หากคุณหนูตระกูลใดในเมืองหลวงมีความสามารถพิเศษอะไร ก็ล้วนจะถูกนำมาป่าวประกาศอย่างครึกโครม เพราะความสามารถเช่นนี้สามารถเป็นคะแนนเพิ่มตอนแต่งงานออกไปได้ เป็นสิ่งที่ทำให้เรือนสามีมองนางสูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
อวี๋จืออี้ยิ้มบางๆ พลางเปลี่ยนเรื่องสนทนา “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องในครั้งนี้ก็คลี่คลายลงอย่างราบรื่นแล้ว ท่านแม่ก็สามารถนอนตาหลับได้แล้ว”
“เพียงแต่ สะใภ้มีเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้องเจ้าค่ะ”
เหยาซื่อเก็บความคิดฟุ้งซ่านกลับมา เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “เรื่องอันใดหรือ?”
อวี๋จืออี้เอ่ยว่า “ลูกอยากจะจัดห้อง ห้องหนึ่งในเรือนหลินเฟิง เพื่อใช้สำหรับบูชาป้ายบรรพจารย์โดยเฉพาะ ข้าเป็นคนในสำนักเสวียนให้ความสำคัญกับการสืบทอดมากที่สุด หากการเซ่นไหว้บูชาขาดช่วงไป ท่านบรรพจารย์เกิดไม่พอใจขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นบ้าง”
เหยาซื่อยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็นึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร! เรือนหลินเฟิงเป็นเรือนพักของเจ้า เจ้าอยากจะตกแต่งอย่างไรก็ตกแต่งไปเถิด ไม่ต้องมารายงานข้าอีก”
นางมองไปยังเย่กูกูที่อยู่ข้างกาย “เบิกเงินหนึ่งพันตำลึงจากบัญชีของข้าให้ฮูหยินน้อยด้วย”
แล้วเอ่ยกับอวี๋จืออี้อีกว่า “หากไม่พอ เจ้าค่อยมาบอกข้าอีกที”
อวี๋จืออี้นิ่งงันไปเล็กน้อย ครู่ต่อมาจึงแย้มยิ้มบางๆ “พอแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านแม่”
ตอนที่นางอยู่ที่จวนสกุลอวี๋ ก็เคยเสนอคำขอเดียวกันนี้เช่นกัน
แต่กลับถูกท่านเจ้ากรมอวี๋และฮูหยินปฏิเสธซ้ำสอง
ต่อมา อวี๋เจียวเจียวกลับระเบิดเรือนที่ดีที่สุดหลังหนึ่งในจวนสกุลอวี๋ทิ้ง แล้วเปลี่ยนให้เป็นสวนดอกไม้
สองสามีภรรยาเจ้ากรมอวี๋และพี่ชายทั้งห้า กลับพากันปรบมือส่งเสียงชื่นชม
นับตั้งแต่นั้นมา อวี๋จืออี้ก็ยิ่งตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับอวี๋เจียวเจียวมากขึ้น และไม่เคยเสนอคำขอใดๆ อีกเลย
เดิมทีนางคิดว่าเหยาซื่อคงจะบ่ายเบี่ยงปฏิเสธเช่นกัน ถึงขั้นเตรียมพร้อมไว้แล้วว่าหากถูกปฏิเสธ จะเปลี่ยนร้านค้าเล็กๆ ในตรอกที่อยู่ในมือร้านหนึ่งให้เป็นห้องบูชาเครื่องหอมแทน
ไม่คิดว่าเหยาซื่อจะใจกว้างถึงเพียงนี้
แม้ว่า... เหยาซื่ออาจเป็นเพียงเพราะมองเห็นคุณค่าในตัวนางเท่านั้น
แต่เมื่อก่อน นางก็เคยใช้ความสามารถทางวิชาเร้นลับช่วยท่านเจ้ากรมอวี๋แยกแยะคนทรยศที่อยู่ข้างกาย แต่ท่านเจ้ากรมอวี๋กลับคิดว่านางเพียงบังเอิญระบุตัวตนของคนร้ายได้ ไม่เชื่อเลยว่านางมีความสามารถจริงๆ
แม้แต่อวี๋ฮูหยินและเหล่าพี่ชาย ก็ยังคิดว่านางกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมอุบาย เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเขา
น้องห้า อวี๋จื่อเซวียนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “เลิกเล่นลูกไม้ตื้นๆ พวกนี้เสียที ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ในใจของพวกเรา เจ้าก็เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บของเจียวเจียว มีแต่จะทำให้พวกเรายิ่งรังเกียจเจ้ามากขึ้นเท่านั้น”
อวี๋จืออี้เงียบไปชั่วครู่
นางมองใบหน้าของเหยาซื่อแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ไม่ได้พบท่านยายนานแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
เหยาซื่อนิ่งงันไปเล็กน้อยก่อนจะเข้าใจ ว่า “ท่านยาย” ที่อวี๋จืออี้พูดถึงนั้นหมายถึงมารดาของตนนั่นเอง
นางถอนหายใจ “หลายวันก่อนข้ามัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องแต่งงานของพวกเจ้า เดิมทีวันแต่งงานท่านยายของเจ้าจะมาด้วย แต่จู่ๆ ก็เป็นไข้หวัดขึ้นมา ข้าไม่อยากให้นางต้องลำบากเดินทางทั้งที่ป่วยอยู่ จึงไม่ได้ให้นางมา”
อวี๋จืออี้พยักหน้าเบาๆ “พรุ่งนี้ก็ไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ท่านแม่ก็มีเวลาว่างแล้ว กลับไปเยี่ยมเยียนได้นะเจ้าคะ”
นางมองเห็นจากใบหน้าของเหยาซื่อว่า ตำแหน่งพ่อแม่ของนางมืดคล้ำ โดยเฉพาะตำแหน่งที่บ่งบอกถึงมารดา ยิ่งมีรัศมีโลหิตล้อมรอบอยู่
บ่งบอกว่ามารดาของเหยาซื่อจะมีเคราะห์เลือดในเร็ววันนี้
เหยาซื่อถูกนางพูดจนในใจรู้สึกไม่มั่นคง
หากเมื่อวานอวี๋จืออี้พูดเรื่องเหล่านี้กับนาง นางย่อมต้องคิดว่าลูกสะใภ้หาหนทางใหม่เพราะไม่ได้รับความรักจากบุตรชายของนาง คิดจะเล่นลูกไม้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่สามี
แต่เพิ่งจะผ่านเรื่องของฮูหยินอู่อันโหวมาหมาดๆ นางจึงไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองและประมาทอีกต่อไป
“ได้ พรุ่งนี้หลังจากพวกเจ้ากลับไปเยี่ยมเรือนแล้ว ข้าก็จะกลับไปดูเสียหน่อย”
อวี๋จืออี้ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
แต่มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ลักษณะบนใบหน้าของเหยาซื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว
คนอย่างนางก็เป็นเช่นนี้ คนให้เกียรตินางหนึ่งเชียะ นางให้เกียรติกลับไปหนึ่งจ้าง
อีกอย่าง ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้นางก็ยังออกจากจวนอัครมหาเสนาบดีไม่ได้ ในเมื่อแม่สามีไว้หน้านาง นางก็ยินดีที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชะตานี้ ข้าคือผู้กำหนด