เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 151

“เจียงอวี้ ขอบคุณนะ”

นางยิ้มตาหยี พลางพูดกับเขาอย่างจริงจัง นางรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะทางร้านเห็นแก่หน้าเขา ซูอวิ๋นถึงได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้การทำงานกับพ่อครัวในโรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซีได้

ได้ทำงานเฉพาะทางในสถานที่ที่เป็นมืออาชีพ ย่อมดีกว่าไปทำงานแบบไม่เป็นระบบอยู่ในสถานที่ที่ด้อยกว่า บางครั้งการเลือกทางลัดก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่เรียนรู้ก็อาศัยตนเองเป็นหลัก จะเรียนรู้ได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตนเอง สิ่งนี้ไม่มีทางลัดใช่ไหมล่ะ?

เจียงอวี้จ้องมองนาง แล้วจู่ๆ ก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ ซูหว่านจึงเอนตัวไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นภาพที่เห็นชัดถึงความต่างของส่วนสูงอย่างน่าเอ็นดู

“คำขอบคุณนี้ ข้ารับไว้แล้ว!”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นางได้ยินพอดี เสียงเบาละมุน ชวนให้เคลิบเคลิ้มโดยไม่รู้ตัว

ซูหว่านพยักหน้าอย่างงุนงง หลังจากซูอวิ๋นคุยธุระเสร็จก็หันมาเห็นเจียงอวี้โน้มตัวเข้าไปใกล้นางเข้าพอดี

เขาจึงแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสองทันที และผลักเจียงอวี้ให้แยกออกไปอย่างแรง

“ไม่มีอะไรก็อย่าเข้าใกล้นางขนาดนี้สิ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน?”

ซูอวิ๋นยังอยู่ในวัยกำลังโต ตัวยังไม่สูงเท่าเจียงอวี้ ตอนที่พูดประโยคนี้ก็กัดกรามแน่น ทำท่าทางดุดัน แต่ดูน่าขันมาก

เจียงอวี้ลูบจมูกตัวเอง พลางยิ้มอย่างแนบเนียน

ซูหว่านหัวเราะออกมาทันที ซูอวิ๋นจึงหันกลับไปมองนาง แล้วสั่งสอนว่า

“หัวเราะอะไรกัน ข้าทำเพื่อเจ้าอยู่นะ ไป กลับไปกินข้าวกันต่อ!” เขาดึงแขนซูหว่านแล้วพาไปยังห้องด้านข้าง

เจียงอวี้ไพล่มือไว้ที่ด้านหลัง แล้วเดินตามไปอย่างสบายอารมณ์

เมื่อกลับไป ซูอวิ๋นก็บอกข่าวดีกับคนในครอบครัว พอแม่ซูได้ยินว่าทำงานที่นี่ได้เงินเดือนสูงขนาดนี้ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“หัวเมืองต่างจากเมืองเล็กๆ รอบข้างจริงๆ เป็นสถานที่ที่ดีงามโดยแท้”

“ในเมื่อมาแล้ว ก็เรียนรู้วิธีผัดอาหารให้ดีๆ ในภายหน้าถึงจะเปิดภัตตาคารของตัวเองได้ดี เจ้าต้องรู้จักสังเกต เข้าใจไหม?” พ่อซูเริ่มสั่งสอนลูกชาย

ถ้าซูอวิ๋นมาทำงานที่นี่ เช่นนั้นนี่ก็จะเป็นครั้งแรกที่เขาออกมาไกลบ้านคนเดียว เขาไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกเลย อย่างไรเสียก็ต้องกล่าวสั่งสอนเขาบ้าง

“ท่านพ่อขอรับ เจ้าสี่ฉลาดเฉลียว ท่านไม่ต้องห่วงเขาหรอก!” พี่ใหญ่ซูจิ่งช่วยพูดให้เขา

ซูอวิ๋นเป็นคนที่กระตือรือร้นที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งห้าคน ถ้าซูเฉินเป็นคนที่กลัวการเข้าสังคม เช่นนั้นซูอวิ๋นก็คือคนที่เข้าสังคมเก่ง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็เข้ากับคนอื่นได้ดี

เขาเชื่อในน้องชายแท้ๆ ของตนเอง

“กินข้าวกันก่อนเถอะ เรื่องพวกนี้ กลับถึงบ้านแล้วค่อยคุยกันก็ได้” แม่ซูคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้พ่อซู

ซูหว่านตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้ซูอวิ๋นกับซูเฉินก็ไปกับนางด้วย

ไม่จำเป็นต้องไปกันเยอะ แค่พวกเขาสามคนก็พอแล้ว

รถม้าที่ใช้บรรทุกขนมข้าวซอยตัดรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว และได้ขับเคลื่อนพาพวกเขาตรงไปยังถนนของกินที่คึกคักที่สุด

ค่าธรรมเนียม สามสิบอีแปะต่อวัน ยังพอรับได้อยู่

จ่ายเงินแล้วก็หาทำเลที่ดีๆ แล้ววางของลง ตอนนี้ยังเช้าอยู่ บนถนนยังไม่คึกคักมากนัก แต่ตอนกลางคืนมีเทศกาลโคมไฟ ผู้คนก็น่าจะเยอะเลยทีเดียว

พอเริ่มคึกคัก ธุรกิจก็เริ่มต้นขึ้น แทบไม่ต้องตะโกนเรียกลูกค้าเลย ของก็ขายออกไปได้อย่างราบรื่น

เพราะให้ชิมฟรี คนที่มาล้อมแผงจึงเยอะขึ้นเรื่อยๆ พอตกบ่ายก็ขายหมดแล้ว

ทั้งสามคนพี่น้องยังไม่ได้กินข้าว พอกลับมาที่โรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซี เจียงอวี้ก็เตรียมอาหารไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว

ซูหว่านหิวมาก จึงกินข้าวไปสามชาม ตัวเลยพองเหมือนปลาปักเป้า

นางกินข้าวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดูไม่เสแสร้ง ไม่หยาบคาย กินอะไรก็ดูอร่อยไปหมด ทำให้คนที่เห็นรู้สึกเจริญอาหารตามไปด้วย

พอขายขนมข้าวซอยตัดหมด ทุกคนก็เริ่มตั้งตารอเทศกาลโคมไฟในตอนกลางคืน ซูอวิ๋นตื่นเต้นมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม