รอยยิ้มของอวี๋ฮูหยินแข็งค้างไปเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็เอ่ยออกมาหน้าตาเฉยว่า “พอดีในตระกูลมีเรื่องด่วนเกิดขึ้นนิดหน่อย พวกเขาไปจัดการสักครู่ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
อวี๋จืออี้แสดงสีหน้าราวกับเพิ่งเข้าใจกระจ่าง “ต้องการให้จื่อเหิงช่วยเหลือหรือไม่เจ้าคะ?”
อวี๋ฮูหยินส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก...”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ท่านเจ้ากรมอวี๋และบุตรชายทั้งห้าสกุลอวี๋ก็มาถึงพอดี
อวี๋ฮูหยินก้าวเข้าไปหา “เรื่องในตระกูลจัดการเรียบร้อยแล้วหรือเจ้าคะ?”
ท่านเจ้ากรมอวี๋เข้าใจความหมาย “จัดการเรียบร้อยแล้ว”
แล้วมองไปยังตู้จื่อเหิง “ลูกเขย อี้เอ๋อร์ พ่อก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องด่วนขึ้นมา พวกเจ้าอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย!”
ตู้จื่อเหิงยิ้มแต่หน้าไม่ยิ้ม “ไม่มีใครอยากให้ในตระกูลเกิดเรื่องขึ้นหรอก แล้วข้าจะโทษท่านพ่อตาได้อย่างไรเล่า?”
หากฟังตามตรงก็คือความหมายว่าไม่โทษ แต่หากฟังกลับกัน ก็ใช่ว่าจะตีความไปอีกอย่างไม่ได้
ท่านเจ้ากรมอวี๋ไม่กลัวจะถูกบรรพบุรุษเคียดแค้นถึงขั้นเอาตระกูลอวี๋ของตนมาโกหกแล้ว แล้วเขาจะหน้าด้านเซ้าซี้ต่อไปได้อย่างไร
ท่านเจ้ากรมอวี๋ไม่รู้ว่าฟังคำเสียดสีนั้นออกหรือไม่ เอาแต่หัวเราะเหอะๆ พลางเชิญคนทั้งสองเข้าจวนไป
ที่นั่งสำหรับบุรุษและสตรีถูกแยกออกจากกัน
ฝั่งที่นั่งบุรุษพูดคุยหัวเราะกันอย่างครื้นเครง กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบตู้จื่อเหิง คอยรินสุราและเอ่ยคำยกยอปอปั้น
ส่วนฝั่งที่นั่งสตรี อวี๋จืออี้นั่งอย่างสง่างาม ชุดสีแดงงดงามหรูหราที่สวมใส่อยู่เปล่งประกายเจิดจรัส ทุกคนต่างลืมเรื่องเหลวไหลที่อวี๋เจียวเจียวเพิ่งพูดไปเมื่อครู่จนหมดสิ้น
คุณชายตู้ยอมมอบเสื้อผ้าราคาแพงเช่นนี้ให้อวี๋จืออี้แล้ว แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรว่าจะไม่รักนาง?
อวี๋เจียวเจียวเกือบจะถูกรัศมีของอวี๋จืออี้แผดเผาดวงตา นางออกแรงมากเสียจนเกือบจะจิกฝ่ามือตนเองจนทะลุ
หลังอาหารมื้อนั้นสิ้นสุดลง อวี๋เจียวเจียวก็ดักอวี๋จืออี้ไว้ที่ปลายสุดของระเบียงทางเดินอันไร้ผู้คน “นังตัวปลอม เจ้าใช้ลูกไม้อันใดกันแน่ ถึงได้หลอกล่อให้ตู้จื่อเหิงยอมมาส่งเจ้ากลับเยี่ยมเรือนได้?”
อวี๋จืออี้ทำหน้าฉงน “วันกลับเยี่ยมเรือน เจ้าบ่าวตามเจ้าสาวกลับบ้านเดิมของเจ้าสาว ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องตามหลักฟ้าดินหรอกหรือ?”
