“แล้วก็...ไปดูเจ้าเฮงเฮงด้วยว่าเป็นอะไรไปหรือไม่” เจียงอวี้หันไปพูดกับซูเฉินอีกประโยคหนึ่ง
เรื่องนี้มีพิรุธ จะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าและเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี
ซูเฉินเองก็รู้สึกแปลกใจ “จริงด้วย ทำไมคืนนี้ไม่ได้ยินเสียงครางหงิงๆ ของเจ้าเฮงเฮงเลย”
เขาเดินไปที่ลานบ้านเรียกเจ้าเฮงเฮงอยู่สองสามครั้ง ครั้นไม่มีเสียงสุนัขตอบรับ เขาจึงวิ่งไปดูที่บ้านสุนัขที่ทำไว้ให้เจ้าเฮงเฮง ก็พบว่าร่างของเจ้าเฮงเฮงแข็งทื่อไปแล้ว
“หวานหว่าน เจียงอวี้ เจ้าเฮงเฮงตายแล้ว!”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ซูหว่านก็รีบวิ่งไปที่ลานบ้าน นางใช้ตะเกียงน้ำมันส่องดู ศพของเจ้าเฮงเฮงไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย แสดงว่ามันถูกวางยา
คิ้วของนางขมวดแน่น วันนี้ตอนกลางวัน เจ้าหมาน้อยยังร่าเริงอยู่เลย
“จะต้องมีคนวางแผนล่วงหน้าแน่ๆ วันนี้มีใครมาวนเวียนอยู่แถวบ้านเราบ้างไหม หรือช่วงกลางวัน มีใครมาที่บ้านเราบ้างหรือเปล่า ตามปกติแล้ว เจ้าเฮงเฮงจะถูกล่ามไว้ในลานบ้าน เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปหาอะไรกินมั่วซั่ว จะต้องมีคนเข้ามาเอายาพิษให้มันกินล่วงหน้า ไม่มีทางเพิ่งถูกวางยา เพราะยาจะไม่ออกฤทธิ์เร็วขนาดนี้ ต้องใช้เวลาสักพัก เช่นนั้นคนคนนี้จะต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!”
นางไม่ได้อยู่บ้านเมื่อตอนกลางวัน จึงไม่รู้ว่ามีใครมาบ้าง ตั้งแต่เจ้าเฮงเฮงโดนยาพิษจนถึงตอนยาออกฤทธิ์ ย่อมไม่ใช่เวลาสั้นๆ หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน ยังได้ยินมันครางหงิงๆ อยู่ในลานบ้านสักพักใหญ่ๆ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะปกติมันก็ชอบทำเสียงดังอยู่แล้ว
พ่อซูอยู่บ้านทั้งวัน เขาพยายามนึกย้อนดูว่ามีใครมาที่บ้านบ้าง สุดท้ายก็คิดถึงคนคนหนึ่งได้เท่านั้น
“วันนี้ตอนเย็นเจ้าเหอแวะมาหา บอกว่าจะเชิญพวกเราไปช่วยงานและอยู่กินข้าวด้วยในวันแต่งงานของลูกสาว!”
ผู้ใหญ่บ้านเหอมาหรือ เช่นนั้นก็บังเอิญแล้ว ในใจของซูหว่านได้คำตอบอยู่แล้ว
“ท่านพ่อ นอกจากเขาแล้ว ยังมีคนอื่นอีกไหม”
“ไม่มีแล้ว นอกจากเขาแล้วไม่มีใครมาอีกเลย แต่ไม่น่าจะใช่ลุงเหอของเจ้าหรอก เขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพ่อ ไม่มีทางทำร้ายพ่อหรอก”
พ่อซูเชื่อใจเพื่อนคนนี้มาก จึงปฏิเสธข้อสงสัยในใจโดยไม่รู้ตัว
“ท่านพ่อ เรื่องไปช่วยงานที่บ้านเขา ไม่ได้คุยกันไปแล้วตั้งแต่คืนนั้นที่มาสังสรรค์ด้วยกันหรอกหรือ แล้ววันที่พ่อไปใช้หนี้ก็พูดไปแล้วเหมือนกัน ไม่เห็นจำเป็นต้องวิ่งโร่มาพูดซ้ำอีกครั้งหรอก นี่มันออกจะเข้าข่ายปิดหูปิดตาตัวเองไปหน่อย ข้าไม่ได้ไม่เชื่อใจลุงเหอหรอกนะเจ้าคะ แต่ใจคนเรายากแท้หยั่งถึง คนที่ภายนอกดูเป็นคนดี ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีจริงๆ เสมอไปก็ได้ แล้วข้ายังจำได้อีกว่าคืนที่กินเหล้าด้วยกัน ลุงเหอเอาแต่ถามพ่อซ้ำๆ ว่าบ้านเราดีขึ้นแล้วจริงๆ หรือ นี่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ เหมือนเขาไม่อยากให้บ้านเราดีขึ้นอย่างนั้นแหละ”
ถ้าหากเป็นผู้ใหญ่บ้านเหอจริงๆ เช่นนั้นแรงจูงใจของเขาคือสิ่งใด
แรงจูงใจนี้มีเพียงซูหว่านคนเดียวที่รู้ แต่นางบอกไม่ได้
ทุกคนเข้ามาในบ้านแล้ว ซูอวิ๋นและซูอี้ยังคงสลบไสลไม่ได้สติ คนร้ายถูกเจียงอวี้มัดไว้อย่างแน่นหนา ซ้ำยังถูกอุดปากด้วยผ้า เมื่อยกตะเกียงน้ำมันขึ้นมาส่อง ใบหน้าของเขาปรากฏชัด แต่ไม่มีใครเคยพบคนผู้นี้มาก่อน
“คนนี้ดูไม่คุ้นหน้าเลย น่าจะไม่เคยเจอมาก่อน จะเป็นแค่หัวขโมยที่มาลักเล็กขโมยน้อยหรือเปล่า” พ่อซูตั้งคำถาม
“เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเป็นหัวขโมยที่ผ่านมาแล้วแวะขโมยของ จะวางยาพิษสุนัขของบ้านเราล่วงหน้าได้อย่างไร” แม่ซูก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ ต้องมีคนเล็งพวกเขาไว้นานแล้วแน่ๆ
ดูท่าเจ้าหัวขโมยคนนี้ใจกล้าไม่เบา เผชิญหน้ากับการสอบสวนของคนมากมายขนาดนี้ ยังไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลย
“ท่านลุงท่านป้า เรื่องการสอบสวน ให้เป็นหน้าที่ของข้าดีกว่า ไม่ว่าปากจะแข็งแค่ไหน ข้าก็ง้างออกมาได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ตีให้ปางตาย แล้วค่อยส่งไปให้ทางการจัดการ ความลำบากในคุกก็น่าจะพอให้เขาเข็ดหลาบ พวกท่านว่า ตอนนี้อากาศหนาวเย็นแบบนี้ ถ้าถูกตีจนปางตาย บาดเจ็บไปทั้งตัว แล้วถูกโยนเข้าไปคุกหลวงสักสองสามเดือน เขาจะยังมีชีวิตรอดออกมาได้ไหม”
[1] องครักษ์เสื้อแพร ‘錦衣衛’ เป็นหน่วยงานพิเศษในราชสำนักของจักรพรรดิ์ในสมัยราชวงศ์หมิง มีหน้าที่คล้ายตำรวจลับ ทำการสืบสวน คดีพิเศษ และปราบปรามขุนนางชั่วร้าย หรือผู้ที่กบฏต่อราชสำนัก

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...