“หวานหว่านพูดถูกต้องแล้ว ต่อให้หัวข้อในการสอบหน้าพระที่นั่งจะไม่ใช่นโยบายเรื่องการจัดการปัญหาอุทกภัย แต่ในอนาคตหากพี่มีโอกาสได้เข้ารับราชการ เพื่อแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทและประชาชนแล้ว ก็ควรจะศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการน้ำอย่างจริงจังเอาไว้ ถึงจะถูก!”
ซูจิ่งเป็นคนหัวไว มิใช่บัณฑิตหัวโบราณที่ท่องตำราเป็นเพียงอย่างเดียว เขารู้จักพลิกแพลง ยอมรับ และนำคำแนะนำของผู้อื่นมาใช้ หากวันหนึ่งได้เป็นขุนนาง ประชาชนย่อมต้องการขุนนางที่รับฟังคำแนะนำเช่นนี้ ไม่ได้ต้องการผู้ปกครองที่เอาแต่ทำตามใจตัวเองและยึดมั่นในความคิดของตนแต่ฝ่ายเดียว
“พี่ใหญ่คิดได้แบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว สรุปแล้วก็ต้องดูสถานการณ์ปัจจุบันให้เป็น ไม่ใช่จำกัดตัวเองอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งเท่านั้น” ซูหว่านดีใจที่พี่ใหญ่ของนางเป็นคนคุยง่าย หากเป็นพวกหัวแข็งสักหน่อย ก็คงไม่มีทางคิดได้เร็วขนาดนี้
“หวานหว่านวางใจเถอะ หลังจากนี้พี่จะลองไปหาตำราเกี่ยวกับการจัดการอุทกภัยมาอ่านเพิ่มเติม ปัญหาน้ำท่วมในแม่น้ำเซวียนเหอเป็นปัญหาเรื้อรังมานานหลายปีแล้ว มีคนเคยสำรวจเส้นทางมาแล้วไม่น้อย ต้องมีบันทึกที่มีประโยชน์ทิ้งไว้บ้างแน่นอน!”
ซูจิ่งให้คำมั่นสัญญาอย่างจริงจังกับซูหว่าน เขาพูดถูก ขุนนางที่เคยไปดูแลอุทกภัยบริเวณลุ่มน้ำเซวียนเหอในแต่ละยุคแต่ละสมัยมีจำนวนไม่น้อย ย่อมต้องทิ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้บ้าง
“ข้าเชื่อพี่ใหญ่!” ซูหว่านยิ้มสดใส นางบรรลุเป้าหมายแล้ว
แต่ความสงสัยของซูจิ่งก็ตามมาทันที
“หวานหว่าน เจ้าไปรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร แล้วยังรู้มากมายขนาดนี้ด้วย”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของซูหว่านแทบร่วงหล่น นางยังไม่ได้เตรียมบทพูดมาเลย ริมฝีปากขยับยุกยิกสองสามครั้ง แล้วก็ตะกุกตะกักหาเหตุผลขึ้นมาว่า
“วันนี้ข้าได้ยินแขกโต๊ะหนึ่งในโรงน้ำชาที่ตลาดคุยกัน จึงนึกถึงภัยแฝงเหล่านี้ขึ้นมา รู้สึกไม่สบายใจชอบกล ก็เลยรีบมาเตือนพี่ใหญ่ หลังปีใหม่ก็จะเป็นการสอบในช่วงฤดูใบไม้ผลิ(การสอบระดับเมืองหลวง) เหลือเวลาให้พี่ใหญ่เตรียมตัวไม่มากแล้ว
อีกอย่าง ข้าเคยอยู่ในตระกูลกู้มาสิบกว่าปี นายท่านกู้เดินทางค้าขายไปทั่ว ได้เห็นได้ยินอะไรมามากมาย เขากลับจากการค้าขายก็มักจะเล่าเรื่องเหตุบ้านการเมืองต่างๆ ให้ฟัง ข้าได้ยินมาเยอะ จึงรู้มากเป็นธรรมดา!”
นางพูดออกมาอย่างราบรื่นไม่มีช่องโหว่ ซูจิ่งไม่รู้สึกสงสัยเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังพยักหน้าชื่นชม
“ลูกหลานที่เติบโตมาในตระกูลร่ำรวยมีวิสัยทัศน์และประสบการณ์กว้างไกลจริงๆ ข้อนี้ หากไม่ยอมรับ เห็นทีคงไม่ได้แล้ว ดังนั้นต่อไปพี่จะพยายามให้มากขึ้น เพื่ออนาคตที่สดใสของตัวเอง แล้วยังเป็นการปูทางให้ลูกหลานได้เห็นโลกกว้างและมีความรู้ความสามารถ!”
แม้ซูจิ่งจะรังเกียจในความหยิ่งผยองและความเห็นแก่ตัวของคนรวย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าพวกเขารู้อะไรมากกว่าตัวเองจริงๆ
วิธีการที่นางเสนอมานั้นล้วนเป็นไปได้ มีประโยชน์มากกว่าการเอาแต่ถมอย่างเดียว อย่างน้อยก็สามารถคลี่คลายสถานการณ์ตรงหน้าไปได้ก่อน
ซูจิ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สายตาที่มองซูหว่านทั้งตื่นเต้นและเหลือเชื่อ
“พี่ใหญ่ มองข้าทำไมหรือ” ซูหว่านรู้สึกไม่มั่นใจ
“หวานหว่าน เจ้าเก่งมากจริงๆ หากเจ้าเป็นผู้ชาย พวกเราจะเหลืออะไรทำเล่า” ซูจิ่งเกือบจะยกน้องสาวขึ้นหิ้งบูชาแล้ว
ซูหว่านคิดในใจว่ายังดีที่ไม่ใช่การตั้งคำถาม ไม่อย่างนั้นนางเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้ว ความรู้และความคิดเหล่านี้ ไม่มีในตำรายุคนี้แน่นอน
นางก็แค่อาศัยความสะดวกสบายในยุคหลังและความก้าวหน้าของอินเทอร์เน็ต จึงมีความรู้เหล่านี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความฉลาดของนางเลยแม้แต่น้อย
“เป็นไปได้ที่ไหนล่ะพี่ใหญ่ ข้าเป็นผู้หญิงนะ!” นางแกล้งหยอกเย้าทำให้ซูจิ่งหัวเราะ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...