ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากว่าเป็นลูกแท้ ๆ จริง นางผู้ซึ่งเป็นพี่สาวไม่มีทางจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด
“พี่หญิง!” สองสามีภรรยาเอ่ยทักทายพี่สาวทันทีที่ก้าวเข้าประตูบ้าน
“อาหมิงกับเจวียนจื่อ ในที่สุดพวกเจ้าก็มากันแล้ว ห้องพักได้จัดเตรียมไว้ให้พวกเจ้าแล้ว กับข้าวก็ใกล้จะเสร็จแล้ว เดินทางมาทั้งวัน คงจะเหนื่อยกันแล้วกระมัง?”
ผู้เป็นพี่สาวดีใจอย่างยิ่งที่ได้เจอน้องชาย นางหันไปมองหลานสาวที่อยู่ด้านข้าง
หลานสาวมีชื่อว่าหยางชิงชิง ตอนนี้เติบโตเป็นสาวสะพรั่งงดงามแล้ว
“ชิงชิงยิ่งโตยิ่งสวย ป้าคิดถึงแทบแย่” นางกล่าวพลางจับมือหยางชิงชิงอย่างสนิทสนม
หยางชิงชิงก็เรียกนางว่าท่านป้าด้วยน้ำเสียงหวานใส
แม่ซูเดิมทีชื่อหยางซิ่ว สองพี่น้องคู่นี้หน้าตาดีมาก ทำให้ลูกหลานรุ่นหลังก็มีหน้าตาดูดีกันทุกคน
หยางชิงชิงก็มีรูปร่างหน้าตาที่สดใส คิ้วเข้ม ตาโต ริมฝีปากแดงระเรื่อ ฟันขาวสะอาด
แม่ซูดึงซูหว่านบุตรสาวของตัวเองเข้ามา เพื่อให้ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองได้ทำความรู้จักกัน
คาดว่าระหว่างทาง พ่อซูคงได้เล่าเรื่องที่สลับตัวลูกให้พวกเขาฟังแล้ว
ก่อนหน้านี้ เพราะบ้านเดิมอยู่ห่างไกล กู้เย่ว์และหยางชิงชิงจึงไม่ค่อยได้เจอกัน ครั้งเดียวที่เคยเจอกันก็ลงเอยไม่ค่อยดีนัก ตอนเด็กพอเจอกันทีไรก็ต้องทะเลาะกันทุกที
“ชิงชิง นี่คือหวานหว่านน้องหญิงของเจ้า คืนนี้เจ้าก็นอนกับนางไปก่อน ส่วนหวานหว่าน นี่คือพี่หญิง เจ้าต้องพาพี่หญิงไปเที่ยวเล่นรู้หรือไม่?”
ซูหว่านพยักหน้าอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าทั้งสองจะอายุห่างกันสองปี แต่ส่วนสูงของนางก็ไล่เลี่ยกับหยางชิงชิง
รอยยิ้มของซูหว่านมีลักยิ้มเล็ก ๆ สองข้าง ซึ่งดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก
“พี่หญิงชิงชิง!” นางทักทายหยางชิงชิง ส่วนหยางชิงชิงก็เรียกนางว่าน้องหวานหว่านเช่นกัน
จากนั้น แม่ซูก็ให้ซูหว่านเรียกน้าชายและน้าสะใภ้ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน น้าชายกับน้าสะใภ้ยังได้เตรียมของขวัญแรกพบไว้ให้ด้วย เป็นถุงผ้าสีแดงใบเล็ก ถึงแม้ข้างในจะไม่ได้มีเงินมากมายอะไร แต่ก็เป็นน้ำใจเล็กน้อย
“ขอบคุณน้าชาย น้าสะใภ้ ขอให้น้าชายและน้าสะใภ้มีความสุขสมปรารถนาเจ้าค่ะ” ซูหว่านเป็นเด็กปากหวาน เด็กแบบนี้มักจะเป็นที่รักของผู้ใหญ่ยิ่งนัก
นางเห็นว่าในมือของหยางชิงชิงยังถือห่อผ้าอยู่ ข้างในเป็นเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน บ้านของทั้งสองครอบครัวอยู่ห่างกันเพียงนี้ กว่าจะมาเยี่ยมกันสักครั้ง ก็ต้องพักอยู่สักสองสามวันแน่นอน
“พี่หญิงชิงชิง เดี๋ยวข้าพาท่านไปเก็บของในห้อง ไปกันเถิด!” ซูหว่านจูงมือนางเดินไปยังห้องของตัวเอง
เมื่อหยางชิงชิงเห็นว่าซูหว่านเข้ากับคนง่าย ความประทับใจแรกที่มีต่อนางก็จึงค่อนข้างดี
ตอนนั้นในใจนางก็คิดแต่ว่า ตระกูลซูยากจนขนาดนี้แล้ว มีบุตรชายมากมายก็มีแต่จะเป็นภาระ ทั้งสองบ้านก็สนิทสนมกันดี ถ้ายกเจ้าห้ามาให้นางเลี้ยง นางก็ย่อมไม่ปล่อยให้ลำบาก ทั้งยังช่วยแบ่งเบาภาระให้ด้วย เหตุใดนางถึงไม่ยอมกันนะ?
ทว่า คนเป็นแม่จะตัดใจยกลูกของตัวเองให้คนอื่นได้อย่างไรกัน?
แม่ซูก็ไม่ได้คิดจะถือสาหาความอะไรมาก นี่ก็ผ่านมาตั้งสองปีแล้วที่ไม่เคยส่งข่าวคราวอะไรมาเลย ถึงแม้จะเป็นลูกที่ขอเขามาเลี้ยง แต่หยางหมิงก็มีนางเป็นญาติสนิทเพียงคนเดียว แต่กลับไม่คิดจะติดต่อบอกกล่าวกันสักคำ คิดว่านางจะไม่รู้สึกโกรธเคืองบ้างเลยหรือ?
แต่เมื่อได้มานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว จะมัวมาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเก่าก่อนไปไย พูดคุยกันด้วยดีก็พอแล้ว
“พี่หญิงไม่โทษพวกเจ้า มาถึงแล้วก็อยู่เที่ยวเล่นสักสองสามวัน บ้านจะได้ครึกครื้น ถ้าทางบ้านมีเรื่องลำบากอันใดก็บอกพี่หญิง ตอนนี้ฐานะทางบ้านพี่หญิงก็ดีขึ้นมากแล้ว มีอะไรที่พอจะช่วยได้ก็จะช่วยอย่างแน่นอน”
แม่ซูก็ยังอยากจะช่วยเหลือทางบ้านเดิมอยู่แล้ว เพราะเหลือแค่น้องชายเพียงคนเดียว ถึงจะไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เกินกำลัง นางก็ยินดีจะช่วย
พอได้ยินพี่สาวพูดเช่นนั้น อู๋เจวียนและสามีก็สบตากันแวบหนึ่ง ตัดสินใจว่ามีเรื่องอะไรก็ควรจะพูดออกมาเสียตอนนี้เลย
“พี่หญิง พวกเรามีเรื่องอยากจะขอให้ท่านช่วยจริง ๆ แต่ว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างลำบากใจเสียหน่อย!”
พอได้ยินว่ามีเรื่องเดือดร้อนมาขอให้ช่วย แม่ซูก็หันไปสบตากับสามี ส่วนบรรดาพี่น้องตระกูลซูก็พากันเงี่ยหูรอฟังอย่างตั้งใจ
“เจวียนจื่อ มีเรื่องอันใดเจ้าก็ลองว่ามาเถิด”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...