นางไปเอาเงินมากมายมาจากไหนกัน ถึงได้ซื้อหาของพวกนี้ได้?
แล้วบุรุษสวมหน้ากากเขี้ยวที่ยืนอยู่ข้างกายนางนั่นอีกเล่า เป็นใครกัน?
“หวานหว่าน คุณชายท่านนี้ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย ไม่คิดจะแนะนำให้ข้ารู้จักหน่อยหรือ?” นางทำตัวเป็นกันเองราวกับสนิทสนมกับซูหว่านเป็นอย่างดี
ซูหว่านเหลือบมองเจียงอวี้แวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองกู้เย่ว์ พยายามมองหาร่องรอยบางอย่างบนใบหน้าของนาง แต่กู้เย่ว์กลับยิ้มอย่างอ่อนโยนจนมองไม่ออกว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เมื่อคนเขาไม่แสดงท่าทีเป็นศัตรู ซูหว่านก็ไม่คิดจะหาเรื่องเช่นกัน อันที่จริงแล้วหากกู้เย่ว์ไม่ก่อเรื่องต่อหน้านาง ซูหว่านก็ไม่รังเกียจที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
“เขาเป็นสหายสนิทของพี่ใหญ่ บนใบหน้ามีรอยแผล จึงไม่สะดวกให้ผู้ใดพบเห็น เลยต้องปิดบังใบหน้าเอาไว้!”
ซูหว่านรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังการพยายามปกปิดความผิด ทั้งที่จริงแล้วนางไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ แต่นางก็ปลอบใจตัวเองว่า ที่ทำไปก็เพื่อช่วยให้เจียงอวี้หลุดพ้นจากชะตากรรมพระรองผู้น่าสงสาร จึงจงใจทำลายภาพลักษณ์ของเขาต่อหน้ากู้เย่ว์
หากทุกคนในที่นี้มีดวงตาทิพย์ คงจะมองเห็นเครื่องหมายคำถามสามอันลอยเด่นอยู่บนหน้าผากของเจียงอวี้อย่างชัดเจน
ว่ากระไรนะ? เขามีแผล? เขาไม่สะดวกพบปะผู้คน?
เจียงอวี้แทบจะหลุดหัวเราะออกมา เขาทำได้เพียงลูบจมูกเพื่อกลบเกลื่อน เอาเถิด ไม่สะดวกพบปะผู้คนก็ไม่สะดวก!
ตามคาด หลังจากได้ฟังจบ กู้เย่ว์ก็หมดความสนใจในตัวเจียงอวี้ในทันที นางเดินเข้าไปหาซูหว่าน แล้วพิจารณาการแต่งกายของนางอย่างละเอียด
ซูหว่านยืนนิ่งอยู่กับที่ มองนางด้วยความสงสัย
“หวานหว่าน ชุดนี้ของเจ้าช่างงดงามยิ่งนัก ขับกับผิวของเจ้ามาก ซื้อมาจากหัวเมืองหรือ? ร้านไหนกัน ข้าอยากจะไปดูบ้าง”
ชุดนี้เดิมทีก็ไม่ใช่นางที่เป็นคนซื้อ จะไปรู้ได้อย่างไรว่ามาจากร้านไหน แต่เพื่อป้องกันไม่ให้นางเอกและพระรองได้ใกล้ชิดกันมากเกินไป นางจึงยิ้มตอบไปว่า
“ลืมไปแล้วว่าชื่อร้านอะไร แต่ราคาไม่แพงเลย ชุดของเจ้าก็งดงามเช่นกัน”
ซูหว่านสังเกตเห็นว่า กู้เย่ว์ชอบสวมชุดสีม่วงอมชมพูเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้ดูอ่อนหวานและมีชีวิตชีวา
โชคดีที่กู้เย่ว์ไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงอะไรต่อ นางหันไปพูดคุยกับบรรดาพี่ชายคนอื่น ๆ แทน
เมื่อถามถึงว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่อยู่ ซูอวิ๋นก็ตอบว่าพี่ใหญ่บังเอิญพบสหายร่วมชั้นเรียนเก่า จึงถูกชวนไปล่องเรือชมทะเลสาบด้วยกัน
เป็นเช่นนี้จริง หลังจากที่ชนะรางวัลโคมไฟจากโรงเตี๊ยมเย่ว์หม่านซี เขาก็บังเอิญพบสหายเก่าในฝูงชน จึงบอกกล่าวกับคนที่บ้านแล้วแยกตัวไปเที่ยวเล่นกับสหาย
“ท่านแม่… ข้า… ข้า…” กู่เย่ว์เจอหน้ามารดาก็รู้สึกผิดอย่างยิ่ง ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ยังดีที่นายท่านกู้ช่วยพูดไกล่เกลี่ย
“เฮ้อ ทั้งแม่ผู้ให้กำเนิดและแม่ผู้เลี้ยงดูต่างก็คือแม่ เย่ว์เอ๋อร์เป็นเด็กกตัญญู ไม่ใช่คนลืมบุญคุณคน พ่อปลาบปลื้มใจยิ่งนัก!”
“โบราณว่าไว้ บุญคุณของผู้เลี้ยงดูนั้นยิ่งใหญ่กว่าบุญคุณของผู้ให้กำเนิด คำนี้ก็ไม่ผิดนัก แต่ว่าหวานหว่าน ข้าเองก็เป็นแม่บุญธรรมของเจ้าเหมือนกัน เหตุใดตอนนี้เจอหน้าข้าแล้ว เจ้าถึงไม่เรียกข้าว่าท่านแม่สักคำเล่า?”
ฮูหยินกู้หันหัวหอกไปทางซูหว่านอย่างกะทันหัน น้ำเสียงเจือความอิจฉาอยู่หลายส่วน แต่เป็นความอิจฉาที่เกิดจากกู้เย่ว์ ซูหว่านเองก็รีบชิงปลีกตัวออกมา
“ฮูหยินกู้อย่ากล่าวให้ข้าขายหน้านักเลยเจ้าค่ะ” นางไม่อยากจะเรียกนางว่าท่านแม่หรอก
ด้านกู้เย่ว์ที่หน้าซีดเผือด รีบเข้าไปควงแขนฮูหยินกู้พร้อมกับออดอ้อนว่า
“ท่านแม่~”
“เอาล่ะ ในวันมงคลเช่นนี้ บรรยากาศก็ดี ข้าก็จะไม่ทำตัวให้เสียบรรยากาศ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าข้ารนหาเรื่องใส่ตัวแลดูใจแคบไปเสียอีก เย่ว์เอ๋อร์ เจ้าเองก็ช่างกระไร หวานหว่านกับครอบครัวของนางสนิทสนมกัน นัดกันมาเดินเที่ยวชมเทศกาลโคมไฟ เจ้าเองก็รบเร้าให้พ่อกับแม่พามาเที่ยวไม่ใช่หรือ ตอนนี้พ่อของเจ้าได้จองเรือพร้อมที่นั่งไว้ที่แม่น้ำลั่วเหอแล้ว ได้เวลาลงเรือแล้ว อย่ามัวรบกวนพวกเขาอยู่เลย ไปกับพวกเราได้แล้ว!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...