“โธ่ พวกเจ้าแต่ละคน จำได้แต่เรื่องน้องสาว ลืมแม่คนนี้ไปหมดแล้ว ต่อไปถ้ามีภรรยากันหมดแล้ว ข้าจะทำเช่นไรกันเล่า!”
เมื่อได้ยินดังนั้น สามพี่น้องก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที พร้อมทั้งกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ท่านแม่ ท่านชอบอะไร เดี๋ยวข้าซื้อให้ท่าน!”
แม่ซูเอามือปิดปากหัวเราะ แล้วโบกมือ
“เอาล่ะ ข้าแค่ล้อพวกเจ้าเล่น ได้เห็นว่าพวกเจ้ารักใคร่ปรองดองกันดี ข้าก็วางใจแล้ว”
สิ้นเสียงของแม่ซู เสียงของพ่อซูก็ดังมาจากข้างหลัง
“อาซิ่ว ดูสิ ข้าก็ทายปริศนาโคมไฟได้เหมือนกัน ได้โคมดอกไม้มาด้วย”
พ่อซูยื่นโคมไฟไปตรงหน้าแม่ซูอย่างภูมิใจ ราวกับกำลังรอคอยคำชม
“มอบให้เจ้า ชอบหรือไม่?”
ต่อหน้าลูก ๆ สามีภรรยาสูงวัยยังจะมาทำอะไรแบบนี้อีก แม่ซูเขินจนหน้าแดงก่ำ รีบคว้าโคมไฟมาแล้วค้อนให้เขาทีหนึ่ง
“แก่เฒ่าป่านนี้แล้ว สำรวมหน่อยเถิด!”
“ไม่สำรวมตรงไหนกัน? หรือจะให้มีแต่พวกหนุ่มสาวเท่านั้นที่เล่นได้ พอพวกเราแก่แล้วก็เล่นไม่ได้หรือ?”
ซูหว่านแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ด้านข้าง
ซูอี้ที่เดินตามหลังพ่อซูมา ในมือกำลังถือตลับกระเบื้องสีขาวใบเล็ก ซึ่งเขาเตรียมจะมอบให้ซูหว่านเป็นของขวัญวันขึ้นปีใหม่ แต่ปริศนาโคมไฟที่ทายได้เมื่อครู่กลับถูกพ่อซูคว้าไปเสียก่อน เขาจึงต้องไปหาซื้อของอย่างอื่นมาแทน พอเห็นโคมไฟสองอันในมือของนาง เขาก็รู้สึกโชคดีที่ท่านพ่อแย่งโคมไฟของเขาไป
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชายทั้งหลาย ทำไมพวกท่านถึงมาอยู่ที่หัวเมืองด้วยเล่า?”
เสียงของเด็กสาวดังขึ้นมาอย่างกะทันหันอีกครั้ง ทุกคนหันขวับไปมองพร้อมกัน ปรากฏว่าเป็นกู้เย่ว์ ข้างกายนางยังมีเฉินอิ้งหงอยู่ด้วย
คนในตระกูลซูต่างประหลาดใจที่ได้พบนาง แต่ซูหว่านกลับไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพราะในนิยายต้นฉบับ คืนนี้คือฉากสำคัญที่พระเอกกับนางเอกได้พบกันเป็นครั้งแรก
กู้เย่ว์ใช้ความฉลาดปราดเปรื่องของตนไขปริศนาได้ติดต่อกันหลายข้อ จนได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คนมากมาย แต่เนื่องจากต้องผ่านด่านทั้งหกให้ได้จึงจะได้รับรางวัลใหญ่ เมื่อมาถึงปริศนาข้อที่หก กู้เย่ว์กลับต้องจนปัญญา พระเอกซึ่งยืนดูอยู่ตลอดเวลา รู้สึกทึ่งในความเฉลียวฉลาดของนาง จึงได้ช่วยนางไขปริศนาข้อที่หกได้สำเร็จ ของรางวัลคือกำไลหยกเหอเถียนอันหนึ่ง แม้คุณภาพจะไม่ใช่ระดับเลิศเลอ แต่ก็ได้กลายเป็นของแทนใจของคนทั้งสอง
“เจ้าค่ะ วันนี้ข้าตามท่านพ่อท่านแม่มาเที่ยวชมเทศกาลโคมไฟ ไม่คิดว่าจะได้พบท่านพ่อท่านแม่และพี่ชายทั้งหลาย วันนี้พวกท่านทุกคนแต่งกายดูดีมากเลยนะเจ้าคะ”
แม้ว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกเขาจะไม่ใช่ผ้าชั้นเลิศ แต่ทุกคนต่างก็แต่งกายอย่างดี โดยเฉพาะปิ่นระย้าบนศีรษะของซูหว่าน ที่ดูแล้วมีคุณภาพดียิ่งกว่าของนางเสียอีก
พูดอีกอย่างก็คือ ตั้งแต่ที่สลับตัวกลับมา ความเป็นอยู่ของตระกูลซูก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ใช่หรือไม่? แม้ซูหว่านจะจากตระกูลกู้ไปแล้ว แต่นางก็ยังคงใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายและหรูหรา
“เย่ว์เย่ว์ วันนี้เจ้าก็ดูดีมากเช่นกัน!” ทันทีที่ซูอวิ๋นเห็นกู้เย่ว์ เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข อย่างไรเสียนี่คือน้องสาวที่เขาทะนุถนอมมาตั้งแต่เล็ก แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่เขาก็ยังจดจำความผูกพันตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้
กู้เย่ว์เพิ่งจะสังเกตเห็นซูอวิ๋น จึงส่งยิ้มที่ยังคงความหวานละมุนให้เขา
“ขอบคุณพี่สี่ที่ชมเจ้าค่ะ!”
พี่ชายคนอื่น ๆ ก็ทักทายนางตามมารยาทเช่นกัน เฉินอิ้งหงที่อยู่ข้าง ๆ กู้เย่ว์คอยแอบมองซูอวิ๋นแล้วยิ้มอยู่เสมอ พอซูอวิ๋นมองมาที่นาง นางก็จะก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
ซูอวิ๋นรู้สึกพูดไม่ออก ไม่เข้าใจว่านางจะเขินอายอะไรนักหนา
กู้เย่ว์และซูหว่านต่างก็สวมเสื้อคลุม แต่เห็นได้ชัดว่าเสื้อคลุมขนจิ้งจอกบนร่างของซูหว่านนั้นดูสูงค่ากว่ามาก มีเพียงผู้ที่ดูของเป็นเท่านั้นจึงจะมองออกในแวบแรก ด้วยที่บ้านของพวกนางทำการค้าเกี่ยวกับผ้า กู้เย่ว์ที่เรียนรู้การทำการค้าอยู่ที่บ้าน จึงพอจะดูออกอยู่บ้าง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...