สองพี่น้องชายนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ที่สำคัญคือการพาซูหว่านไปด้วย จะเสี่ยงอันตรายมิได้ หากเจอกับสัตว์ร้าย หรือคนไม่ดีจะทำอย่างไร?
“ข้ารู้แล้วพี่สาม ข้าหมายถึงกลับพรุ่งนี้เช้า เรากลับเข้าเมืองเซียงโจวก่อนเถิด ข้าอยากไปดูจวนเสียหน่อย ต่อให้ท่านพ่อท่านแม่ไม่มา ข้าก็ต้องมาอยู่ดี อย่างไรก็ต้องหาที่พักให้เรียบร้อยก่อน”
ซูหว่านคิดตกแล้ว ต่อให้ท่านพ่อท่านแม่ไม่มาก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียนางก็ต้องทำการค้าต่อไป จะปล่อยให้กิจการร้างไปเพียงเพราะความเห็นของท่านพ่อท่านแม่ไม่ตรงกันไม่ได้ การหาเงินต่อให้ไม่ใช่เพื่อครอบครัว ก็เพื่ออนาคตที่ดีของตนเองและเพื่อเป็นหลักประกันในการใช้ชีวิตในโลกต่างมิติแห่งนี้
“หวานหว่าน ไม่เป็นไร พี่สามจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ไม่ต้องกลัว”
หากท่านพ่อท่านแม่ไม่มาเซียงโจว ซูเฉินก็จะตามมาด้วย อยู่ที่บ้านเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว สู้มารับหน้าที่ปกป้องน้องสาวดีกว่า ออกมาทำการค้า จำเป็นต้องมีผู้คุ้มกันคอยดูแลนาง
“ยังมีข้าด้วย ข้าก็จะมาเป็นเพื่อนเจ้าที่เซียงโจว” ซูอี้เองก็กล่าวอย่างแย้มยิ้ม
เซียงโจวมีเวทีที่ใหญ่กว่า เขาเองก็ต้องหาโอกาสให้ตัวเองเช่นกัน
เขาคิดจะออกมาตั้งแผงวาดภาพคนเพื่อฝึกฝีมือ ซึ่งที่เซียงโจวมีโอกาสมากกว่า
เมื่อได้ยินว่าพี่ชายทั้งสองสนับสนุนและยอมมาเป็นเพื่อนโดยไม่มีเงื่อนไข ซูหว่านจะยังต้องกลัวอะไรอีก?
นางไม่หวาดหวั่นสิ่งใดอีกแล้ว
นางควงแขนพี่ชายคนละข้าง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา นางดูบอบบางเหลือเกิน
ไม่ทันไร พี่ห้าที่เจอกันครั้งแรกยังสูงกว่านางไม่เท่าไหร่ บัดนี้กลับสูงกว่านางไปแล้วหนึ่งช่วงศีรษะแล้ว
ส่วนพี่สามนั้น นางเอื้อมไม่ถึงแม้แต่ไหล่ของเขา
“ขอบคุณท่านพี่ทั้งหลาย!”
ซูหว่านที่เมื่อครู่ยังหน้าตาอมทุกข์ พอได้รับการปลอบโยนจากพี่ชาย ตอนนี้ก็กลับมายิ้มแย้มได้อีกครั้ง
ก่อนกลับ ซูหว่านซื้อดอกไป๋เหอให้ตัวเองช่อหนึ่ง พร้อมกับเลือกดอกไม้อื่น ๆ มาจัดเป็นช่อสีอบอุ่นด้วยตัวเอง ซึ่งดูสวยงามอย่างบอกไม่ถูก
ไม่มีเหตุผลอื่นใด แค่อยากทำให้ตัวเองมีความสุขเท่านั้น
“เจ้าห้า เจ้าลองดูสิ ดอกไม้ที่หวานหว่านจัดเองนี่ก็งามยิ่งนัก”
บนรถม้า ซูเฉินเอ่ยชมดอกไม้ในอ้อมแขนของซูหว่าน
ซูอี้ชำเลืองมองไป สวยงามจริง ๆ รสนิยมของซูหว่านนั้นไม่ธรรมดาเลย
“ซานตานนี่หอมจังเลยเจ้าค่ะ ถ้าเอาไปทำสบู่น่าจะหอมมากแน่ ๆ” ซูหว่านก้มลงสูดกลิ่นหอมของดอกไป๋เหอเข้าไปอย่างแรง
“แขกผู้มีเกียรติ สวัสดีขอรับ ท่านต้องการซื้อขายบ้านเรือน หรือมาเลือกซื้อบ่าวไพร่หรือขอรับ?”
ผู้ที่มาเยือนสำนักงานซื้อขายบ้านล้วนเป็นแขกผู้มีเกียรติ เพราะสินค้าที่นี่คือจวน ซึ่งเป็นสมบัติของทางการ และแตกต่างจากบ้านที่สร้างบนที่ดินส่วนบุคคลโดยสิ้นเชิง
อีกทั้งการค้าของสำนักงานซื้อขายบ้านก็มีเพียงสองอย่าง คือ จวนและบ่าวไพร่ คนที่จะสามารถซื้อบ่าวไพร่ไปรับใช้ได้ย่อมต้องเป็นชนชั้นสูงอย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงถูกขนานนามว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติ
“ข้าอยากจะดูจวนสักหลัง!” ซูหว่านเอ่ยตอบ
“ได้เลยขอรับ ดูจวนเชิญทางด้านซ้าย ข้าจะไปยกน้ำชามาให้ทุกท่าน!”
ฝั่งซ้ายสำหรับดูจวน ฝั่งขวาสำหรับดูตัวทาส ต้องการสิ่งใดบอกได้ทุกอย่าง รับรองว่าพอใจ ก็ไม่ต่างอะไรจากบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในยุคปัจจุบัน
เพียงแต่พวกเขาเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ทำกำไรส่วนต่างให้กับราชสำนัก
ผู้ที่มาต้อนรับซูหว่านคือชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปี ดูจากลักษณะท่าทางแล้วก็รู้ว่าเป็นคนฉลาดและมีความสามารถ
“แขกผู้มีเกียรติ ท่านต้องการจวนที่มีเรือนกี่หลังหรือขอรับ? ที่บ้านมีสมาชิกรวมทั้งหมดกี่คน มีนายท่านกี่ท่าน และมีบ่าวไพร่เท่าใด ข้าจะได้แนะนำจวนที่เหมาะสมกับจำนวนคนให้ ท่านต้องการทำเลที่คึกคักมีชีวิตชีวา หรือต้องการแบบที่สงบงดงามเป็นส่วนตัว ขนาดของลานบ้าน ทิศเหนือใต้ รูปแบบการจัดวาง และงบประมาณคร่าว ๆ ที่ตั้งไว้ ท่านสามารถบอกความต้องการทั้งหมดกับข้าน้อยได้เลย ข้าน้อยจะแนะนำหลังที่ถูกใจที่สุดให้ และสามารถพาท่านไปดูได้ทันทีขอรับ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...