เงินหลักสิบหลักร้อยตำนึง นางกลับมีวิธีหามาได้อย่างง่ายดาย
“พี่ใหญ่ก็เก่งมากเหมือนกัน อีกหน่อยพี่ใหญ่ก็จะคว้าตำแหน่งจอหงวน[1]กลับมาให้พวกเราอีก ที่พวกเราทำอยู่ก็แค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้นเอง!" ซูหว่านเริ่มดึงบทสนทนาเข้าเรื่องการสอบขุนนาง
"หวานหว่าน เจ้าชมพี่เกินไปแล้ว จอหงวนน่ะ คิดจะสอบก็สอบได้เสียที่ไหนกัน” ซูจิ่งยังคงถ่อมตน เขาไม่กล้าฝันว่าตัวเองจะได้ยืนในตำแหน่งที่สูงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม เขาก็ใช้สิ่งนี้เป็นเป้าหมายในความพยายามมาโดยตลอด มีเพียงตำแหน่งจอหงวนเท่านั้นที่แสดงถึงความรู้ความสามารถที่แท้จริง ทั้งยังเป็นบทพิสูจน์แห่งความพากเพียรในการศึกษาเล่าเรียนของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตำแหน่งปั้งเหยี่ยนก็ถือเป็นรองจากจอหงวน ส่วนทั่นฮวาก็ต้องเพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและคุณสมบัติ เขาย่อมไม่ปรารถนาให้ใครต่อใครกล่าวว่าตนเองเป็นเพียงคนที่ดีแต่เปลือกนอก
"พี่ใหญ่ทำได้แน่นอน ว่าแต่ พี่ใหญ่มีความมั่นใจในการสอบหน้าพระที่นั่งมากน้อยแค่ไหนหรือ” ซูหว่านยังคงชักจูงอีกฝ่าย
"พี่พอมีความมั่นใจว่าจะได้เข้าไปถึงการสอบหน้าพระที่นั่ง ส่วนจะติดสิบอันดับแรกหรือไม่ พี่ไม่กล้ารับประกัน ฝ่าบาทพระองค์นี้ทรงปรีชาล้ำเลิศ ข้อสอบแต่ละปีก็ยากมากจนเหล่าบัณฑิตพากันหืดขึ้นคอ ไม่รู้ว่าปีหน้าหัวข้อการสอบจะง่ายลงบ้างไหม!"
ยังไม่ทันที่ซูหว่านจะเข้าประเด็นเรื่องนี้ ซูจิ่งกลับพูดขึ้นมาเองเสียก่อน มิหนำซ้ำยังมีท่าทีเคร่งเครียดขึ้นมาทันควัน เห็นได้ว่าเขาก็กำลังกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
การสอบระดับท้องถิ่นก็ผ่านไปแล้ว การสอบระดับเมืองหลวงก็มีความมั่นใจ แต่การสอบหน้าพระที่นั่งในรอบสุดท้าย เขากลับไม่มั่นใจ
หัวข้อในการสอบหน้าพระนั่งในปีนี้เป็นหัวข้อที่ยากที่สุด เกี่ยวกับการจัดการอุทกภัย
ว่ากันตามกฎระเบียบ ตอนนี้ซูจิ่งมีตำแหน่งเป็นจวี่เหริน[2]แล้ว แต่เอกสารยังไม่ได้แทงลงมา เขาจึงยังคงเป็นแค่ซิ่วไฉ[3]อยู่ แม้ว่าการสอบระดับท้องถิ่นที่ผ่านมา เขาจะได้คะแนนเป็นอันดับสอง ทว่าเมื่อการสอบคัดเลือกขุนนางในครั้งนี้สิ้นสุดลง ไม่ว่าเขาจะสอบได้ตำแหน่งบัณฑิตจิ้นซื่อ[4]หรือไม่ แต่ด้วยตำแหน่งจวี่เหริน ครอบครัวของพวกเขาหลังจากนี้ก็จะได้รับการยกเว้นภาษี และได้รับเงินอุดหนุนเดือนละสองตำลึงและข้าวสารห้าโต่ว
ด้วยเหตุนี้เอง บ้านของเหอเจียวหลันถึงได้หมายมั่นปั้นมือกับซูจิ่งไว้อย่างเต็มที่
"แล้วพี่ใหญ่เคยคิดบ้างไหมว่าฝ่าบาทจะออกข้อสอบหัวข้ออะไร”
ซูหว่านยังคงถามเขาต่อ ซูจิ่งก็บอกความคิดเห็นของเขาออกไปโดยไม่ปิดบัง
"จากปีที่ผ่านๆมา ส่วนใหญ่หัวข้อในการสอบก็จะเกี่ยวกับนโยบาย หรือไม่ก็ลำนำบทกวี ฝ่าบาทพระองค์นี้ทรงโปรดปรานในดนตรีและกาพย์กลอน บัณฑิตทุกคนต่างบอกว่าการสอบครั้งนี้น่าจะเป็นเรื่องบทกวีและดนตรีเสียมากกว่า!"