อวี๋เจียวเจียวรู้สึกราวกับมีลูกศรปักกลางอก
ถูกต้องตามหลักฟ้าดินบ้านเจ้าสิ!
ตู้จื่อเหิงไอ้ผู้ชายชั่วนั่น ชาติก่อนไม่ได้ตามนางกลับมาด้วยชัดๆ!
ไม่เพียงแต่ไม่ตามนางกลับมา ยังปล่อยให้นังแพศยาโหยวปิงเย่ว์นั่นทำร้ายนางจนบาดเจ็บ วางยาพิษชนิดที่หากไม่กินยาถอนพิษก็จะตายให้นางอีก!
ทำให้นางไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีกเป็นเวลานาน ทั้งยังไม่กล้าไปหานังแพศยานั่นซึ่งๆ หน้าอีก
อวี๋จืออี้มองสีหน้าสงสัยในชีวิตของอวี๋เจียวเจียว พลางหัวเราะเบาๆ ในใจ
นางเพียงแค่บอกว่าถูกต้องตามหลักฟ้าดิน แต่ไม่ได้บอกว่านางไม่ได้ใช้ลูกไม้อะไร
อวี๋เจียวเจียวคิดไปเอง โทษนางไม่ได้
อวี๋เจียวเจียวเพิ่งจะสงบสติอารมณ์ลงได้ด้วยความยากลำบาก มองใบหน้าที่ดึงดูดภมรของอวี๋จืออี้ ในแววตาก็ฉายประกายความอิจฉาริษยาออกมาวูบหนึ่ง
ตู้จื่อเหิงต้องหลงใหลในความงามของนังตัวปลอมนี่ ถึงได้ถูกนางยั่วยวนไป
อะไรกันที่บอกว่าหากไม่ใช่โหยวปิงเย่ว์ก็ไม่เอา ไอ้คนสารเลวสองใจ!
เมื่อเห็นอวี๋จืออี้ยิ้มอย่างอ่อนหวานและมีความสุข นางก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าคิดว่าตู้จื่อเหิงตามเจ้ากลับมาเยี่ยมเรือนแล้วจะรักเจ้าจริงๆ น่ะหรือ? อย่าโง่ไปหน่อยเลย เขามีเรือนทองซ่อนสาวงามไว้นานแล้ว! สตรีนางนั้นต่างหากคือรักแท้ที่เขาเก็บไว้บนปลายใจอย่างแท้จริง ส่วนเจ้า— ก็เป็นเพียงคนที่เขาจำต้องแต่งกลับไปประดับหน้าตาเพราะถูกเหยาซื่อบีบบังคับเท่านั้น!”
“อีกไม่นาน เจ้าก็จะถูกสตรีนางนั้นปีนขึ้นจมูกเหยียบขึ้นหน้า ถึงตอนนั้น เจ้าก็จะได้รู้ว่าตนเองน่าสมเพชเพียงใด!”
อวี๋จืออี้เผยยิ้มเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม
อวี๋เจียวเจียวรู้สึกว่านางช่างแปลกประหลาด “เจ้าโง่ไปแล้วหรือ? เป็นถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังยิ้มออกอีกหรือ?”
“ข้าซาบซึ้งใจน่ะสิ น้องหญิงน่ะ แม้แต่นกน้อยนางแอ่นข้างกายน้องเขยยังจัดการไม่เรียบร้อย ก็ยังมาเป็นห่วงเป็นใยข้า น้ำใจเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้สึกเป็นสุขจนอยากหัวเราะออกมาได้อย่างไร?”
อวี๋เจียวเจียว “...”
อย่าคิดว่าข้าฟังไม่ออกนะว่าเจ้ากำลังเสียดสีข้า!


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชะตานี้ ข้าคือผู้กำหนด