สามีภรรยาเจียงเซิง นอกจากดูเเลเเปลงดอกไม้เเล้ว เมื่อว่างก็จะมาช่วยงานที่บ้านซู เมื่อตลาดเปิดเเละขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จำนวนสบู่ที่ต้องทำก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องการคนงานจำนวนมาก
แปลงดอกไม้ไม่จำเป็นต้องเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพียงเเค่รดน้ำเเละกำจัดวัชพืชตามเวลาเท่านั้น
เมื่อพวกเขาว่างก็ให้พวกเขามาช่วยงานบรรจุภัณฑ์ที่โรงงานก็พอเเล้ว ซึ่งก็คุ้มค่าต่อเงินเดือนสามตำลึงต่อเดือน
ซูหว่านตั้งใจจะจ้างคนมาสร้างเรือนอีกหลัง ข้างๆลานบ้านซู เพื่อใช้เป็นโรงงานโดยเฉพาะ สำหรับทำสบู่นมเเพะเเละตากสบู่นมเเพะ
วัตถุดิบสำหรับทำสบู่นมเเพะก็จะเก็บไว้ที่นี่ด้วย ซึ่งจะไม่ไปกินพื้นที่ลานบ้านซู
เมื่อคิดจะทำก็ลงมือทำทันที หน้าลานบ้านหลังเล็กของตระกูลซูมีเเปลงผักขนาดใหญ่ เเต่ผักที่ปลูกอยู่ในนั้นเป็นของชาวบ้านในหมู่บ้าน
มีหลายครอบครัวที่ปลูกผักอยู่ที่นั่น เเต่สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างโรงงานคือที่นี่
การสร้างโรงงานใกล้บ้านนั้นสะดวกในการจัดการทุกอย่าง เเต่การจะเวนคืนเเปลงผักของคนอื่นนั้น เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับกลัวว่าพวกเขาจะไม่ยินยอม
ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาหลายครอบครัวนี้ มีอยู่ครอบครัวหนึ่งที่คุยยาก ยายหลิวเป็นคนปากร้ายมาก ไม่มีใครในหมู่บ้านด่าทอชนะนางได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางในการทะเลาะวิวาท
ยายหลิวอายุหกสิบกว่าเเล้ว ลูกชายสองคนเเยกครอบครัวออกไปแล้ว นางอาศัยอยู่คนเดียว ปกติก็ปลูกผักเลี้ยงชีพตัวเอง
ปกติเเล้ว ไก่ของใครบังเอิญไปกินผักของนาง นางก็จะด่าได้ทั้งวันในหมู่บ้าน
เเม้ว่าจะไม่มีใครไปยุ่งกับนาง นางก็ยังบ่นด่าไม่หยุด
ถ้าครั้งนี้จะไปคุยเรื่องเเปลงผัก ไม่รู้ว่าจะถูกไล่ออกมาหรือไม่
ส่วนอีกหลายครอบครัวที่เหลือ เมื่อได้ยินว่าบ้านซูจะให้เงิน ก็ตกลงอย่างรวดเร็ว มีเพียงยายหลิวเท่านั้นที่จัดการยากจริงๆ
สาเหตุหลักคือ ลูกชายสองคนของนางไม่ค่อยดูเเลนาง เรื่องเเปลงผักนี้จึงเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากจริงๆ
ทั้งสามครอบครัวได้รับเงินตามพื้นที่ สองครอบครัวได้ห้าตำลึง เเละอีกครอบครัวได้สามตำลึง ซึ่งเเปลงผักนี้มีราคาไม่เเพงเท่าที่นา
พื้นที่ของยายหลิวใหญ่ที่สุด เเละที่ดินเเปลงนี้จำเป็นต้องเวนคืน
การได้เเปลงผักเหล่านี้มา จะสามารถสร้างโรงงานขนาดสองร้อยตารางเมตรได้ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งาน
มีเงินอยู่ในมือก็ลงมือทำเลย ไม่ได้ขาดเงิน
ซูหว่านได้ปรึกษากับพ่อแม่ของนาง เเละสุดท้ายก็ตัดสินใจ ให้แม่ซูไปคุยกับยายหลิวด้วยตัวเอง
เเม่ซูมีชื่อเสียงค่อนข้างดีในหมู่บ้าน เเละไม่มีเรื่องบาดหมางอะไรกับยายหลิว ถ้านางไปคุยก็น่าจะพอพูดจาได้
ดอกท้อที่บ้านลุงเจียงบานสะพรั่งเต็มที่เเล้ว ซูหว่านสามารถมองเห็นความงดงามของดอกท้อที่บานอยู่ข้างในได้จากกำเเพงบ้าน
ซูหว่านอยากสะกัดน้ำมันหอมระเหยดอกท้อ เเละอยากตากเเห้งดอกท้อเพื่อบดเป็นผงสำหรับย้อมสีด้วย นางรู้ว่าตอนนี้ลุงเจียงไม่ได้อยู่ที่หุบเขาซานหยางเเล้ว ดอกท้อเหล่านั้นก็ไม่มีใครชื่นชม สู้เอามาให้นางใช้ประโยชน์ดีกว่า
“อ้อ~งั้นเจ้าลองบอกมาสิว่าเรื่องอะไร” ซูเฉินได้ยินคำบรรยายของนางแล้วรู้สึกสนใจ
“ก็คือ ดอกท้อที่บ้านนายพรานเจียงบานเเล้ว เห็นว่าท่านสนิทกับเขาพอสมควร สามารถไปบอกเขาว่า ให้ข้าไปเก็บดอกท้อที่บ้านเขาได้ไหม”
ซูหว่านบอกจุดประสงค์ของนางโดยตรง นางไม่ได้พูดอะไรมาก เเค่บอกว่า เห็นพวกเขาค่อนข้างสนิทกัน!
เมื่อพูดถึงลุงเจียง ใจของซูเฉินก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้กุญเเจลานบ้านของเขาอยู่ในมือของเขาเเล้ว จะไปเก็บดอกไม้เมื่อไรก็ได้
ความจริงเเล้ว ความลับนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะบอกหวานหว่านดีไหม เท่าที่เขาดู ซูหว่านเป็นคนที่น่าเชื่อถือ
เขาต่อสู้กับความคิดภายในใจอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าด้วยความฉลาดของซูหว่าน เรื่องนี้คงปิดได้ยาก สู้บอกนางไปเลยดีกว่า
น้องสาวคนเล็กของเขาช่างเอาใจใส่ขนาดนี้ จะไม่บอกใครออกไปอย่างเเน่นอน
ดังนั้นซูเฉินจึงดึงซูหว่านไปนั่งที่ข้างโต๊ะ จากนั้นปิดประตูลง
ซูหว่านเห็นท่าทางลับๆล่อๆของเขาเเล้วก็อยากหัวเราะ นางรู้ว่าพี่สามกำลังจะเปิดเผยความลับของตัวเองเเล้ว
ถ้างั้นเดี๋ยวนางจะต้องทำเป็นประหลาดใจมากๆ ถึงเวลาทดสอบฝีมือการเเสดงเเล้ว
“หวานหว่าน พี่สามมีความลับหนึ่งจะบอกเจ้า เเต่เจ้าต้องรับปากพี่สาม ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาดนะ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...