ซูหว่านฟังแล้วพยักหน้าแสดงความเข้าใจ จากนั้นจึงต่อความคิดของตนเองออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อไม่นานมานี้เขายังได้ยินมาว่าชาวบ้านในได้ยินมาว่า ชาวบ้านแถบลุ่มน้ำเซวียนเหอต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เกือบทุกปีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดอุทกภัยขึ้นตลอด เมืองต่างๆ ในลุ่มน้ำตอนล่างถูกปกคลุมไปด้วยโคลนและทราย นาข้าวและทุ่งข้าวสาลีหลายพันหมู่เก็บเกี่ยวไม่ได้ เจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งไปจัดการเรื่องน้ำกลับรู้เพียงการถม ไม่สามารถแก้ไขต้นตอของปัญหาได้ ภัยพิบัติยังสร้างความเสียหายไม่หยุดหย่อน ภาษีก็ไม่ลดลง ทำให้พื้นที่ลุ่มน้ำเซวียนเหอยากจนข้นแค้นมาก
ฤดูใบไม้ผลิมีฝนตกชุก เมื่อต้นปีที่ผ่านมาอำเภอชิงเหอยังได้เข้าร่วมการระดมทุนบริจาคธัญพืชเพื่อบรรเทาสาธารณภัยด้วย ทุกพื้นที่ต่างเปิดคลังเพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย แต่ถ้าหากยังไม่สามารถขจัดอุทกภัยได้ ชาวบ้านแถบลุ่มน้ำเซวียนเหอก็จะไม่มีวันสงบสุข
"อำเภอชิงเหอไม่เคยประสบอุทกภัย อย่างมากก็แค่ดินถล่ม เขื่อนพัง ไม่ได้ก่อความเสียหายรุนแรงนัก วันนี้เองที่พี่ได้ตระหนักว่าพวกเราอาศัยอยู่ในพื้นที่สงบสุข ไม่เคยรู้เลยว่ายังมีที่อื่นที่ประสบกับความยากลำบาก ถ้าไม่มีคำพูดของหวานหว่านที่ปลุกพี่ให้ตาสว่าง เกรงว่าพี่จะยังคงลุ่มหลงอยู่ในลำนำบทกวีและความงานของธรรมชาติ"
[1] การสอบคัดเลือกขุนนางในสมัยโบราณแบ่งเป็น 4 ระดับ คือระดับอำเภอ ระดับท้องถิ่น ระดับเมืองหลวง และสุดท้ายก็คือการสอบหน้าพระที่นั่ง โดยผู้ที่มีคะแนนสูงสุดจะได้รับตำแหน่งเป็น จอหงวน (状元) ปั้งเหยี่ยน (榜眼) และทั่นฮวา (探花) ตามลำดับ
[2] ผู้ที่สอบผ่านระดับท้องถิ่น จะได้รับตำแหน่งจวี่เหริน
[3] ผู้ที่สอบผ่านระดับอำเภอ จะได้รับตำแหน่งซิ่วไฉ
[4] ผู้ที่สอบผ่านระดับสุดท้ายหรือการสอบหน้าพระที่นั่ง ก็จะได้รับตำแหน่งเป็นบัณฑิตจิ้นชื่อ หรือบัณฑิตชั้นสูง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...