จะฝ่ามือหรือหลังมือก็คือเนื้อ!
“ข้ามีปณิธานจะปกป้องชาติบ้านเมือง แต่ตอนนี้เป็นยุคแห่งความสงบสุข ทุกที่สงบไร้สงคราม วิชาความรู้ที่ข้าได้ร่ำเรียนมา จึงไร้ซึ่งโอกาสได้ใช้!"
ความฝันของซูเฉินนั้นเรียบง่าย เขาไม่ได้ปรารถนาที่จะรบราฆ่าฟันเพื่อขยายดินแดน เพียงแต่หวังว่าจะสามารถปกป้องความสงบสุขของพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้เท่านั้น
“นั่นก็ไม่แน่!”
เจียงอวี้พลันเอ่ยแทรกขึ้นมา เขายกชาขึ้นจิบหนึ่งอึก นิ้วมือที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนกำลังหมุนถ้วยชา พลางถูเบาๆ
“เจียงอวี้ ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
ไม่เพียงแต่ซูเฉินที่มองเขาอย่างงุนงง แม้แต่เจียงอวิ๋นเฮ่อเองก็ยังอยากฟังเรื่องราวต่อ
“เจ้าไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงย่อมไม่เข้าใจสถานการณ์หลายอย่างเป็นธรรมดา แม้ข้าจะไม่ได้ปักหลักอยู่ที่เมืองหลวง แต่ก็ได้ยินเรื่องการเมืองหลายอย่างมาบ้าง
"แคว้นจิ้นอันยิ่งใหญ่ของเราสามารถมีช่วงเวลาอันรุ่งเรืองได้ถึงทุกวันนี้ ล้วนอาศัยการแผ่ขยายดินแดนและวางรากฐานของบรรพบุรุษ บรรดาแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ได้สร้างความสำเร็จบนกองกระดูกของผู้คนมากมาย แคว้นจิ้นมีภูเขาที่งดงาม สายน้ำที่อุดมสมบูรณ์ แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล และมีพื้นที่อันมั่งคั่งอยู่เป็นจำนวนมาก แต่บริเวณชายแดนส่วนใหญ่กลับแห้งแล้งรกร้าง หลายพื้นที่ถึงขั้นไร้พืชพรรณธัญญาหาร พวกชนเผ่าเร่ร่อนไม่พอใจในสภาพที่เป็นอยู่ จึงคอยจ้องจะฮุบเอาพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์บางส่วนตามแนวชายแดนของเราไป และมักจะรุกรานชาวบ้านตามชายแดน เผาทำลาย ปล้นสะดม และก่อกรรมทำชั่วทุกรูปแบบ
บางชนเผ่าก็กระสับกระส่ายเตรียมก่อความวุ่นวาย แอบรวมกำลังกันอย่างลับๆ ในทุกปีในช่วงเวลาที่มาถวายเครื่องบรรณาการ ก็ยังกล้าที่จะยั่วยุอย่างเปิดเผย ไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตา การศึกครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเกิดขึ้น หากชนะ ก็จะสามารถแลกมาซึ่งความสงบสุขได้อย่างน้อยหนึ่งร้อยปี แต่ถ้าหากแพ้ ประชาชนก็จะอยู่อย่างยากลำบาก และความรุ่งเรืองที่ได้มาอย่างยากเย็นก็จะพังทลาย กลับไปสู่สภาพการพลัดถิ่นพเนจรเหมือนเมื่อก่อนในชั่วพริบตา ดังนั้นที่เจ้าบอกว่าอยากปกป้องชาติบ้านเมืองน่ะ เจ้ามีโอกาสได้แสดงฝีมืออย่างแน่นอน!"
นี่ก็ถือว่าเขาให้การยืนยันแล้ว ตามหลักแล้ว คนที่ไม่ได้อยู่ในราชสำนักไม่ควรก้าวก่ายกิจการของแคว้น แต่ตอนนี้พวกเขาก็แค่พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวเท่านั้น จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
“จริงหรือ?” เจียงอวิ๋นเฮ่อปลีกตัวไปใช้ชีวิตเรียบง่ายมาเป็นสิบปีแล้ว ย่อมไม่รู้ข่าวคราวเหล่านี้เป็นธรรมดา
"ไม่มีทางปลอมหรอก ข้าก็ได้ยินมาจากตาเฒ่านั่นแหละ” เจียงอวี้จะพูดก็ต่อเมื่อได้ข่าวที่แน่ชัดแล้วเท่านั้น เรื่องไร้สาระที่เลื่อนลอย เขาย่อมไม่มีทางพูดสุ่มสี่สุ่มห้า
“ชนเผ่าเร่ร่อนแข็งแกร่งและมีกำลังพลมาก หากพวกเขาผนึกกำลังกันโจมตีชายแดนจริง นั่นก็จะเป็นเรื่องที่รับมือได้ยาก” เจียงอวิ๋นเฮ่อวิเคราะห์ถึงข้อดีข้อเสียได้อย่างรวดเร็ว พลางเผยสีหน้าลำบากใจ
เขาเองก็ไม่อยากเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ยุคแห่งความรุ่งเรืองนั้นได้มาอย่างยากลำบาก ทันทีที่เกิดสงคราม ภายในแคว้นก็ต้องได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย
“ตอนนี้ก็ได้จัดระเบียบกำลังพลและม้ากันอย่างลับๆ แล้ว ทันทีที่ชายแดนอยู่ในภาวะวิกฤต สงครามก็จะปะทุขึ้นทันที!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...