ทว่าตะกร้าของซูหว่านก็ไม่มีที่ว่างพอจะใส่พริกได้อีกแล้ว ทั้งยังเสียดายไม่อยากให้ดอกไม้ต้องช้ำ ทั้งสองจึงเก็บไปได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
คงต้องขึ้นเขาไปอีกรอบในภายหลัง เพื่อเก็บพริกที่เหลือกลับมาให้หมด
เมื่อกลับถึงบ้าน ซูหว่านรีบนำพริกสีเขียวสีแดงที่หามาได้ไปให้ซูอวิ๋นดูเป็นอันดับแรก
“พี่สี่ ข้าเจอของดีมาด้วย”
“ของดีอันใดกัน ข้าขอดูหน่อยว่าเป็นเช่นไร?” ซูอวิ๋นกำลังง่วนอยู่กับการปรุงซีอิ๊วสูตรของเขา ตั้งใจจะทำเก็บไว้อีกหนึ่งไห พอได้ยินซูหว่านบอกว่ามีของดี ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที
เมื่อเดินเข้ามาดู ก็เห็นผลไม้หน้าตาไม่คุ้นเคยที่ซูหว่านวางไว้บนโต๊ะกองหนึ่ง มีทั้งสีแดงและสีเขียว รูปทรงเรียวยาวแหลม
“นี่คืออะไรหรือ?”
“พริกเจ้าค่ะ เอาไว้ผัดกับข้าวอร่อยมาก ท่านต้องชอบเป็นแน่”
พอซูหว่านพูดถึงเรื่องผัดกับข้าว แววตาของซูอวิ๋นก็พลันเป็นประกายขึ้นมา
“กินได้ใช่หรือไม่” เขายื่นมือไปหยิบพริกสีแดงเม็ดหนึ่งขึ้นมา เช็ดกับเสื้อผ้าสองสามทีแล้วกัดเข้าไปคำหนึ่ง
ซูหว่านมองออกว่าเขาจะทำอะไร จึงรีบร้องห้าม
“พี่สี่ อย่า...”
แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ซูอวิ๋นเคี้ยวเข้าไปเรียบร้อย ทันทีที่รสเผ็ดซ่านขึ้นมา เขาก็รู้สึกราวกับมีภูเขาไฟระเบิดอยู่กลางใจ ใบหน้าแดงก่ำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“อ๊า~ นี่มันอะไรกัน ซูหว่าน เจ้าแกล้งข้าใช่หรือไม่?” เขาใช้มือพัดเข้าปากไม่หยุด
ซูหว่านหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ เป็นการหัวเราะเสียงดังลั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่สี่ การชิมทุกอย่างไปเรื่อยมันจะทำร้ายท่านเองนะเจ้าคะ”
นางรีบรินน้ำให้ซูอวิ๋น เขาดื่มรวดเดียวหมดไปหลายแก้ว คนอื่น ๆ ในบ้านได้ยินเสียงก็พากันมามุงดูด้วยความสนใจ
เมื่อเห็นสภาพของซูอวิ๋นที่เผ็ดจนแทบแย่ ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะอย่างอดไม่ได้
โชคยังดีที่เขากินไปเพียงคำเล็ก ๆ ดื่มน้ำตามไปหลายแก้วก็ทุเลาลงได้แล้ว แต่ถึงกระนั้นน้ำตาก็ยังเผ็ดจนไหลออกมา
ถึงจะเป็นคนที่กินเผ็ดได้ แต่การกินพริกดิบก็เป็นอะไรที่ยากจะทนไหว
“ซูหว่าน นี่คืออะไรกันแน่?”
ซูอวิ๋นรู้สึกว่าตนเองเชื่อใจนางมากเกินไป ถึงได้หยิบมากินโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
“พริกเจ้าค่ะ ของสิ่งนี้ต้องปรุงให้สุกเสียก่อนถึงจะกินได้ ใครจะกินแบบดิบเช่นท่าน รีบร้อนอะไรกัน ข้ายังพูดไม่ทันจบเลย”
ซูหว่านไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย เป็นเขาเองที่ไม่ยอมฟังให้จบก็รีบยัดเข้าปากไปเอง
ในตอนนั้นเอง ซูมู่ พี่ชายรองก็เดินเข้ามาหยิบพริกแดงเม็ดหนึ่งขึ้นมาพิจารณา แล้วลองดมดู
อีกอย่าง ซูหว่านก็พูดมาขนาดนี้แล้ว แถมยังเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมของเขา เป็นเมนูหนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนใครอีก เขาจะไม่ร่วมด้วยได้อย่างไร?
เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าเป็นคนแรกอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด
“หวานหว่าน ข้าไปด้วย!” ซูอี้หันมายิ้มให้นาง ดวงตาโค้งเป็นเสี้ยว
“ได้เลยเจ้าค่ะ~”
ดังนั้นสามพี่น้องจึงมุ่งหน้ากลับขึ้นเขาไปอีกครั้ง ส่วนท่านแม่ซูก็อยู่ที่บ้านนำดอกชาภูเขาที่ซูหว่านเก็บกลับมาทั้งหมดมาล้างทำความสะอาด เพราะลูกสาวบอกว่าจะนำไปทำสบู่ ของที่จะใช้กับร่างกายก็ต้องจัดการให้สะอาดสะอ้านแน่นอน
น้าสะใภ้และหยางชิงชิงก็ไม่ได้อยู่เฉย เข้ามาช่วยล้างด้วยกัน
พริกบนเขาบริเวณนั้น ทั้งเม็ดสีแดงและสีเขียวรวมกันแล้ว เก็บกลับมาได้เกือบเจ็ดสิบแปดสิบชั่ง
พริกสีแดงสามารถนำไปตากแห้งทำเป็นพริกแห้ง แล้วบดเป็นพริกป่นเก็บไว้ได้
แค่เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ส่วนหนึ่งก็พอ ส่วนพริกสีเขียวก็เก็บไว้สำหรับผัดสด ๆ หรือจะทำเป็นพริกดองก็ได้
ในตอนเย็น ซูหว่านได้ทำเมนูพริกผัดหมู โดยใช้ทั้งพริกเขียวและพริกแดง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วของซูอวิ๋น ใช้หมูสามชั้นส่วนที่มันน้อยเนื้อเยอะ เป็นเมนูที่กินกับข้าวสวยแล้วเจริญอาหารอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำไก่ผัดพริกขี้หนูหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ได้อีก ขึ้นอยู่กับวิธีการปรุง
เมื่ออาหารถูกยกขึ้นโต๊ะ ทุกคนต่างก็ไม่กล้าลงตะเกียบก่อน เพราะไม่เคยลิ้มลองมาก่อน แต่กลิ่นที่โชยมานั้นช่างหอมยั่วยวนใจเสียจริง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...