อวี๋จืออี้รู้สึกว่า ขอเพียงตู้จื่อเหิงไม่มารบกวนนางในภายภาคหน้า ใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปในจวนตู้ก็ดีไม่น้อย
อีกไม่นาน นางก็จะสะสมหยกเลิศล้ำสำหรับสร้างค่ายกลได้มากพอ
ค่ายกลรวบรวมพลังปราณที่สามารถครอบคลุมเรือนหลินเฟิงของนางได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องใช้หยกชั้นยอดมูลค่าสิบหมื่นตำลึง
หากต้องการจะวางค่ายกลเสริมประโยชน์ใช้สอยอื่น ๆ เช่น ค่ายกลป้องกันไปพร้อมกัน หยกที่ต้องการก็จะยิ่งมากขึ้น
ชาติก่อน แม้ว่านางจะติดตามจางเทียนซุ่นก้าวหน้าในตำแหน่ง แต่ก็ยังไม่สามารถใช้หยกวางค่ายกลรวบรวมพลังปราณและค่ายกลป้องกันไปพร้อมกันได้
การเดินทัพทำศึกต้องใช้เงินมากเกินไป อีกทั้งศัตรูทางการเมืองก็มักจะหาทางหักเบี้ยเลี้ยงและเสบียงอาหาร นางไม่อาจปล่อยให้ทหารอดตายได้ จึงทำได้เพียงนำเงินเก็บของตนเองออกมาใช้
จวนอัครมหาเสนาบดีร่ำรวยถึงเพียงนี้ ทั้งยังไม่ได้ทำเรื่องใดที่ต้องผลาญเงินเลย
ที่สำคัญที่สุดคือ ท่าทีของตู้จื่อเหิงแสดงออกชัดเจน นางสามารถนอนตีพุงได้อย่างสบายใจ เงินในคลังส่วนตัวมีแต่เข้าไม่มีออก
ส่วนเรื่องค่ายกลนั้น แม้จะไม่อาจใช้หยกได้ แต่ก็สามารถใช้ยันต์กระดาษแทนชั่วคราวได้
เพียงแต่พลังของยันต์กระดาษนั้นไม่เพียงพอ ทั้งยังเสียหายได้ง่ายจากสาเหตุต่าง ๆ นานา เมื่อใดที่ยันต์กระดาษเสียหาย ก็จะหมดสิ้นฤทธิ์ไป
ตอนนี้นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
อวี๋จืออี้เริ่มวาดอาคม
หลังจากวุ่นวายอยู่ครึ่งค่อนคืน ในที่สุดนางก็วาดกระดาษยันต์ที่ต้องใช้ในการวางค่ายกลป้องกันเสร็จสิ้นทั้งหมด
วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้า นางอ้างว่าจะเที่ยวชมจวน แล้วเริ่มเดินเล่นไปทั่ว
ดูผิวเผินคือการเดินเล่น แต่แท้จริงแล้วคือการฝังกระดาษยันต์ซึ่งใช้แทนธงค่ายกลไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม
จื่อยวนกระซิบกระซาบอยู่ข้างหูนาง
คุณหนูของตนเป็นฮูหยินน้อยตัวจริง จื่อยวนย่อมต้องสืบข่าวเรื่องเรือนกวานเยว่มาไม่น้อย “เมื่อวานหลังจากท่านเขย กลับมาก็ตรงไปที่เรือนกวานเยว่ทันที แต่คนผู้นั้นในเรือนกวานเยว่ไม่ยอมให้เขาเข้าประตู”
“ฮ่าๆ ท่านเขย นี่ช่างไร้ความสามารถเสียจริง เขาถูกคนกักไว้ด้านนอก ก็รออยู่ด้านนอกจริงๆ ตั้งครึ่งคืน กว่าจะถูกปล่อยให้เข้าไปก็ตอนยามดึกแล้ว”
“ได้ยินว่าวันนี้เขานอนจนถึงยามเหม่าถึงได้ตื่น เวลานี้ ที่สำนักศึกษาก็เลิกเรียนภาคเช้าไปแล้ว”
เมื่อรู้ว่าคุณหนูของตนสนใจแต่เรื่องเงิน ไม่ได้ต้องการความรักใคร่เอ็นดู แม้ว่าจื่อยวนจะยังรู้สึกไม่คุ้มค่าแทนคุณหนูอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดจะวุ่นวายกับการทำให้ท่านเขย เห็นความดีของคุณหนูอีกต่อไป
เรื่องราวเกี่ยวกับเรือนกวานเยว่ นางล้วนเล่าเป็นเรื่องตลกให้คุณหนูของตนฟัง หวังว่าจะทำให้คุณหนูอารมณ์ดีได้
เรื่องเช่นนี้หากเกิดในเรือนหลังของผู้อื่นคงเป็นเรื่องใหญ่โต คุณหนูของบ้านคงจะอกแตกตายเป็นแน่ แต่นางรู้ดีว่าที่คุณหนูเอ่ยว่าไม่ใส่ใจนั้น คือไม่ใส่ใจจริงๆ ทั้งยังยินดีที่จะดูละครฉากนี้ด้วย
อวี๋จืออี้รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่จริงๆ “มิน่าเล่า ตู้จื่อเหิงถึงต้องรอการสอบขุนนางครั้งหน้าจึงจะสามารถสอบได้จอหงวน”
มีนางปีศาจจอมยั่วยวนเช่นนี้ เขาอยากจะก้าวหน้าก็คงยากกระมัง
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาทั้งฉลาดและมีความสามารถ เดิมทีการสอบครั้งนี้ก็สามารถสอบได้ตำแหน่งสูงแล้ว
เดินมาถึงที่แห่งหนึ่ง อวี๋จืออี้พลันชะงักฝีเท้า
เพียงเห็นบนสะพานหินที่ไม่ไกลออกไป มีสตรีผู้หนึ่งยืนกอดอกอยู่
สตรีนางนั้นสวมชุดกระโปรงสีดำรัดรูป เผยให้เห็นรูปร่างอันเร่าร้อน ทว่ากลับมีใบหน้าที่เย็นชา
แม้จะเย็นชา แต่ก็งดงามอย่างแท้จริง
จื่อยวนเตือน “คุณหนู นั่นคือคนผู้นั้นจากเรือนกวานเยว่เจ้าค่ะ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋จืออี้ได้เผชิญหน้ากับอนุภรรยาของสามีตนเอง
หากเป็นชาติก่อน หากจางเทียนซุ่นกล้าเลี้ยงดูหญิงอื่นนอกเรือน นางคงจะให้เขาคุกเข่าบนกระดานซักผ้าไปนานแล้ว ทั้งยังจัดการสตรีเหล่านั้นจนสยบราบคาบ
ทว่ายามนี้นางกลับสงบนิ่งอย่างยิ่ง นางค่อย ๆ โบกพัดแพรเบาๆ รอคอยให้คนผู้นั้นเข้ามาอย่างเงียบๆ
โหยวปิงเย่ว์รออยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เห็นอวี๋จืออี้เดินเข้ามา ความเย็นชารอบกายยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
ครู่ต่อมา นางเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชา
เมื่อเข้ามาใกล้ ใบหน้าของโหยวปิงเย่ว์ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
นางราวกับบุปผาสูงส่งแห่งขุนเขาเทียนซาน งดงามและหยิ่งทะนง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชะตานี้ ข้าคือผู้กำหนด