านตาหดตัวลงอย่างยั้งไว้ไม่อยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันน่ะ...เศรษฐีนีตัวแม่จ้า