“จะทำอย่างไรดี เพราะเรื่องนี้ทำให้ข้าเองก็นอนไม่หลับมาทั้งคืน หากคุณชายนายอำเภอมาตามหาถึงที่นี่จริง ๆ จะทำอย่างไรกัน?”
“ไม่หรอก ไกลถึงเพียงนี้ ไหนเลยจะมาได้ง่ายตามใจนึก หากเขากล้ามาจริง ๆ พวกเราก็ไปหานายอำเภอของเราให้ท่านช่วยไกล่เกลี่ย นายอำเภอแห่งอำเภอชิงเหอของเราย่อมต้องให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราอยู่แล้ว” แม่ซูรีบปลอบโยน
เห็นได้ชัดว่าในสายตาของชาวบ้าน นายอำเภอแห่งอำเภอชิงเหอนั้นเป็นนายอำเภอที่ดี
หยางชิงชิงนอนหลับจนเกือบเที่ยงวันจึงตื่นขึ้นมา เมื่อได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว สีหน้าของนางก็ดูดีขึ้นมาก
ในฤดูกาลนี้ บนเนินกลางเขามีดอกชาป่าเบ่งบานอยู่มากมาย เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นเป็นสีขาวโพลนไปทั่วทั้งบริเวณ ซูหว่านจึงพานางขึ้นเขาไปเก็บดอกชาป่าด้วยกัน เมื่อเดินผ่านบ้านของนายพรานเจียง ก็เห็นว่าดอกท้อบ้านเขาเริ่มบานแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นดอกตูมอยู่ ซูหว่านจึงคิดในใจว่ารออีกสักพักให้ดอกท้อบานสะพรั่งเต็มที่ แล้วจะมาขอเด็ดดอกท้อบ้านเขาไปสกัดเป็นน้ำดอกไม้
ครอบครัวหยางรู้แล้วว่าตระกูลซูสร้างตัวขึ้นมาได้จากการทำสบู่ แต่พวกเขาก็มิได้ซักไซ้ไล่เลียงอันใด ถือได้ว่าเป็นผู้มีมารยาทและไม่น่ารำคาญใจ
ซูหว่านพาหยางชิงชิงขึ้นเขาไป เพื่อให้นางได้ผ่อนคลายและเบี่ยงเบนความสนใจ
พรุ่งนี้เช้าตรู่ ทีมพ่อครัวจากในอำเภอจะลงมาจัดงานเลี้ยงที่บ้านตระกูลซู ถึงเวลานั้นบ้านตระกูลซูคงจะครึกครื้นเป็นอย่างมาก
……
ทางด้านซูจิ่ง หลังจากที่เดินทางรอนแรมกับขบวนพ่อค้ามานานกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวง เมื่อได้เห็นประตูเมืองหลวงตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เขาก็ถึงกับตกตะลึงในความยิ่งใหญ่อลังการของที่นี่
การเข้าออกเมืองที่นี่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด บนหอคอยสูงตระหง่านของกำแพงเมือง มีองครักษ์มากมายผลัดเปลี่ยนกันลาดตระเวนและยืนเฝ้า รักษาความสงบปลอดภัยของเมืองหลวง
ภายในเมืองขวักไขว่ไปด้วยรถม้าผู้คน ความมั่งคั่งหรูหรานั้นช่างน่าตื่นตา เจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองเซียงโจวไม่รู้กี่เท่า
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาสามัญที่สุด การแต่งกายก็ยังดูภูมิฐานและประณีตบรรจง
ซูจิ่งตามที่อยู่ที่เจียงอวี้ให้มา จนพบกับเรือนส่วนตัวที่เขาได้กล่าวไว้ เรือนแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านที่เจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวง ห่างจากสนามสอบขุนนางเพียงชั่วเวลาดื่มชาถ้วยเดียว เมื่อเดินเข้าไปในตรอกซอกซอยแห่งนี้ ก็พบว่าสองข้างทางล้วนเป็นบ้านของตระกูลใหญ่โต ประตูหน้าบ้านตกแต่งอย่างโอ่อ่าภูมิฐาน แทบทุกบ้านจะมีสิงโตหินขนาดใหญ่สองตัวตั้งตระหง่านอยู่หน้าประตู
และถนนหินที่ถูกเรียกว่าตรอกแห่งนี้ กลับกว้างขวางกว่าถนนในอำเภอชิงเหอเสียอีก
เรือนของเจียงอวี้นับว่าไม่ใหญ่โตนัก แม้จะเป็นเรือนสองชั้น แต่การตกแต่งภายในกลับดูเรียบง่ายและสง่างามอย่างยิ่ง ทุกแห่งหนที่สายตาทอดไป มีทั้งภูเขาจำลองและสระน้ำ ศาลาและหอสูง ตรงกลางยังมีสระบัวเล็ก ๆ เลี้ยงปลาหลีฮื้อพันธุ์ล้ำค่าไว้หลายตัวอยู่ใต้ใบบัว ส่วนสวนหลังบ้านก็ปลูกดอกไม้นานาพันธุ์ไว้มากมาย ซึ่งได้รับการดูแลอย่างงดงาม
เป็นดังที่เจียงอวี้บอกไว้ ในเรือนมีเพียงบ่าวชราวัยล่วงหกสิบปีคอยดูแลอยู่คนเดียว เมื่อได้ยินว่าเขาคือคุณชายสกุลซูที่เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อเข้าสอบ และจะมาพำนักที่นี่ บ่าวชราผู้นี้ซึ่งได้รับข่าวคราวมาล่วงหน้าแล้วว่าให้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอย่างดี ก็ได้มายืนรอต้อนรับเขาอย่างนอบน้อมนานแล้ว
หลังจากที่ซูจิ่งจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการเขียนจดหมายกลับบ้านเพื่อส่งข่าวคราวความปลอดภัย
หยางชิงชิงชี้ไปยังผลไม้ป่ากลุ่มนั้นบนพื้น เมื่อซูหว่านเห็น แววตาก็เป็นประกายราวกับได้พบสมบัติล้ำค่า
“พริก!”
ซูหว่านอุทานด้วยความประหลาดใจขณะมองพริกเหล่านั้น
“หวานหว่าน เจ้ารู้จักของสิ่งนี้ด้วยหรือ?” หยางชิงชิงไม่รู้เลยว่านี่คืออะไร แต่ซูหว่านกลับรู้จัก
“อืม นี่เป็นเครื่องปรุงที่ใช้ตอนผัดอาหาร อร่อยมาก พวกท่านอาจจะยังไม่เคยลอง แต่สำหรับคนที่ชอบกินแล้ว จะต้องชอบมากอย่างแน่นอน”
ซูหว่านอธิบายให้นางฟังง่าย ๆ ว่าในแคว้นจิ้นยังไม่นิยมกินเผ็ด จึงไม่มีใครปลูกพริก และไม่รู้ว่าพริกสามารถนำมาทำอาหารได้
พริกเขียวพริกแดงป่าเหล่านี้สามารถเก็บกลับไปได้ทั้งหมด และยังสามารถเก็บเมล็ดข้างในไว้เพาะปลูกต่อได้อีกด้วย
หากสามารถครอบครองทรัพยากรนี้ได้ ในอนาคตจะเป็นการช่วยเหลือครั้งใหญ่หลวงแก่พี่สี่ในการเปิดร้านอาหารของเขาอย่างแน่นอน
“เราเก็บทั้งหมดนี้กลับไปกันเถอะ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...